ภราดรภาพ หนึ่งในคุณสมบัติของมุสลิม 2
  จำนวนคนเข้าชม  5094

ภราดรภาพ หนึ่งในคุณสมบัติของมุสลิม 2


โดย ... ปริญญา ประหยัดทรัพย์


สุนทรียภาพของภราดรภาพอิสลาม

        แบบอย่างของท่านนบีมูฮำหมัด   ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญและสุนทรียภาพของอุคูวะฮ์อิสลามียะฮ์ (ภราดรภาพอิสลาม) อย่างมากมาย อันนำไปสู่ความดีงามอเนกอุ  เช่น

 

1. บุคคลที่เป็นพี่น้องกันทำให้เขาเกิดความรักความห่วงใยซึ่งกันและกันเพื่ออัลลอฮ์ ซึ่งผลจากการดังกล่าวนั้นทำให้ใบหน้าของเขามีรัศมีเจิดจรัส

จากอัล-หะดีษ

ท่านนบีมูฮำหมัด ได้กล่าวว่า :

แท้จริงในบรรดาปวงบ่าวของอัลลอฮฺ  จะมีอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งไม่ใช่จากบรรดานบี และชุฮาดาอ์

แต่พวกเขาเป็นกลุ่มชนที่มีสถานะอันสูงส่งในทัศนะของอัลลอฮฺ

บรรดาอัครสาวกได้ทูลถามว่า พวกเขาเป็นใครกัน โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ ?

ท่านตอบว่า  :

พวกเขาเป็นกลุ่มชนที่รักใคร่กันด้วยจิตวิญญาณเพื่ออัลลอฮฺ มิใช่ความใกล้ชิดทางเครือญาติ และมิใช่บนพื้นฐานทางปัจจัยวัตถุที่มีอยู่

ดังนั้นด้วยนามแห่งอัลลอฮฺ ใบหน้าของพวกเขาทอรัศมีเจิดจ้า

พวกเขาไม่เกรงกลัวสิ่งใดในขณะที่คนอื่นมีความหวาดกลัว และพวกเขาไม่มีความทุกข์ระทมในขณะที่คนอื่นระทมทุกข์ 

(รายงานโดย  อบูดาวูด)


2. บาปของพวกเขาได้รับการอภัยโทษ

จากอัล-หะดีษ  ท่านรอซูลุลลอฮฺ   กล่าวว่า :

"แท้จริงเมื่อใดที่มุสลิมพบกับพี่น้องของเขาแล้วได้กล่าวสลามและจับมือกัน บาปของเขาทั้งสองจะร่วงหล่นลง

ดั่งเช่นใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นจากก้านกิ่งของมันขณะที่ถูกลมพัด

แน่แท้ความผิดบาปของเขาจะได้รับการอภัยโทษ แม้นว่ามันจะมีมากมายดุจดั่งฟองน้ำในทะเลก็ตาม"

(รายงานโดย อัฎฎ็อบรอนีย์)


3. ในวันกียามะฮ์เขาได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของอัลลอฮฺ

จากอัล-หะดีษ  ท่านรอซูลุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า :

"แท้จริงในวันกียามะฮ์ อัลลอฮฺ ทรงดำรัสว่า

คนที่รักกันเพื่อฉันอยู่ที่ไหน?  ในวันนี้ฉันจะประทานร่มเงาให้แก่พวกเขาด้วยร่มเงาของฉัน ในวันที่ไม่มีร่มเงาใด ๆ นอกจากร่มเงาของฉัน"

 (รายงานโดยมุสลิม)


4. อยู่ในอาณาจักรแห่งความรักความเมตตาของอัลลอฮฺ

จากอัล-หะดีษกุดซีย์  ท่านรอซูลุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า  :

" อัลลอฮฺ ทรงดำรัสว่า

แน่นอนเขาจะได้รับความรักจากฉัน สำหรับบุคคลที่รักกันเพื่อฉัน เยี่ยมเยือนซึ่งกันและกันเพื่อฉัน และมอบให้แก่กันเพื่อฉัน"


5. ได้พำนักอยู่ในสรวงสวรรค์ของอัลลอฮฺ

จากอัล-หะดีษ ท่านรอซูลลุ้ลลอฮฺ  ได้กล่าวว่า  :

"ใครที่เยี่ยมเยียนผู้ป่วย หรือ เพื่อนพ้องของเขาเพื่ออัลลอฮฺ เขาจะถูกเรียก ณ องค์อัลลอฮฺ ว่า

จงก้าวอย่างสันติ และเราได้เตรียมที่อยู่ให้แก่เจ้าในสรวงสวรรค์แล้ว"

 (รายงานโดย  ติรมีซีย์)


6. ได้ลิ้มรสแห่งความหวานชื่นของอีหม่าน

จากอัล-หะดีษ ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์  ได้กล่าวว่า :

3  ประการต่อไปนี้ที่ผู้ใดครอบครองมันเขาจะได้ลิ้มรสความหวานชื่นของอีหม่านนั่นคือ

♥ อัลลอฮฺและรอซู้ลเป็นที่รักยิ่งของเขาเหนือสิ่งอื่นใด
 
♥ เขาไม่รักสิ่งอื่นใดนอกจากเพื่อความโปรดปรานของอัลลอฮฺ
 
♥ เขาชิงชังที่จะกลับสู่สภาพเนรคุณ ประหนึ่งเขาชิงชังที่จะถูกโยนลงไปในกองไฟ 

(รายงานโดยบุคอรี-มุสลิม)

 

ความเห็นแก่ตัวและริษยาคือโรคร้ายกัดกร่อนสังคม

         คราใดที่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในองคาพยพของสังคมเกิดความเห็นแก่ตัว มีแต่ความอิจฉาริษยาเข้ามาครอบงำพื้นที่แล้วแน่นอนที่สุดมันก็จะกัดกร่อนให้ความเป็นพี่น้อง ความเป็นภราดรภาพ ซึ่งเป็นรากฐานของสังคมมนุษย์ชาติต้องพังพินาศไปในที่สุด อีกทั้งมันทำลายคุณค่าและความประเสริฐ และคุณงามความดีแห่งความเป็นมนุษย์ให้สูญสิ้นสลายไป โดยมีความชั่วและความเลวร้าย ความเห็นแก่ตัว ความอิจฉาริษยาเข้ามาแทนที่ โอบล้อมไปด้วยความโศกเศร้าระทมทุกข์

        แท้ที่จริงแล้วอิสลามได้บรรจุสารัตถะแห่งความเป็นพี่น้องซึ่งกันและกันในฐานะที่เป็นมนุษย์ร่วมโลกไว้อย่างบริบูรณ์ภายใต้กรอบแห่งพระดำรัสของอัลลอฮฺ ที่ว่า มนุษย์ทุกคนถูกกำเนิดมาจากชีวิตหนึ่งคืออาดัม และฮาวา

          ดังนั้นอิสลามได้สอนให้มนุษย์ทุกคนเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า เขามิอาจจะโดดเดี่ยวตัวเองอยู่ในโลกใบนี้เพียงลำพังตัวเองได้เลย หากแต่เขาต้องพึงตระหนักถึงสิทธิ์และผลประโยชน์ของผู้อื่นโดยชอบธรรม มิได้เอารัดเอาเปรียบผู้หนึ่งผู้ใดในสังคมอย่างเด็ดขาด และผูกสัมพันธ์กับผู้คนในสังคมด้วยไมตรีจิต สร้างภราดรภาพให้เข้มแข็ง ต้องปกป้องผองภัย และอันตรายต่าง ๆ ที่กล้ำกรายเข้ามาเพื่อให้พี่น้องของเขาหลุดพ้นจากภัยต่าง ๆ มิเพียงแค่นั้นมุสลิมจะต้องมีความรู้สึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าว เมื่อผองพี่น้องถูกทำร้าย ถูกกดขี่ข่มเหง อันเป็นความรู้สึกที่ปวดร้าวที่แฝงฝังอยู่ในจิตใจของพี่น้องมุสลิมตลอดไป เฉกเช่นความเจ็บปวดส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายซึ่งมันทำให้อวัยวะทั้งหมดภายในร่างกายเจ็บปวดตามไปด้วย

         ท่านศาสดามูฮำหมัด  ได้กล่าวว่า :

"มุสลิมทุกคนเป็นพี่น้องกัน อย่าได้ทุจริตกันและอย่าเพิกเฉยทอดทิ้งกัน

♣ บุคคลใดที่เป็นธุระให้กับพี่น้องของเขา อัลลอฮฺจะเป็นธุระให้กับเขา

       ♣ บุคคลใดที่ขจัดความทุกข์ระทมอย่างหนึ่งอย่างใดออกไปจากพี่น้องมุสลิม อัลลอฮฺจะทรงขจัดความทุกข์ระทมประการหนึ่งจากความทุกข์ระทมทั้งหลายไปจากเขาในวันกียามะฮ์

และบุคคลใดที่ปกปิด (ความลับ) ของพี่น้องมุสลิม อัลลอฮฺจะทรงปกปิด (ความลับของเขา) ในวันกียามะฮ์ 

(รายงานโดยบุคอรี,มุสลิม)

 

ภราดรภาพนำสู่ความเข้มแข็ง

         พื้นฐานของกฎระเบียบทางสังคมอิสลามก็คือ หลักความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าในวันที่จะได้รู้จักสถานภาพของตนเองและสัมพันธภาพระหว่างมนุษย์ โลก และพระผู้เป็นเจ้า สาส์นของอิสลามที่ถูกถ่ายทอดผ่านเส้นทางประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานับตั้งแต่ศาสดาอาดัมจนถึงศาสดามูฮำหมัดนั้น ถือเป็นห่วงโซ่เส้นที่ยาวที่สุดที่มีการเชิญชวนและเรียกร้องให้มนุษย์ยอมรับว่า พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงอภิบาลที่แท้จริงคืออัลลอฮฺองค์เดียว เป็นสาส์นที่เรียกร้องให้มนุษย์ยอมจำนนต่อพระองค์พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกผู้ทรงหนึ่งเดียวเท่านั้น

         อิสลามได้สอนในเรื่องความรัก ความเป็นพี่น้อง ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ซึ่งรับรู้ได้จากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ภายหลังจากท่านศาสดามูฮำหมัด ได้อพยพไปยังนครยัษริบ (มะดีนะฮ์) ท่านได้เริ่มกำหนดบทบาททางการเมืองใหม่ ซึ่งยังไม่เคยมีบรรดาศาสดาท่านใดทำมาก่อนเลย เจตนารมณ์ประการแรกคือการสร้างเอกภาพ ภราดรภาพในหมู่มุสลิมทั้งชาวมูฮาญีรีน ผู้อพยพจากนครมักกะฮ์ และชาวอันศอร ผู้ให้การช่วยเหลือชาวนครมะดีนะฮ์ ด้วยการสร้างความเป็นพี่น้องในหมู่พวกเขาที่นครมะดีนะฮ์ ซึ่งภาพลักษณ์ดังกล่าวท่านเคยสร้างความเป็นพี่น้องในหมู่ชาวมูฮาญีรีนในนครมักกะฮ์มาก่อนแล้ว

         ท่านศาสดามูฮำหมัด   มีความมุ่งมั่นปรารถนาในการสร้างความผูกพันอันเหนียวแน่นแก่พวกเขา โดยวางระเบียบกฎเกณฑ์และกำชับให้ชาวมูฮาญีรีน และชาวอันศอรจับคู่ความเป็นพี่น้องกันโดยท่านได้กล่าวว่า :

“ท่านทั้งหลายจงเป็นพี่น้องกัน เนื่องด้วยอัลลอฮ์ ทีละคู่ ทีละคู่เถิด”

(อิบนุกะษีร อัลบิดายะฮ์  3/225)

          ท่านคอรีญะฮ์ บุตรซุเฮร ได้ดำเนินเนินการตามเจตนารมณ์ดังกล่าว โดยจัดให้ อุมัร บุตร อัล-ค๊อฏฏ๊อบ คู่กับ อะตะบะฮ์ บุตรมาลิก, อบูอุบัยดะฮ์ บุตร อัล-ญัรรอห์ คู่กับ ซะฮ์ดุน บุตร มุอาซ และอับดุรเราะห์มาน บุตร เอาฟ์ คู่กับ ซะอ์ดุน บุตรรอบีอ์  เป็นต้น และบรรดาซอฮาบะฮ์ ก็จับคู่กันตามคำสั่งของท่านศาสดามูฮำหมัด   สร้างความดีใจอย่างสุดซึ้งแก่ชาวอันศอร เช่นคำพูดของซะอ์ดุน บุตร รอบีอ์ ที่ได้บอกกับอับดุรเราะห์มาน บุตร เอาฟ์ว่า

“ฉันมีทรัพย์สินมากมาย ฉันจะแบ่งให้ท่านครึ่งหนึ่ง และฉันมีภรรยาสองคน ฉันจะหย่าคนหนึ่งเพื่อให้ท่านได้แต่งงานกับนาง”

        นี่คือบทเรียนอันทรงคุณค่าสำหรับมุสลิมทุกคนให้ตระหนักถึงความเป็นพี่น้อง อย่าได้แตกแยกแตกความสามัคคีกันเพราะคราใดที่มุสลิมแตกความสามัคคีแยกความเป็นพี่น้องกัน ความอ่อนแอก็จะย่างกรายเข้ามาครอบงำสังคมมุสลิมอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง ดังที่พระองค์อัลลอฮ์  ตรัสไว้   ความว่า : 

"และพวกเจ้าอย่าขัดแย้งกันเอง  เพราะนั่นจะเป็นเหตุทำให้พวกเจ้าล้มเหลว และพลังของพวกเจ้าจะวิปลาสไป"  

(ซูเราะฮ์ อัล-อันฟาล โองการที่  46)

 

ขาดภราดรภาพแท้จริงคือขาดอีหม่าน

          อีหม่าน  คือ พลังผลักดันบุคคลสู่ความดีงาม อีหม่านที่เข้มแข็งจะก่อเกิดพฤติกรรมที่ศาสนาเชิดชูยกย่อง เช่นรู้จักความหมาย และสารัตถะของความเป็นพี่น้องในการอยู่ร่วมกันในสังคมบนโลกใบนี้ อันเป็นอัตลักษณ์ที่สะท้อนออกมาในเชิงของความดีงาม และเป็นสิ่งที่น่ายกย่องสรรเสริญ ซึ่งผลจากความเป็นพี่น้อง ความเป็นภราดรภาพอันเหนียวแน่น และบริสุทธิ์ใจนั้นจะสร้างความเข้มแข็งแก่ปัจเจกบุคคลและสังคม

คราใดที่มุสลิมแตกความสามัคคี ขาดความเป็นภราดรภาพ ความอ่อนแอก็จะย่างกรายเข้ามาครอบงำสังคมมุสลิมอย่างแน่นอน

         เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเป็นยิ่งนักในยุคปัจจุบันนี้ ที่ความเป็นพี่น้อง ความเป็นภราดรภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของสังคมแห่งอัล-อิสลามที่สมบูรณ์แบบอันนี้ นับวันยิ่งยากที่จะพบเห็นรูปแบบที่สมบูรณ์ภายในสังคม ความเป็นพี่น้องและภราดรภาพแห่งอิสลามในสังคมมุสลิมค่อย ๆ ห่างเหินเลือนลางลงทุกที เมื่อถึงที่สุดคงจะเหลือไว้เพียงอุดมการณ์ และเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นเพียงแค่ทฤษฎีเท่านั้น

 

ดังนั้น ผู้ที่ตัดความสัมพันธ์แห่งความเป็นพี่น้องย่อมชี้ให้เห็นว่าขาดอีหม่านอย่างแท้จริง...

 

 

สำนักจุฬาราชมนตรี