ภราดรภาพ หนึ่งในคุณสมบัติของมุสลิม 2
โดย ... ปริญญา ประหยัดทรัพย์
สุนทรียภาพของภราดรภาพอิสลาม
แบบอย่างของท่านนบีมูฮำหมัด ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญและสุนทรียภาพของอุคูวะฮ์อิสลามียะฮ์ (ภราดรภาพอิสลาม) อย่างมากมาย อันนำไปสู่ความดีงามอเนกอุ เช่น
1. บุคคลที่เป็นพี่น้องกันทำให้เขาเกิดความรักความห่วงใยซึ่งกันและกันเพื่ออัลลอฮ์ ซึ่งผลจากการดังกล่าวนั้นทำให้ใบหน้าของเขามีรัศมีเจิดจรัส
จากอัล-หะดีษ
ท่านนบีมูฮำหมัด ได้กล่าวว่า :
แท้จริงในบรรดาปวงบ่าวของอัลลอฮฺ จะมีอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งไม่ใช่จากบรรดานบี และชุฮาดาอ์
แต่พวกเขาเป็นกลุ่มชนที่มีสถานะอันสูงส่งในทัศนะของอัลลอฮฺ
บรรดาอัครสาวกได้ทูลถามว่า พวกเขาเป็นใครกัน โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ ?
ท่านตอบว่า :
พวกเขาเป็นกลุ่มชนที่รักใคร่กันด้วยจิตวิญญาณเพื่ออัลลอฮฺ มิใช่ความใกล้ชิดทางเครือญาติ และมิใช่บนพื้นฐานทางปัจจัยวัตถุที่มีอยู่
ดังนั้นด้วยนามแห่งอัลลอฮฺ ใบหน้าของพวกเขาทอรัศมีเจิดจ้า
พวกเขาไม่เกรงกลัวสิ่งใดในขณะที่คนอื่นมีความหวาดกลัว และพวกเขาไม่มีความทุกข์ระทมในขณะที่คนอื่นระทมทุกข์
(รายงานโดย อบูดาวูด)
2. บาปของพวกเขาได้รับการอภัยโทษ
จากอัล-หะดีษ ท่านรอซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า :
"แท้จริงเมื่อใดที่มุสลิมพบกับพี่น้องของเขาแล้วได้กล่าวสลามและจับมือกัน บาปของเขาทั้งสองจะร่วงหล่นลง
ดั่งเช่นใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นจากก้านกิ่งของมันขณะที่ถูกลมพัด
แน่แท้ความผิดบาปของเขาจะได้รับการอภัยโทษ แม้นว่ามันจะมีมากมายดุจดั่งฟองน้ำในทะเลก็ตาม"
(รายงานโดย อัฎฎ็อบรอนีย์)
3. ในวันกียามะฮ์เขาได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของอัลลอฮฺ
จากอัล-หะดีษ ท่านรอซูลุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า :
"แท้จริงในวันกียามะฮ์ อัลลอฮฺ ทรงดำรัสว่า
คนที่รักกันเพื่อฉันอยู่ที่ไหน? ในวันนี้ฉันจะประทานร่มเงาให้แก่พวกเขาด้วยร่มเงาของฉัน ในวันที่ไม่มีร่มเงาใด ๆ นอกจากร่มเงาของฉัน"
(รายงานโดยมุสลิม)
4. อยู่ในอาณาจักรแห่งความรักความเมตตาของอัลลอฮฺ
จากอัล-หะดีษกุดซีย์ ท่านรอซูลุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า :
" อัลลอฮฺ ทรงดำรัสว่า
แน่นอนเขาจะได้รับความรักจากฉัน สำหรับบุคคลที่รักกันเพื่อฉัน เยี่ยมเยือนซึ่งกันและกันเพื่อฉัน และมอบให้แก่กันเพื่อฉัน"
5. ได้พำนักอยู่ในสรวงสวรรค์ของอัลลอฮฺ
จากอัล-หะดีษ ท่านรอซูลลุ้ลลอฮฺ ได้กล่าวว่า :
"ใครที่เยี่ยมเยียนผู้ป่วย หรือ เพื่อนพ้องของเขาเพื่ออัลลอฮฺ เขาจะถูกเรียก ณ องค์อัลลอฮฺ ว่า
จงก้าวอย่างสันติ และเราได้เตรียมที่อยู่ให้แก่เจ้าในสรวงสวรรค์แล้ว"
(รายงานโดย ติรมีซีย์)
6. ได้ลิ้มรสแห่งความหวานชื่นของอีหม่าน
จากอัล-หะดีษ ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ได้กล่าวว่า :
3 ประการต่อไปนี้ที่ผู้ใดครอบครองมันเขาจะได้ลิ้มรสความหวานชื่นของอีหม่านนั่นคือ
♥ อัลลอฮฺและรอซู้ลเป็นที่รักยิ่งของเขาเหนือสิ่งอื่นใด
♥ เขาไม่รักสิ่งอื่นใดนอกจากเพื่อความโปรดปรานของอัลลอฮฺ
♥ เขาชิงชังที่จะกลับสู่สภาพเนรคุณ ประหนึ่งเขาชิงชังที่จะถูกโยนลงไปในกองไฟ
(รายงานโดยบุคอรี-มุสลิม)
ความเห็นแก่ตัวและริษยาคือโรคร้ายกัดกร่อนสังคม
คราใดที่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในองคาพยพของสังคมเกิดความเห็นแก่ตัว มีแต่ความอิจฉาริษยาเข้ามาครอบงำพื้นที่แล้วแน่นอนที่สุดมันก็จะกัดกร่อนให้ความเป็นพี่น้อง ความเป็นภราดรภาพ ซึ่งเป็นรากฐานของสังคมมนุษย์ชาติต้องพังพินาศไปในที่สุด อีกทั้งมันทำลายคุณค่าและความประเสริฐ และคุณงามความดีแห่งความเป็นมนุษย์ให้สูญสิ้นสลายไป โดยมีความชั่วและความเลวร้าย ความเห็นแก่ตัว ความอิจฉาริษยาเข้ามาแทนที่ โอบล้อมไปด้วยความโศกเศร้าระทมทุกข์
แท้ที่จริงแล้วอิสลามได้บรรจุสารัตถะแห่งความเป็นพี่น้องซึ่งกันและกันในฐานะที่เป็นมนุษย์ร่วมโลกไว้อย่างบริบูรณ์ภายใต้กรอบแห่งพระดำรัสของอัลลอฮฺ ที่ว่า มนุษย์ทุกคนถูกกำเนิดมาจากชีวิตหนึ่งคืออาดัม และฮาวา
ดังนั้นอิสลามได้สอนให้มนุษย์ทุกคนเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า เขามิอาจจะโดดเดี่ยวตัวเองอยู่ในโลกใบนี้เพียงลำพังตัวเองได้เลย หากแต่เขาต้องพึงตระหนักถึงสิทธิ์และผลประโยชน์ของผู้อื่นโดยชอบธรรม มิได้เอารัดเอาเปรียบผู้หนึ่งผู้ใดในสังคมอย่างเด็ดขาด และผูกสัมพันธ์กับผู้คนในสังคมด้วยไมตรีจิต สร้างภราดรภาพให้เข้มแข็ง ต้องปกป้องผองภัย และอันตรายต่าง ๆ ที่กล้ำกรายเข้ามาเพื่อให้พี่น้องของเขาหลุดพ้นจากภัยต่าง ๆ มิเพียงแค่นั้นมุสลิมจะต้องมีความรู้สึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าว เมื่อผองพี่น้องถูกทำร้าย ถูกกดขี่ข่มเหง อันเป็นความรู้สึกที่ปวดร้าวที่แฝงฝังอยู่ในจิตใจของพี่น้องมุสลิมตลอดไป เฉกเช่นความเจ็บปวดส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายซึ่งมันทำให้อวัยวะทั้งหมดภายในร่างกายเจ็บปวดตามไปด้วย
ท่านศาสดามูฮำหมัด ได้กล่าวว่า :
"มุสลิมทุกคนเป็นพี่น้องกัน อย่าได้ทุจริตกันและอย่าเพิกเฉยทอดทิ้งกัน
♣ บุคคลใดที่เป็นธุระให้กับพี่น้องของเขา อัลลอฮฺจะเป็นธุระให้กับเขา
♣ บุคคลใดที่ขจัดความทุกข์ระทมอย่างหนึ่งอย่างใดออกไปจากพี่น้องมุสลิม อัลลอฮฺจะทรงขจัดความทุกข์ระทมประการหนึ่งจากความทุกข์ระทมทั้งหลายไปจากเขาในวันกียามะฮ์
♣ และบุคคลใดที่ปกปิด (ความลับ) ของพี่น้องมุสลิม อัลลอฮฺจะทรงปกปิด (ความลับของเขา) ในวันกียามะฮ์
(รายงานโดยบุคอรี,มุสลิม)
ภราดรภาพนำสู่ความเข้มแข็ง
พื้นฐานของกฎระเบียบทางสังคมอิสลามก็คือ หลักความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าในวันที่จะได้รู้จักสถานภาพของตนเองและสัมพันธภาพระหว่างมนุษย์ โลก และพระผู้เป็นเจ้า สาส์นของอิสลามที่ถูกถ่ายทอดผ่านเส้นทางประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานับตั้งแต่ศาสดาอาดัมจนถึงศาสดามูฮำหมัดนั้น ถือเป็นห่วงโซ่เส้นที่ยาวที่สุดที่มีการเชิญชวนและเรียกร้องให้มนุษย์ยอมรับว่า พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงอภิบาลที่แท้จริงคืออัลลอฮฺองค์เดียว เป็นสาส์นที่เรียกร้องให้มนุษย์ยอมจำนนต่อพระองค์พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกผู้ทรงหนึ่งเดียวเท่านั้น
อิสลามได้สอนในเรื่องความรัก ความเป็นพี่น้อง ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ซึ่งรับรู้ได้จากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ภายหลังจากท่านศาสดามูฮำหมัด ได้อพยพไปยังนครยัษริบ (มะดีนะฮ์) ท่านได้เริ่มกำหนดบทบาททางการเมืองใหม่ ซึ่งยังไม่เคยมีบรรดาศาสดาท่านใดทำมาก่อนเลย เจตนารมณ์ประการแรกคือการสร้างเอกภาพ ภราดรภาพในหมู่มุสลิมทั้งชาวมูฮาญีรีน ผู้อพยพจากนครมักกะฮ์ และชาวอันศอร ผู้ให้การช่วยเหลือชาวนครมะดีนะฮ์ ด้วยการสร้างความเป็นพี่น้องในหมู่พวกเขาที่นครมะดีนะฮ์ ซึ่งภาพลักษณ์ดังกล่าวท่านเคยสร้างความเป็นพี่น้องในหมู่ชาวมูฮาญีรีนในนครมักกะฮ์มาก่อนแล้ว
ท่านศาสดามูฮำหมัด มีความมุ่งมั่นปรารถนาในการสร้างความผูกพันอันเหนียวแน่นแก่พวกเขา โดยวางระเบียบกฎเกณฑ์และกำชับให้ชาวมูฮาญีรีน และชาวอันศอรจับคู่ความเป็นพี่น้องกันโดยท่านได้กล่าวว่า :
“ท่านทั้งหลายจงเป็นพี่น้องกัน เนื่องด้วยอัลลอฮ์ ทีละคู่ ทีละคู่เถิด”
(อิบนุกะษีร อัลบิดายะฮ์ 3/225)
ท่านคอรีญะฮ์ บุตรซุเฮร ได้ดำเนินเนินการตามเจตนารมณ์ดังกล่าว โดยจัดให้ อุมัร บุตร อัล-ค๊อฏฏ๊อบ คู่กับ อะตะบะฮ์ บุตรมาลิก, อบูอุบัยดะฮ์ บุตร อัล-ญัรรอห์ คู่กับ ซะฮ์ดุน บุตร มุอาซ และอับดุรเราะห์มาน บุตร เอาฟ์ คู่กับ ซะอ์ดุน บุตรรอบีอ์ เป็นต้น และบรรดาซอฮาบะฮ์ ก็จับคู่กันตามคำสั่งของท่านศาสดามูฮำหมัด สร้างความดีใจอย่างสุดซึ้งแก่ชาวอันศอร เช่นคำพูดของซะอ์ดุน บุตร รอบีอ์ ที่ได้บอกกับอับดุรเราะห์มาน บุตร เอาฟ์ว่า
“ฉันมีทรัพย์สินมากมาย ฉันจะแบ่งให้ท่านครึ่งหนึ่ง และฉันมีภรรยาสองคน ฉันจะหย่าคนหนึ่งเพื่อให้ท่านได้แต่งงานกับนาง”
นี่คือบทเรียนอันทรงคุณค่าสำหรับมุสลิมทุกคนให้ตระหนักถึงความเป็นพี่น้อง อย่าได้แตกแยกแตกความสามัคคีกันเพราะคราใดที่มุสลิมแตกความสามัคคีแยกความเป็นพี่น้องกัน ความอ่อนแอก็จะย่างกรายเข้ามาครอบงำสังคมมุสลิมอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง ดังที่พระองค์อัลลอฮ์ ตรัสไว้ ความว่า :
"และพวกเจ้าอย่าขัดแย้งกันเอง เพราะนั่นจะเป็นเหตุทำให้พวกเจ้าล้มเหลว และพลังของพวกเจ้าจะวิปลาสไป"
(ซูเราะฮ์ อัล-อันฟาล โองการที่ 46)
ขาดภราดรภาพแท้จริงคือขาดอีหม่าน
อีหม่าน คือ พลังผลักดันบุคคลสู่ความดีงาม อีหม่านที่เข้มแข็งจะก่อเกิดพฤติกรรมที่ศาสนาเชิดชูยกย่อง เช่นรู้จักความหมาย และสารัตถะของความเป็นพี่น้องในการอยู่ร่วมกันในสังคมบนโลกใบนี้ อันเป็นอัตลักษณ์ที่สะท้อนออกมาในเชิงของความดีงาม และเป็นสิ่งที่น่ายกย่องสรรเสริญ ซึ่งผลจากความเป็นพี่น้อง ความเป็นภราดรภาพอันเหนียวแน่น และบริสุทธิ์ใจนั้นจะสร้างความเข้มแข็งแก่ปัจเจกบุคคลและสังคม
คราใดที่มุสลิมแตกความสามัคคี ขาดความเป็นภราดรภาพ ความอ่อนแอก็จะย่างกรายเข้ามาครอบงำสังคมมุสลิมอย่างแน่นอน
เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเป็นยิ่งนักในยุคปัจจุบันนี้ ที่ความเป็นพี่น้อง ความเป็นภราดรภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของสังคมแห่งอัล-อิสลามที่สมบูรณ์แบบอันนี้ นับวันยิ่งยากที่จะพบเห็นรูปแบบที่สมบูรณ์ภายในสังคม ความเป็นพี่น้องและภราดรภาพแห่งอิสลามในสังคมมุสลิมค่อย ๆ ห่างเหินเลือนลางลงทุกที เมื่อถึงที่สุดคงจะเหลือไว้เพียงอุดมการณ์ และเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นเพียงแค่ทฤษฎีเท่านั้น
ดังนั้น ผู้ที่ตัดความสัมพันธ์แห่งความเป็นพี่น้องย่อมชี้ให้เห็นว่าขาดอีหม่านอย่างแท้จริง...
สำนักจุฬาราชมนตรี