ความดีเจ็ดประการที่สานต่อผลบุญหลังตาย
  จำนวนคนเข้าชม  30136

 

ความดีเจ็ดประการที่สานต่อผลบุญหลังตาย


ดร.อับดุรเราะซาก บิน อับดุลมุหฺสิน อัล-บัดรฺ


         ถือเป็นนิอฺมัตความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ที่อัลลอฮฺทรงเตรียมช่องทางประกอบความดีไว้มากมายและหลากหลาย เพื่อให้บ่าวของพระองค์ผู้ได้รับทางนำสามารถปฏิบัติในขณะที่มีชีวิตแล้วยังได้รับผลบุญต่อเนื่องกระทั่งภายหลังความตาย ทั้งนี้ บรรดาผู้ที่อยู่ในหลุมศพนั้น โดยสภาพแล้วพวกเขาได้กลายเป็นผู้ที่ถูกจองจำและถูกตัดขาดจากการงานต่างๆ อีกทั้งยังถูกสอบสวนลงโทษและตอบแทนในสิ่งที่ได้กระทำไว้ในโลกดุนยา

          ในขณะที่บ่าวผู้ได้รับทางนำนั้นแม้ว่าเขาจะถูกฝังอยู่ในหลุมศพแต่ผลบุญและความประเสริฐนานัปการกลับไหลรินสู่เขาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย เขาได้ทิ้งโลกแห่งการเก็บเกี่ยวปฏิบัติมาแล้ว แต่คุณงามความดีต่างๆ กลับไม่เคยขาดหายไปด้วย ตรงกันข้ามผลบุญและความดีของเขากลับเพิ่มขึ้นทวีคูณหลายเท่า ช่างเป็นสถานะและผลตอบแทนที่ประเสริฐและงดงามเสียเหลือเกิน ท่านนบี ได้กล่าวถึงการงานและความดีเจ็ดประการ ที่ส่งผลบุญต่อเนื่องแม้จะสิ้นลมหายใจไปแล้ว

โดยท่านอนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี กล่าวว่า:

 "มีความดีเจ็ดประการ ที่ผลบุญของมันจะยังคงต่อเนื่องไม่ขาดสายแม้ผู้เป็นบ่าวจะสิ้นลมหายใจอยู่ในหลุมศพไปแล้ว คือ:

การที่คนคนหนึ่งได้สั่งสอนเผยแผ่ความรู้, หรือขุดแม่น้ำลำธาร, ขุดบ่อน้ำ, ปลูกต้นอินทผลัม, สร้างมัสยิด, แจกจ่ายมุศหัฟ

หรือ มีลูกที่คอยวิงวอนขออภัยโทษให้แก่เขาหลังจากที่เขาตายไป"

(บันทึกโดยอัล-บัซซารฺ ในกัชฟุลอัสตารฺ หะดีษเลขที่ 149 โดยเชคอัล-อัลบานีย์ระบุว่าเป็นหะดีษที่อยู่ในระดับหะสัน)

 

          พี่น้องที่รักของฉัน ลองพิจารณาการงานเหล่านี้ให้ดีเถิดแล้วจงตั้งจิตมั่นที่จะมีส่วนร่วมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ตราบที่ท่านยังคงมีชีวิตอยู่ในโลกแห่งการประวิงเวลานี้ จงรีบเร่งขวนขวายความดีงามและผลบุญอันมหาศาลนี้ไว้ก่อนที่ชีวิตจะจบลงเมื่อสิ้นอายุขัย

เราลองมาดูความหมาย และคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการงานเหล่านี้กัน


ประการแรก : การเผยแผ่ความรู้

         ซึ่งในที่นี้หมายถึง ความรู้ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ และช่วยส่องนำทางมนุษย์ไปสู่หนทางที่เที่ยงตรงให้รู้จักศาสนา รู้จักพระผู้เป็นเจ้าที่พวกเขาจำเป็นต้องเคารพสักการะเป็นความรู้ที่ทำให้สามารถแยกแยะได้ระหว่างทางนำกับทางที่หลงผิด สัจธรรมกับความเท็จและระหว่างสิ่งที่เป็นที่อนุมัติกับสิ่งต้องห้าม

         สิ่งนี้แสดงให้เห็นบทบาทและคุณูปการอันใหญ่หลวงของบรรดาผู้รู้และผู้เผยแผ่ศาสนาซึ่งทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ พวกท่านเหล่านั้นเปรียบดังโคมไฟส่องสว่างนำทางประชาชาติ การมีชีวิตอยู่ของพวกท่านถือเป็นสิ่งมีค่ามหาศาล ในขณะที่ความตายของพวกท่านก็ถือเป็นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ พวกท่านเหล่านั้นได้อบรมสั่งสอนผู้ที่ไม่รู้ ตักเตือนผู้ที่หลงลืม และชี้แนะผู้ที่หลงผิด พวกท่านไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้แก่ใคร เมื่อผู้รู้ท่านหนึ่งท่านใดเสียชีวิต ความรู้ของท่านก็ยังคงได้รับการถ่ายทอดต่อไปผ่านตำรับตำราที่ท่านได้เขียนไว้ คำพูดของท่านก็ยังคงถูกกล่าวถึง และยังมีผู้คนมากมายได้รับประโยชน์จากผลงานของท่าน ส่วนตัวท่านนั้นก็คอยรับผลบุญที่พรั่งพรูไปถึงอย่างมิขาดสาย

          ในอดีตกล่าวกันว่า "แม้ผู้รู้จะจากไปแต่ความรู้ของท่านก็ยังคงอยู่ในตำรับตำราที่ท่านเขียนไว้" แต่ในปัจจุบันนี้แม้แต่เสียงของผู้รู้ก็ยังได้รับการบันทึกไว้ในเทปซีดีต่างๆ ซึ่งอัดแน่นไปด้วยไฟล์เสียงการบรรยายวิชาการศาสนาและคุฏบะฮฺที่มีคุณค่า ทำให้คนรุ่นหลังซึ่งเกิดไม่ทันหรือไม่มีโอกาสได้พบเจอท่านได้รับประโยชน์ด้วย นอกเหนือไปจากนี้ผู้ที่มีส่วนในการจัดพิมพ์และเผยแพร่หนังสือหรือเทปซีดีความรู้ศาสนาก็มีส่วนได้รับผลบุญข้อนี้ด้วยเช่นกัน อินชาอัลลอฮฺ

 

ประการที่สอง : การขุดแม่น้ำ

          หมายถึง การขุดแม่น้ำลำธารและคูคลองต่างๆเพื่อสร้างแหล่งน้ำให้ผู้คนได้ใช้ดื่มกิน หุงหาอาหารใช้ประโยชน์ด้านการเกษตร หรือเลี้ยงปศุสัตว์เป็นการสร้างความสะดวกสบายแก่ผู้คนในการเข้าถึงแหล่งน้ำซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งสำหรับการดำรงชีวิต สิ่งนี้ยังหมายรวมถึงการส่งน้ำผ่านระบบท่อหรือการติดตั้งตู้บริการน้ำเย็นตามถนนหนทางและสถานที่ต่างๆ ด้วยเช่นกัน

 

ประการที่สาม : การขุดบ่อน้ำ

     ซึ่งก็คล้ายกับข้อก่อนหน้านี้ มีบันทึกรายงานจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี กล่าวว่า:

       "ขณะที่ชายคนหนึ่งเดินอยู่ในสภาพที่กระหายน้ำเป็นอย่างยิ่งพลันก็เห็นบ่อน้ำบ่อหนึ่งเขาจึงลงไปดื่มน้ำในบ่อนั้นเมื่อขึ้นมาจากบ่อก็พบว่ามีสุนัขตัวหนึ่งกำลังเลียดินกินในสภาพที่หอบกระหายหิวโซ

ชายคนดังกล่าวจึงรำพันกับตัวเองว่า: 'สุนัขตัวนี้กำลังอยู่ในสภาพหิวกระหายไม่ต่างจากสภาพของเราเมื่อสักครู่นี้'

ว่าแล้วเขาก็กลับลงไปในบ่อนั้นอีกครั้งแล้วตักน้ำใส่รองเท้าของเขาจนเต็มเพื่อให้สุนัขตัวนั้นได้ดื่มกินซึ่งอัลลอฮฺก็ทรงชื่นชมเขา และทรงอภัยให้แก่เขา"

บรรดาเศาะหาบะฮฺก็กล่าวถามว่า:โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮฺ เราจะได้รับผลบุญจากการทำดีต่อสัตว์ด้วยหรือครับ?

ท่านตอบว่า "การช่วยเหลือและทำดีต่อสัตว์มีชีวิตทุกชนิดถือเป็นความดีที่จะได้รับผลบุญตอบแทน"

(บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ หะดีษเลขที่ 2466 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 2244)

          ถ้าหากว่าชายผู้นี้ได้รับการตอบแทนถึงขนาดนี้ แน่นอนว่าผู้ที่ทำการขุดบ่อน้ำ หรือมีส่วนร่วมในการทำให้มีบ่อน้ำขึ้นมาให้ผู้คนจำนวนมากได้ดับกระหายและใช้ประโยชน์ ย่อมได้รับผลบุญและการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย

 

ประการที่สี่ : การปลูกต้นอินทผลัม

          เป็นที่ทราบกันดีว่าต้นอินทผลัมนั้นถือเป็นพืชที่มีความโดดเด่นและมีคุณประโยชน์เหนือต้นไม้ชนิดอื่นๆ ดังนั้น ผู้ใดปลูกต้นอินทผลัมแล้วมอบผลผลิตของมันเพื่อเป็นกุศลทานอันถาวร (วะกัฟ) เพื่อพี่น้องมุสลิมเขาก็จะได้รับผลบุญอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่มีผู้กินผลของมัน หรือได้รับประโยชน์จากต้นของมันไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ การปลูกพืชชนิดอื่นๆที่มีประโยชน์ก็เช่นเดียวกันแต่ที่เจาะจงกล่าวถึงต้นอินทผลัมในที่นี้ก็เพราะคุณประโยชน์และความโดดเด่นของมันนั่นเอง

 

ประการที่ห้า : การสร้างมัสยิด

          อันเป็นสถานที่ซึ่งอัลลอฮฺทรงโปรดปรานที่สุดบนผืนแผ่นดินนี้ และเป็นสถานที่ซึ่งพระองค์ทรงอนุญาตให้สร้างขึ้นเพื่อการรำลึกถึงพระองค์ เมื่อมีการสร้างมัสยิด แน่นอนว่าจะต้องมีการละหมาด มีการอ่านอัลกุรอาน รำลึกถึงอัลลอฮฺ เผยแผ่ความรู้ และพบปะระหว่างพี่น้องมุสลิม ตลอดจนกิจกรรมอื่นๆที่เป็นประโยชน์ ซึ่งผู้บริจาคสร้างมัสยิดจะได้รับผลบุญของกิจกรรมต่างๆที่กล่าวมาทั้งหมด

ท่านอุษมาน บิน อัฟฟาน เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า: ฉันได้ยินท่านนบี กล่าวว่า:

"ผู้ใดสร้างมัสยิดโดยหวังในความพึงพอพระทัยของอัลลอฮฺ อัลลอฮฺจะทรงสร้างสิ่งเดียวกันนั้นเตรียมไว้สำหรับเขาในสรวงสวรรค์"

 (บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ หะดีษเลขที่ 450 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 533)

 

ประการที่หก : การแจกจ่ายมุศหัฟ (อัลกุรอาน)เป็นทาน

          ด้วยการจัดพิมพ์หรือซื้อหามุศหัฟ แล้วนำไปบริจาคเป็นกุศลทานถาวร(วะกัฟ) แก่มัสยิดหรือสถาบันสอนศาสนา เพื่อที่พี่น้องมุสลิมจะได้ใช้ประโยชน์ ทั้งนี้ผู้ที่ทำการวะกัฟมุศหัฟจะได้รับผลบุญอันมหาศาลทุกครั้งที่มีผู้นำมุศหัฟเหล่านั้นไปอ่าน ใคร่ครวญไตร่ตรอง หรือปฏิบัติตามคำสอนคำสั่งใช้ที่ปรากฏในอัลกุรอาน

 

ประการสุดท้าย : การอบรมเลี้ยงดูลูก

          ให้เติบโตเป็นผู้ที่มีความตักวายำเกรง และมีคุณธรรม เพื่อให้พวกเขาเป็นลูกที่มีความกตัญญูรู้คุณ เป็นผู้ที่ดำรงตนอยู่ในความดีงาม แล้วพวกเขาก็จะวิงวอนขอดุอาอ์ ให้พระองค์อัลลอฮฺทรงเมตตาและอภัยให้แก่บุพการีของพวกเขา และนี่ก็เป็นสิ่งที่ผู้ตายจะได้รับประโยชน์แม้ว่าเขาจะนอนอยู่ในหลุมศพแล้วก็ตาม

 


          มีหะดีษบทอื่นที่ระบุถึงเนื้อหาในทำนองเดียวกับหะดีษที่เรากำลังพูดถึงนี้ นั่นคือหะดีษซึ่งรายงานโดยท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านเราะสูล กล่าวว่า:

"ส่วนหนึ่งจากการงานและคุณความดีที่จะติดตามบ่าวผู้ศรัทธาไปหลังจากที่เขาสิ้นลมก็คือ:

ความรู้ที่เขาได้สั่งสอนและเผยแผ่

ลูกศอลิหฺที่เขาได้ทิ้งไว้

มุศหัฟที่เขาได้บริจาคแจกจ่าย

มัสยิดที่เขาได้สร้าง

ที่พำนักสำหรับผู้เดินทางซึ่งเขาได้เคยสร้างไว้

แม่น้ำลำธารที่เขาเคยขุด

หรือทานที่เขาเคยบริจาคด้วยทรัพย์สินของเขาในขณะที่เขายังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและยังมีชีวิตอยู่

แล้วผลบุญของการบริจาคทานนั้นตามติดเขาไปหลังตาย"

 (บันทึกโดยอิบนุมาญะฮฺ หะดีษเลขที่ 242 โดยเชคอัล-อัลบานีย์ระบุว่าเป็นหะดีษที่อยู่ในระดับหะสัน)

และมีรายงานจากท่านอบูอุมามะฮฺ อัล-บาฮิลียฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า: ท่านเราะสูล กล่าวว่า:

"มีบุคคลสี่จำพวกที่ผลบุญของพวกเขาจะยังคงต่อเนื่องกระทั่งหลังความตาย:

ผู้ที่ตายขณะทำหน้าที่ป้องกันข้าศึกในหนทางของอัลลอฮฺ

ผู้ที่สอนสั่งความรู้เขาก็จะได้รับผลบุญอย่างต่อเนื่องตราบใดที่มีผู้ปฏิบัติตามสิ่งที่เขาสอน

ผู้ที่บริจาคทาน เขาก็จะได้รับผลบุญแห่งทานนั้นตราบใดที่มันยังเป็นประโยชน์ และ

ผู้ที่จากไปโดยมีลูกศอลิหฺคอยวิงวอนขอดุอาอ์ให้แก่เขา

(บันทึกโดยอะหฺมัด 5/260-261 และอัฏ-เฏาะบะรอนียฺ หะดีษเลขที่ 7831 โดยเชคอัล-อัลบานีย์ระบุว่าเป็นหะดีษที่อยู่ในระดับหะสัน)


และท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านเราะสูล  กล่าวว่า:

"เมื่อมนุษย์ตายไปการงานต่างๆก็จะถูกตัดขาดจากเขายกเว้นการงานสามประการคือ:

การบริจาคทานที่มีผลประโยชน์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง (เศาะดะเกาะฮฺ ญาริยะฮฺ)

ความรู้ที่มีผู้ได้รับประโยชน์จากมัน หรือ

ลูกศอลิหฺที่คอยวิงวอนขอดุอาอ์ให้แก่เขา"

(บันทึกโดยมุสลิม หะดีษเลขที่ 1631)

          ซึ่งนักวิชาการส่วนหนึ่งได้ให้คำอธิบาย "เศาดะเกาะฮฺ ญาริยะฮฺ" ว่าคือ การวะกัฟ ซึ่งก็คือการที่ผู้บริจาคได้กำหนดให้ตัวทรัพย์สินที่บริจาคคงอยู่ แล้วให้ผลประโยชน์ที่เกิดจากทรัพย์สินนั้นเป็นกุศลทานแก่ผู้ที่เขากำหนด ซึ่งความดีต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ส่วนใหญ่ก็จัดอยู่ในกลุ่มของเศาะดะเกาะฮฺญาริยะฮฺนี้นั่นเอง

         คำกล่าวของท่านนบี  ในหะดีษข้างต้นความว่า "..หรือที่พำนักสำหรับผู้เดินทางซึ่งเขาได้เคยสร้างไว้" นั้นแสดงให้เห็นถึงความประเสริฐและผลบุญของการสร้างที่พักอาศัยแล้วบริจาคเป็นวะกัฟเพื่อที่พี่น้องมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นผู้เดินทางที่ขัดสนทุนทรัพย์ นักเรียนนักศึกษาผู้แสวงหาความรู้ เด็กกำพร้า หญิงหม้าย หรือผู้ยากจนขัดสน ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นการทำความดีที่ยิ่งใหญ่

 

ขออัลลอฮฺตะอาลาทรงประทานเตาฟีก สนับสนุนให้เราได้ใฝ่หาสิ่งที่เป็นคุณงามความดี

ขอพระองค์ทรงประทานความช่วยเหลือให้เราได้ยึดถือปฏิบัติการงานที่ดีทั้งหลาย

และขอพระองค์ทรงชี้นำเราสู่หนทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด

 

 

แปลโดย : อัสรัน นิยมเดชา / Islamhouse