การแสดงละครเป็นการโกหก
โดย ...อับดุลบารีย์ นาปาเลน
ประการที่สอง
การแสดงละครเป็นการโกหก เพราะมันเป็นชนิดหนึ่งของการโกหก ด้วยชื่อก็บ่งบอกแล้ว ว่า การแสดง ไม่ใช่ของจริง สอนผู้อื่นให้เป็นนักแสดงนั้นก็เหมือนกับ ได้สอนการโกหก การหลอกลวง ในอิสลามได้ห้ามสิ่งเหล่านี้ไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะมันจะนำไปสู่ความชั่วอื่นๆอีก ดังในฮาดีษ การโกหกถือว่าเป็นบาปใหญ่ เป็นสิ่งที่ท่านนบี มีความรังเกลียดมากที่สุด ท่านก็ได้บอกว่าผู้ที่โกหกนั้นไม่ใช่ผู้ศรัทธา และผู้ศรัทธาจะต้องไม่โกหกหรือหลอกลวง
ท่านนบี ได้กล่าวว่า
“ท่านทั้งหลายจงยึดด้วยสัจจะ เพราะแท้จริงความสัจจะจะนำพาไปสู่ความดี และแท้จริงความดีจะนำไปสู่สวรรค์
ผู้ใดที่เขาคงอยู่กับความสัจจะและพยายามที่พูดจริงตลอดจนกระทั่งเขาผู้นั้นถูกบันทึก ณ ที่อัลเลาะห์ว่าเป็นผู้สัจจะยิ่ง
และพวกท่านจงระวังเรื่องโกหกมดเท็จ เพราะ แท้จริงการโกหกจะนำไปสู่ความชั้วร้าย และความชั่วร้ายจะนำพาไปสู่นรก
และผู้ที่พยายามโกหกจนติดเป็นกมลสันดาน เขาจะถูกบันทึก ณ ที่อัลเลาะห์ว่าเป็นจอมโกหก”
(รายงานโดยบุคอรีย์ และมุสลิม)
และการแสดงนั้นอยู่ในความพยายามที่จะพูดจริงหรือโกหกกันแน่ ?
การแสดงละครแบ่งออกเป็นสองชนิด
ชนิดที่หนึ่ง การแสดงละครเกี่ยวกับเรื่องที่จินตนาการขึ้น ซึ่งไม่มีจริงในอดีตและปัจจุบัน
ชนิดที่สอง การแสดงละครที่เป็นเรื่องเล่าในอดีตกาล ที่ได้แสดงด้วยคนใดคนหนึ่งให้เห็นถึงเหตุการณ์ในอดีต
ซึ่งทั้งสองชนิดนี้ถือเป็นสิ่งต้องห้ามทั้งสิ้น ด้วยหลายเหตุผล ในชนิดแรก ถือเป็นการโกหก หรือกุขึ้น และการโกหกเป็นสิ่งต้องห้ามในศาสนา การโกหกชนิดนี้มีหลายอย่างเช่น
๑. ได้ตั้งชื่อผู้แสดงที่ไม่ใช่ชื่อพวกเขา
๒. การสืบเชื้อสายไปยังผู้ที่ไม่ใช่พ่อจริง ตรงกับข้อห้ามที่พระองค์ทรงตรัสว่า
"พวกเจ้าจงเรียกพวกเขา (โดยใส่พ่วงคำว่า "บุตร - บิน" ให้กับบิดาจริงของพวกเขา อย่าพ่วงกับชื่อของพ่อบุญธรรม) นั้นเป็นที่เที่ยงธรรมยิ่ง ณ อัลเลาะฮ์
แต่ถ้าพวกเจ้าไม่รู้จักพ่อของพวกนั้น ก็จงเรียกพวกเขาเหมือนเช่นพี่น้องของพวกเจ้าในศาสนา (เดียวกัน)
และ (เรียกพวกเขาว่า) ผู้ถูกปกครองของพวกเจ้า (อย่างใดอย่างหนึ่ง)"
(อัลอะห์ซาบ 5)
ท่านนบี กล่าวว่า
“ผู้ใดที่อ้างเชื้อสายไปยังผู้ที่มิใช่พ่อของเขา ทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าผู้นั้นมิใช่พ่อของเขา ดังนั้นสวรรค์เป็นที่ต้องห้ามสำหรับเขา"
(รายงานโดยบุคอรีย์)
“ผู้ใดที่อ้างเชื้อสายไปยังผู้ที่มิใช่พ่อของเขา ทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าผู้นั้นมิใช่พ่อของเขา แน่นอนเขาได้ตกศาสนาแล้ว”
(รายงานโดยบุคอรีย์)
๓. การแสดงเป็นสภาพหรือสถานะที่ไม่ใช่ของผู้แสดงนั้น เช่น เป็นผู้พิภากษา เป็นครู เป็นหมอ เป็นพ่อค้า ฯลฯ
๔. การสาบาน ทั้งที่อยู่ในอดีต หรือปัจจุบัน ทั้งๆที่รู้ว่ามันนั้นโกหก
๕. แกล้งทำเป็นเจ็บไม่สบาย หรือทำเป็นโง่ หรือบ้าหมดสติ ทั้งๆที่เขารู้ดี
๖. แสดงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ และหากว่าเขาไม่โกหกแล้ว คือเป็นอย่างนั้นจริง ก็จะเข้าไปในเรื่องของ(ตัสเกียะ)ยกย่องตัวเอง หากเขาแสดงเป็นคนชั่วก็เป็นการทำลายการปกปิดความชั่วของอัลลอฮ์ หรือกล้าทำชั่วให้ดู
นี่ก็เป็นบางอย่างที่มาจากการโกหก ที่หนีไม่พ้นจากการแสดงละคร ซึ่งการโกหกเป็นนิสัยของคนสองหน้า ที่ท่านนบี ได้กล่าวเกี่ยวกับพวก(มูนาฟิก)หน้าไว้หลังหลอกว่า “หากพวกเขาพูดก็จะมีการโกหก " ดังนั้นขอให้เราห่างไกลจากคุณลักษณะดังกล่าว เพราะพวกที่มีนิสัยหน้าไว้หลังหลอกพระองค์อัลลอฮ์ เตรียมการลงโทษที่แรงที่สุดในบรรดาชาวนรก
“แท้จริงบรรดาพวกมูนาฟีกีน(หน้าไว้หลักหลอก)จะได้อยู่ในนรกที่ต่ำสุด “
ดังนั้นขอให้ผู้ศรัทธาอย่าได้ฝึกนิสัยเยี่ยงพวกนี้เลย และการโกหกมิได้อนุญาติถึงแม้ว่าจะอยู่ในรูปแบบการล้อเล่น ถ้าเป็นที่อนุญาติก็คงมีแต่ความวุ่นวายและคนก็จะไม่เกรงกลัวในการโกหก
“จากอับดุลลอฮ บินอามิร ท่านได้กล่าวว่า มีวันหนึ่ง แม่ฉันได้เรียกฉันไปหานาง และท่านนบี ก็นั่งอยู่ในบ้านของเรา
นางกล่าวว่า : มานี่สิ ฉันมีอะไรจะให้
ท่านนบี จึงถามนางว่า : และเธอจะให้อะไรกับเขาหรือ?
นางกล่าวว่า : อินทผาลัม
แล้วท่านนบี กล่าวว่า : แน่นอน หากว่าเธอไม่ให้สิ่งใดแก่เขาแล้ว เธอจะถูกบันทึก ว่า โกหก"
(รายงานอบูดาวูดและอะหฺมัด)
พระองค์อัลลอฮ์ยังทรงตัดสินแก่พวกมูนาฟิกด้วยกับการโกหก ถึงแม้ว่าคำพูดอันนั้นถูกต้องก็ตาม
“เมื่อบรรดามุนาฟิก(ผู้กลับกลอก)มาหาเจ้า พวกเขาจะกล่าวว่าแท้จริงท่านคือเราะสูลของอัลลอฮฺ
และอัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่งว่าแท้จริงเจ้าคือเราะสูลของพระองค์
และอัลลอฮฺทรงเป็นพยานว่าแท้จริงพวกมุนาฟิก(ผู้กลับกลอก)คือผู้กล่าวเท็จอย่างแน่นอน”
(อัล-มุนาฟิกูน : 1)
ในทำนองเดียวกัน ไม่แตกต่างอะไรกับการแสดงละคร ที่พวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาโกหก
และถ้าเป็นสื่อเพื่อการเผยแพร่แล้ว มันต้องถูกต้องตามหลักการด้วย ไม่ใช่เผยแพร่ด้วยกับการโกหก และการแสดงละครก็เหมือนอยู่ในวังวนแห่งการหลอกลวงหรือคุมเครือ แต่อิสลามเป็นศาสนาที่ชัดเจน ชัดแจ้งในข้อใช้และข้อห้าม
อ่านต่อ... >>> Click