การพิชิตเมืองอันดาลุส
  จำนวนคนเข้าชม  21464

 

การพิชิตเมืองอันดาลุส


เขียนโดย เชค มูฮำหมัด ซอฟวัต นูรุดดีน 

แปลและเรียบเรียง โดย อบูฮัซซาน


                อิสลามเป็นศาสนาที่สมบูรณ์ที่ถูกประทานลงจากพระองค์อัลลอฮ์  พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก  ท่านนบีมูฮัมหมัด เป็นผู้ที่ยึดถือศาสนาอิสลาม และเคารพภัคดีต่ออัลลอฮ์ เป็นท่านแรก  และเป็นผู้เรียกร้องเชิญชวนมนุษย์ชาติไปสู่ศาสนาของพระองค์ โดยนำเอาอัลกุรอานและแบบฉบับของท่านมาใช้ในการเผยแพร่  หน้าที่ของนบีมุฮัมมัด  คือปฏิบัติตามอัลกุรอาน และนำมาเผยแพร่ให้แก่มนุษย์ชาติได้ปฏิบัติตาม ดังนั้นความประพฤติ การปฏิบัติต่างๆของท่าน  จึงมาจากอัลกุรอานและแบบฉบับของท่านทั้งสิ้น

          ท่านได้นำเอาอัลกุรอาน และแสดงแบบฉบับเพื่ออบรมสั่งสอนบรรดาสาวก  และบรรดาผู้ที่มาหลังจากบุคลเหล่านั้น  ก็ได้นำเอาแบบฉบับต่างๆของสาวกเหล่านั้นไปปฏิบัติ  ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ชาวโลกจึงยอมรับการปกครองของพวกเขาอย่างรวดเร็ว แต่มิได้หมายความว่า พวกเขาจะได้รับการปกป้องให้พ้นจากความผิดพลาด พวกเขาอาจผิดพลาดได้  แต่ทว่าเมื่อเขาผิดพลาดแล้วเขากลับเข้าหาความถูกต้อง  ดังนั้นความผิดพลาดของพวกเขาจึงจัดอยู่ภายใต้ความดีของพวกเขา

 

อัลลอฮ์ ทรงรักษาศาสนาของพระองค์

                อัลลอฮ์ทรงรักษาวิธีการการเรียนรู้ ศาสนาอิสลาม  จากตัวบทของอัลกุรอานและซุนนะห์ ของท่านรอซูล  โดยให้ผู้ที่มีความรู้ได้ถ่ายทอดให้กับผู้อื่น  วิธีการนี้เป็นที่รู้จักดีจนกระทั่งทุกวันนี้  อีกทั้งยังมีตำรับตำราต่างๆที่นักวิชาการได้เขียนขึ้นมา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเข้ารับนับถืออิสลาม   ทั้งๆที่การดำเนินชีวิตที่แท้จริงของมุสลิม   และระบบการปกครองของประเทศอิสลามนั้นไม่ได้ช่วยส่งเสริมในการเผยแพร่อิสลามเท่าใดนัก 

         อันเนื่องมาจากการปกครองตามระบอบอิสลามอย่างถูกต้องนั้นมันเป็นเพียงทฤษฎีที่รู้อยู่เฉพาะนักพูดและนักเขียนเท่านั้น โดยไม่ได้ถูกนำเอาไปปฏิบัติ  แต่ที่น่ายินดีคือ ในเรื่องการทำอิบาดะห์ต่างๆ  ระบบการเงิน และการใช้ชีวิตในครอบครัวของมุสลิม  นับว่าอยู่ในระดับที่ดีกว่าระบบการปกครองมาก แม้ว่ายังจะมีจุดบกพร่องอยู่ก็ตาม

 

การพิชิตที่ยิ่งใหญ่

                ในศตวรรษแรกของศักราชอิสลาม  เริ่มตั้งแต่สมัยของท่านนบี   สมัยคอลีฟะห์ อัรรอชีดีน จนถึงสมัยอนาจักร อะมาวียะห์  จะพบว่าช่วงเวลาดังกล่าวเต็มไปด้วยการพิชิตการเปิดเมืองต่างๆ  ซึ่งทำให้ศาสนาอิสลามได้แพร่ขยายไปอย่างกว้างไกล   เมืองหนึ่งที่ศาสนาอิสลามได้เข้าไปปกครอง คือ เมือง  อันดาลุส ( ประเทศสเปนในปัจจุบันนี้)  เมืองนี้ถูกพิชิตได้โดยการนำทัพของ  ฏอริก อิบนุซิยาด  ในปีฮิจเราะห์ศักราชที่  92  และตกอยู่ภายใต้การปกครองของอิสลามนานถึง  8  ศตวรรษ  หลังจากนั้นก็กลับไปสู่การปกครองแบบเดิม เมื่ออิสลามและมุสลิมถูกขับไล่ออกจากเมือง  ส่วนมุสลิมที่เหลืออยู่ก็ถูกบังคับให้ละทิ้งศาสนาของพวกเขา 

         เป็นเวลาห้าศตวรรษ ที่เมือง อันดาลุส ถูกปิดตายสำหรับชาวมุสลิม  ร่องรอยต่างๆของอิสลาม  ศาสนสถานและมัสยิดต่างๆ ถูกเปิดไว้สำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อเข้าชมความสวยงามเท่านั้น   เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้  มุสลิมได้มีโอกาสเข้าไปเผยแพร่อิสลามอีกครั้งหนึ่ง  มัสยิดต่างๆจึงได้ถูกเปิดขึ้น มีการประกอบศาสนกิจ แต่อยู่ภายใต้กรอบของตะวันตก คือห้ามอะซานเสียงดัง เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้  สมควรที่จะได้นำประวัติศาสตร์การพิชิตเมือง อันดาลุส ของฏอริก อิบนุซิยาด  มาเสนอให้ทราบโดยสังเขป

 

การพิชิตเมือง อันดาลุส ของฏอริก อิบนุซิยาด

                ฎอริก  อิบนุซิยาด คือใคร  ?  ฎอริก  อิบนุซิยาด คือทาสของมูซา อิบนุนุซอยริ ที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ  และมูซา อิบนุนุซอยริ ก็เป็นทาสที่ได้รับการปดปล่อยให้เป็นอิสระเช่นกัน  มูซา อิบนุนุซอยริ ได้รับการแต่งตั้งจาก   อะมีรุ้ลมุอมีนีน วะลีด อิบนุอับดุลมาลิก  ให้ไปเปิดเมืองต่างๆ ในโมร็อคโค

                ในปีฮิจเราะห์ศักราชที่  88   ฏอริก  อิบนุซิยาด เป็นคนหนึ่ง ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพิชิตเมืองต่างๆ  ท่านมูซา  อิบนุนุซอยริ  จึงได้มอบความไว้วางใจ และแต่งตั้งให้นำทัพไปเปิดเมืองต่างๆ เช่นเมือง เบอร์ เบอร์  และได้แต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองเมืองฏอนยะห์    มูซา อิบนุนุซอยริ  ได้เห็นว่า ฏอริก อิบนุซยาด นั้นเป็นผู้ที่มีความจริงใจ เป็นผู้ที่มีความทรหด เข้มแข็ง มีจิตใจที่แน่วแน่  เป็นคนพูดเก่ง มีเหตุมีผล สามารถพูดโน้มน้าวจิตใจผู้ฟังได้อย่างดี  มีความบริสุทธิ์ใจในการต่อสู้เพื่ออิสลาม  ท่านจึงได้แต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพนำทหารไปเปิดเมือง อันดาลุส

                เดือนซะอบาน  ปีฮิจเราะห์ศักราชที่ 92   ฏอริก อิบนุซิยาด ได้นำทหารจำนวน 7,000 คนข้ามทะเลเมดิเตอรเรเนียล ไปยังประเทศสเปน ฏอริก ได้ยกมือขอดุอาอต่ออัลลอฮ์ให้ได้รับชัยชนะ  และนึกถึงภาพการสู้รบของท่านนบี  ทันใดนั้นท่านก็รู้สึกง่วงนอน  จึงเผลอหลับไปและได้ฝันเห็นท่าน นบี  ยืนอยู่ท่ามกลาง ชาวอันศอร และชาวมุฮาญิรีน ที่มีอาวุธพร้อมอยู่ในมือ  และท่านนบี  ได้กล่าวแก่ ฏอริกว่า “ฏอริก  เจ้าจงเดินหน้าเพื่อทำหน้าที่ของเจ้าเถิด”    และฏอริกได้เห็นท่านนบี และบรรดาสาวกของท่านเดินนำหน้าเข้าเมืองอันดาลุส  ฏอริก ตื่นขึ้น  และแจ้งข่าวดีให้ทหารของเขาทราบ โดยหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ ให้ได้รับชัยชนะในการสู้รบครั้งนี้

                เมื่อทหารของฏอริก ได้เผชิญหน้ากับทหาร ของกษัตริย์ ของสเปน ชื่อรอฎดริก  ซึ่งมีกำลังทหาร 70,000 คนเศษ    มูซา อิบนุนุซอยริ  ได้ส่งทหารไปสมทบกับทหารของฏอริก จำนวน 5,000 คน  จึงทำให้ทหารของฏอริก มีทั้งสิ้น 12,000 คน  ก่อนทีจะทำการสู้รบ ฏอริก ได้กล่าวคำปราศรัย แก่เหล่าทหารหาญของเขาว่า

          “ท่านพี่น้องทั้งหลาย ขณะนี้ไม่มีทางหนีอีกแล้ว ด้านหน้าพวกท่านคือศัตรู  ส่วนด้านหลังของพวกท่านคือทะเล  ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า  ไม่มีสิ่งใดสำหรับพวกท่านอีกแล้ว นอกจากความจริงใจ และความอดทน พวกท่านทั้งหลายพึงทราบไว้ด้วยเถิดว่า ฐานะของพวกท่านขณะนี้  มันหนักหนายิ่งกว่าเด็กกำพร้าที่ร่วมโต๊ะอาหารกับคนเลวๆ  พวกศัตรูได้เตรียมต้อนรับพวกท่านด้วยกำลังพล กำลังอาวุธ และอาหารที่สมบูรณ์  ส่วนพวกท่านทั้งหลายนั้น   ไม่มีอะไรนอกจากดาบที่อยู่ในมือของพวกท่านเท่านั้น  พวกท่านจะไม่มีอาหารกิน นอกจากที่จะได้มาจากศัตรูของพวกท่าน  ถ้าหากว่าการสู้รบในครั้งนี้ยืดเยื้อเป็นเวลานาน ในสภาพที่พวกท่านยังต้องการปัจจัยเช่นนี้ และพวกท่านไม่สาสมารถทำอะไรศัตรูได้ 

         แน่นอนเหลื่อเกินว่า ความแข็งแกร่งของพวกท่านก็จะหมดไป ความหวาดกลัวและความหวั่นไหวก็จะเข้ามาแทนที่  ท่านทั้งหลายต้องกล้าหาญ  ต้องอดทน ต้องขจัดความต่ำต้อยของความพ่ายแพ้ที่จะเกิดขึ้นกับพวกท่านไปให้ได้ ด้วยการเอาชนะพวกศัตรู  โอกาสจะเป็นของพวกท่าน หากพวกท่านกล้าสู้ตายในการรบ  ฉันเตือนพวกท่าน หาใช่ว่าฉันจะไม่ประสบกันปัญหาต่างๆเหล่านี้ สิ่งที่พวกท่านกำลังกระทำอยู่นี้ มันมีผลตอบแทนอย่างมหาศาล  และฉันก็ขอเริ่มด้วยตัวของฉันเป็นอันดับแรก

         พวกท่านทั้งหลายต้องทราบไว้ด้วยว่าหากพวกท่านอดทนต่อความลำบากเพียงเล็กน้อยในขณะนี้  พวกท่านก็จะสุขสบายในภายภาคหน้าไปอย่างยาวนาน  หมู่เกาะแห่งนี้ท่านทั้งหลายก็ทราบดี  มันเต็มไปด้วยสาวสวยที่มาจากประเทศกรีก  แต่งกายประดับประดาด้วยไข่มุกเม็ดเล็กเม็ดใหญ่  เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ล้วนแล้วแต่มีค่า พวกนางเหล่านั้นได้นั่งอยู่ในห้องของพระราชาที่สวมมงกุฎอันล้ำค่า  ท่านวะลีด อิบนุ อับดุลมาลิก  ได้เลือกพวกท่านมาเพื่อเป็นวีรบุรุษที่เป็นชาวอาหรับ  และท่านก็พอใจที่จะให้พวกท่านเป็นเขยของกษัตริย์ในเกาะแห่งนี้  เพื่อที่วะลีดจะได้อานิสงค์จากการต่อสู้ของพวกท่าน ในการเผยแพร่ศาสนาของอัลลอฮ์บนเกาะแห่งนี้  ทรัพย์เชลยต่างๆ ที่จะได้จากสงครามครั้งนี้ จะเป็นของพวกท่านเท่านั้น  และถ้าหากพวกท่านต้องการสิ่งใดก็ให้แจ้งให้ทราบ  ฉันยินดีที่จะมอบให้แก่พวกท่าน  และเมื่อเริ่มการสู้รบฉันเองจะเป็นคนบุกไปฆ่าแม่ทัพของศัตรูให้ได้  อินชาอัลลอฮ์ "


                เมื่อทหารทั้งสองฝ่ายได้ปะทะกัน  อัลลอฮ์ได้ให้ทหารของมุสลิมได้รับชัยชนะ  ทหารของกาเฟรได้พ่ายแพ้ กษัตริย์รอฎดริก ถูกฆ่าตาย ในการสู้รบครั้งนี้ อัลลอฮ์ ได้ทรงช่วยเหลือทหารของมุสลิม โดยทำให้ทหารของฝ่ายศัตรู เกิดความขัดแย้ง แตกแยก โกรธเคืองซึ่งกันและกัน และพวกยะฮูดีก็ได้เข้าไปมีอำนาจเหนือพวกเขาเหล่านั้น  และอัลลอฮ์ยังได้ให้ฝนลูกเห็บตกลงมาอย่างหนัก  อันเป็นการช่วยให้เสียงการเคลื่อนทัพของทหารม้าเบาลง จึงทำให้ศัตรูไม่รู้ตัว กองทัพของฏอริกจึงบุกเข้าไปยึดเมือง ตุไลติละห์ และเมือกุรฏุบะห์ได้ และยังได้ติดตามขับไล่ศัตรูไปจนถึงทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองอันดาลุส

 

การพิชิตเมืองกอรมูนะฮฺและเมืองอิชบิลียะฮฺ

                มูซา อิบนุนุซอยริ ได้นำทหารจำนวนมากบุกเข้าไปพิชิตเมืองกอรมูนะฮฺและเมืองอิชบิลียะฮฺ ในวันอีดิลฟิรปีฮิจเราะห์ศักราชที่ 94  อัลลอฮ์ทรงช่วยให้ มูซา อิบนุ นุซอยริ พิชิตเมืองมาดริดซึ่งเป็นเมืองหลวงของสเปนได้  ต่อจากนั้นทหารของมุสลิมก็สามารถพิชิตเมืองต่างๆ ได้อีกหลายเมือง ทางภาคตะวันออกพิชิตเมืองบาเซโลน่า   ทางภาคกลางพิชิตเมืองอัรบูน่า   ทางภาคตะวันตกพิชิตเมืองกอดิซ  ภาคตะวันตกเฉียงเหนือพิชิตเมืองยะลีกะ  การสู้รบยังดำเนินต่อไปจนสามารถพิชิตเทือกเขาบะรอนิสได้

                ความจริงแล้ว มูซา อิบนุ นุซอยริ ต้องการที่จะบุกไปพิชิตฝรั่งเศส และเมืองกิซตันตีนี่ยะฮฺ  แต่ทว่า ท่านค่อลีฟะห์วะลีด อิบนุ อับดุลมาลิกไม่เห็นด้วยจึงยับยั้งไว้  เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดความสูญเสียแก่มุสลิมเป็นจำนวนมาก  ดังนั้น มูซา อิบนุ นุซอยริ และฏอริก อิบนุ ซิญาด จึงเดินทางกลับกรุงดามัสกัสในปีฮิจเราะห์ที่  96  โดยได้แต่งตั้งให้ อับดุลอาซีร ลูกชายของมูซา ทำหน้าที่ปกครองเมืองอันดาลุสต่อไป  และเมื่อเขาเสียชีวิตลง   อบูอัยยุบ อิบนุฮะบีบ  ก็ได้ขึ้นมาปกครองแทนซึ่งท่านได้ออกตรวจตามหัวเมืองต่างๆ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่ประชาชน 

          หลังจากนั้น ในปีฮิจเราะห์ที่  97  อัลฮัร  ลูกชายของอับดุรเราะห์มานอัซซะกอฟี ก็ได้ขึ้นปกครอง   บรรดาผู้ปกครองมุสลิมทุกคนในสเปนได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษในการเผยแพร่อิสลาม พวกเขาได้ปฏิบัติอย่างดีกับประชาชน โดยอนุญาตให้พวกยะฮูด และพวกพ่อค้าอาศัยอยู่ในเมือง และให้ความปลอดภัยแก่ชาวสเปน พวกเขาจึงมีความยินดีที่ได้ปฏิบัติตามมุสลิม  เพราะความดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง  เมื่อเป็นเช่นนี้ประชาชนจึงได้เข้ารับนับถือศาสนาของอัลลอฮ์ อย่างมากมาย

 

อัลลอฮ์ ทรงช่วยให้มุสลิมได้รับชัยชนะ

                ในการรบครั้งนี้มุสลิมจะต้องรบกับศัตรูในเทือกเขาที่ทุรกันดาร สลับสับซ้อน ซึ่งศัตรูได้เปรียบมุสลิมเป็นอย่างมาก  เพราะคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี  แต่สิ่งที่มุสลิมมีเหนือพวกศัตรูก็คือ  การอีมาน  และอุดมการณ์ที่แน่วแน่  ซึ่งเป็นสิ่งยึดมั่นทางใจที่สามารถขจัดอุปสรรคต่างๆที่ขวางหน้าได้ทั้งหมด  เพราะฉะนั้นชัยชนะของมุสลิมในครั้งนี้จึงได้มาด้วยความยากลำบาก  ทหารของมุสลิมต้องถูกฆ่าตายไปถึง  3,000  คน  จนทำให้ มูซา อิบนินุซอยริ  ได้นำกำลังไปสมทบอีก  18,000  คน  การพิชิตเมืองอันดาลุส เป็นงานที่หนักมาก  แต่อัลลอฮ์ ก็ทรงให้ได้รับชัยชนะ อันเนื่องมากจากการมีอีมานที่แข็งแกร่งที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของทหารเหล่านั้น  ชัยชนะในครั้งนี้มิได้ได้มาอย่างง่ายดาย ตามที่มีผู้กล่าวอ้างว่า  มุสลิมได้รับชัยชนะก็เนื่องจากสภาพอันเลวร้าย และความแตกแยกที่เกิดขึ้นในฝ่ายศัตรู  ถึงแม้ว่าการกล่าวเช่นนี้  จะมีส่วนจริงอยู่บ้างก็ตาม

          ในการรบครั้งนี้กษัตริย์รอฎดริก ต้องการที่จะเอาชนะมุสลิมให้ได้อย่างเด็ดขาด  จึงได้ระดมกำลังพล และอาวุธยุทโธปกรณ์รวมเป็นกองทัพใหญ่ ซึ่งมีกำลังทหารถึง 100,000  คน  และกษัตริย์ รอฎดริก เป็นผู้ปกครองที่กล้าหาญ เป็นขุนพลที่เก่งกล้า มีประสบการณ์มากมายในการสู้รบ  ชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว เป็นแม่ทัพที่ได้รับการยอมรับจากพวกนาซอรอเป็นอย่างดี   ในการสู้รบกับมุสลิมครั้งนี้เขามั่นใจอย่างเต็มเปลี่ยมว่า ชัยชนะจะต้องเป็นของเขา  จึงได้จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อที่จะกักขังและขนย้ายเชลย  ในการรบกษัตริย์ รอฎดริก  ได้ออกรบในชุดขุนพล บนที่นั่งที่ประดับประดาไปด้วยเครื่องเพชร พลอย มากมาย  แต่เมื่อมุสลิมมีความกล้าหาญและจริงใจในการสู้รบ  อัลลอฮ์ จึงประทานชัยชนะให้ และกษัตริย์รอฎดริก ก็ถูกฆ่าตาย

                ทหารของ ฏอริก อิบนินุซิยาด ส่วนใหญ่เป็นชาวเบอร์เบอร์ มีทหารที่เป็นชาวอาหรับเพียงจำนวนน้อย  สำหรับฏอริก ก็เป็นชาวเบอร์เบอร์เช่นกัน  ซึ่งมาจากตระกูลนัฟซะฮฺ  ท่านมีความบริสุทธิ์ใจต่อศาสนาอิสลามอย่างแท้จริง มีความต้องการอย่างแน่วแน่ที่จะเผยแพร่อิสลาม  ท่านจึงได้ถ่ายทอดสิ่งต่างๆ เหล่านี้ให้แก่บรรดาทหารหาญของท่าน

         สำหรับมูซาอิบนินุซอยริ เมื่อได้มอบหมายให้ฏอริกนำทัพออกไปรบ  ท่านก็ได้เฝ้าวิงวอนขอดุอาต่ออัลลอฮ์ ตลอดเวลาให้ทหารของมุสลิมได้รับชนะ  ซึ่งท่านจะทำอย่างนี้ทุกครั้งที่ทหารมุสลิมออกไปสู้รบ  ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากผลของการขอดุอาของท่าน อุกบะฮฺ  อิบนุนาเฟียะ ในขณะที่ท่านสร้างเมือง กอยรอวาน และสร้างมัสยิดใหญ่ที่นั่น โดยท่านขอดุอาว่า

           “ข้าแด่พระองค์อัลลอฮ์ขอพระองค์ได้โปรดให้เมืองนี้เต็มไปด้วยผู้ที่มีความรู้  ผู้ที่มีความเข้าใจในศาสนา  มากไปด้วยผู้ที่เคารพภักดีต่อพระองค์ ขอให้เมืองนี้เป็นเมืองที่สร้างเกียรติให้แก่ศาสนาของพระองค์  ทำความต่ำต้อยให้แก่ผู้ปฏิเสธต่อพระองค์  ขอให้ศาสนาอิสลามได้สูงส่ง  และขอให้เมืองนี้ปลอดภัยจากพวกทรราชทั้งหลาย"

 

ชาวสเปนได้เข้ารับอิสลามกันอย่างมากมาย

                หลังจากสงครามครั้งนี้เสร็จสิ้นลง ชาวสเปนได้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลามอย่างมากมายเขาเหล่านั้นได้ปลดปล่อยตัวเองจากการเคารพสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮ์  และจากระบบชนชั้นมาเคารพอัลลอฮ์องค์เดียว  จนทำให้คนที่ไม่ได้เป็นมุสลิมกลายเป็นชนกลุ่มน้อยไปทันที  ถึงกระนั้นก็ตาม ผู้ปฏิเสธก็ได้รับสิทธิเสรีภาพอย่างสมบูรณ์ในการนับถือศาสนา และประกอบพิธีกรรมต่างๆ จึงทำให้พวกเขาประทับใจในความยุติธรรมของศาสนาอิสลาม และบรรดามุสลิมที่ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดีเยี่ยม จึงเลือกใช้ภาษาอาหรับแทนภาษาของเขาเอง แต่งกายแบบมุสลิม รวมทั้งทำคิตาน (ขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศ) และยังเลิกการกินเนื้อสุกรอีกด้วย พวกเขาเรียนรู้ภาษาอาหรับได้อย่างดี ทั้งการอ่าน การเขียน อีกทั้งยังรอบรู้วรรณคดีต่างๆของอาหรับ

 

การขยายอาณาเขตของอิสลาม

                การเผยแพร่ของอิสลามนั้นมิได้มีเป้าหมายเพื่อที่จะบุกรุกโจมตี  เพื่อแสวงหาผลประโยชน์หรืออำนาจทางการปกครองแต่อย่างใด  ซึ่งแตกต่างจากขบวนการอื่นๆ โดยสิ้นเชิง ทั้งในด้านหลักการ  เป้าหมาย  จุดประสงค์ และวิธีการ  การเผยแพร่อิสลามเป็นการนำเอาทางสว่างไปให้แก่มนุษยชาติ ให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง  เป็นการต่อสู้ในทุกๆ ด้าน การเรียกร้องไปสู่อิสลามต้องกระทำทุกหนทุกแห่ง  เป้าหมายคือ  มนุษย์ทุกคน  เมตตาสงสารต่อสรรพสิ่งทั้งมวล  นำเอาคนที่หลงผิดให้กลับมาบนทางที่ถูกต้อง  เพื่อเผยแพร่แสงสว่างแห่งสัจธรรมของอัลลอฮ์ให้แก่ชาวโลก 

        อิสลามนั้นเป็นศาสนาที่เรียกร้องเชิญชวนด้วยความสุขุมคัมภีรภาพ  และด้วยการชี้แนะที่ดี  ด้วยเหตุนี้ผู้ที่รับนับถืออิสลาม จึงเข้ารับด้วยความสมัครใจปราศจากการบีบบังคับ  จะเห็นได้ว่าพวกเขาได้เข้ารับนับถืออิสลามกันอย่างมากมาย  และเมื่อเป็นมุสลิมแล้ว เขาก็จะอยู่ภายใต้กฎระเบียบของอิสลามทุกประการ  ยอมเสียสละต่อสู้เพื่อเผยแพร่อิสลาม  อัลลอฮ์ ตรัสไว้ในซูเราะห์  อัลบากอเราะห์ อายะห์ที่ 193

"สูเจ้าจงต่อสู้กับพวกเข้า  จนกว่าจะไม่มีการตั้งภาคีใดๆ และให้ศาสนาดำเนินไปเพื่ออัลลอฮเท่านั้น

 ถ้าหากพวกเขายุติการรุกรานแล้วหันมาศรัทธา  ก็อย่าไปตอบโต้เขา ยกเว้นกับผู้ล่วงละเมิดเท่านั้น"

                ศาสนาอิสลามนั้นเป็นศาสนาที่สอดคล้องกับธรรมชาติที่อัลลอฮ์ สร้างมา  ผู้ที่ยึดถือศาสนาจะมีแต่ความสุข  พระองค์อัลลอฮ์องค์เดียวเท่านั้นที่จะนำทางแก่มนุษย์  และช่วยให้พวกเขาพ้นจากการหลงผิด  บทบัญญัติของอิสลามคุ้มครองสิทธิ และให้เสรีภาพแก่มนุษย์  ปกป้องศาสนสถาน  ขจัดการเคารพสักการะสิ่งต่างๆ ให้เคารพอัลลอฮ์องค์เดียวเท่านั้น  มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน  แม้จะแตกต่างกันที่เชื้อชาติ  ภาษา  รูปร่างหน้าตา  ผิวพรรณหรือวัฒนธรรมก็ตาม

 

                ข้าพเจ้าได้พูดคุยกับพี่น้องมุสลิมในสเปน  เมื่อครั้งที่เข้าร่วมสัมมนาทางการเผยแพร่ที่เมืองหนึ่งของสเปน  ที่เขียนมาก็เพื่อให้ระลึกถึงศาสนาอิสลามและบรรพบุรุษรุ่นก่อนที่เขาได้สร้างวีรกรรมไว้   เพื่อที่เราจะได้ตื่นขึ้นมาทำหน้าที่เผยแพร่เพื่ออิสลามอย่างแท้จริงต่อไป

 

 แท้จริงพระองค์อัลลอฮ์ เป็นผู้ทรงช่วยเหลือ และ เป็นผู้ทรงให้กิจการต่างๆ ได้รับความสำเร็จ

 

 

 

 

 

 

 

 

 ที่มา อัลอิศลาห์ สมาคม