มะดีนะฮ์ดารุสสลาม
โดย : เชคอับดุลมัวะฮฺซิน บินฮะมัด อัลอับบาด อับบัดร์
พี่น้องมุสลิมผู้มีเกียรติที่เคารพรัก หนึ่งในมหานครแห่งอัลอิสลามและของประชาชาติอิสลามที่มีความสำคัญและความยิ่งใหญ่รองลงมาจาก “ มหานครมักกะฮ์” นับเนื่องแต่ในอดีตกาลมากกว่า 1,400 ปีมาแล้วจนถึงปัจจุบันก็คือ “ มหานครอัลมะดีนะฮ์” หรือที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “มหานครอัลมะดีนะตุ้ลมุเนาวเราะฮ์” เป็นเมืองที่มีความจำเริญ ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ทรงให้เกียรติและประทานความประเสริฐมาให้และพระองค์ทรงทำให้เมืองนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดรองลงมาจากนครมักกะฮ์
“มหานครมะดีนะฮ์” เป็นเมืองที่ดีที่ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ได้ทรงคัดเลือกเพื่อการพำนักอย่างถาวรหลังจากที่ท่านอพยพหนีการขับไล่ของพวกกุฟฟารมักกะฮ์ ท่านได้อาศัยอยู่ในเมืองนี้จนถึงบั้นปลายแห่งชีวิต ท่านถึงแก่กรรมและถูกฝังอยู่ในเมืองนี้ จากเมืองนี้ท่านจะถูกฟื้นชีพ กุบู้รของท่านแยกจากกุบู้รของบรรดาศ่อฮาบะฮ์ของท่านนอกจากศ่อฮาบะฮ์ผู้ใกล้ชิด 2 ท่าน คือ ท่านอบูบักร อัซซิดดี๊ก ร่อฎิยัลอฮุอันฮา และท่านอุมัร อิบนุ้ลค็อฏฏอบ ร่อฎิยัลอฮุอันฮา ซึ่ง ณ ที่แห่งนี้ไม่มีกำหนดสถานที่ฝังนบีท่านใดมาก่อน นอกจากกุบู้รของท่านนบีมูฮัมมัด เท่านั้น
“มหานครมะดีนะฮ์” เป็นแหล่งแห่งการประทานวะอียฺต่อจากนครมักกะฮ์ โดยญิบรีลนำวะฮีย์ลงมายังท่านเป็นศูนย์กลางแห่งการศรัทธา เป็นจุดหลอมรวมกันระหว่างชาวมูฮาญิรีนและชาวอันศอร เป็นถิ่นฐานของผู้ที่ตั้งหลักแหล่งแห่งความศรัทธา เป็นนครหลวงแห่งแรกของมุสลิม ณ ที่แห่งนี้คือ การรวมธงแห่งการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮ์ หลายครั้งหลายครา เป็นแหล่งรวมของกองทัพแห่งสัจธรรมที่ยาตราออกไป เพื่อนำปวงชนออกจากความมืดสู่แสงสว่างและจากเมืองนี้นี่เองที่รัศมีแห่งสัจธรรมได้แผ่กระจายทำให้ชาวโลกได้รับแสงสว่างแห่งทางนำ
“มหานครมะดีนะฮ์” เป็นสถานที่ตั้งของ “มัสยิดอัลนะบาวี” หรือที่เราต่างเรียกขานกันจนติดปากว่า “มัสยิดนบี ” เป็นมัสยิดที่ท่านนบีมูฮัมมัด ได้สร้างขึ้น เมื่อครั้งที่ท่านอพยพจากนครมักกะฮ์มาอยู่ที่นครมะดีนะฮ์ใหม่ๆเป็นมัสยิดที่มีความสำคัญเป็นอันดับสองรองจาก “มัสยิดอัลฮะรอม” เป็นเมืองที่พี่น้องมุสลิมผู้ศรัทธาจากทั่วทุกมุมโลก ต่างตั้งความหวังที่จะได้มาเยี่ยมสักครั้งหนึ่งในชีวิตก่อนหรือภายหลังก็ตามที่ได้รับความเมตตาและโปรดปรานให้ได้มาประกอบพิธีฮัจย์ครั้งสำคัญ
จากตำนานที่ได้ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์อิสลามเกี่ยวกับ “นครมะดีนะฮ์” แห่งนี้ มีหลักฐานความเป็นมาที่มีคุณค่าต่อการศึกษาและจดจำอย่างมากหมายและหลากหลายไม่เฉพาะแต่พี่น้องมุสลิมเท่านั้น แต่ยังมีต่างศาสนิกชนอื่นๆอีกจำนวนมากที่เดียว ที่ต่างก็ให้ความสนใจที่จะมาเยี่ยมชมและศึกษาถึงความยิ่งใหญ่ของมหานครแห่งนี้ หากแต่มีข้อจำกัดทางบัญญัติอิสลามอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้นที่จะเดินทางเข้าในเมืองนี้ได้ เฉกเช่นเดียวกับข้อบัญญัติในการเดินทางสู่นครอันศักดิ์สิทธิ์ “ มักกะตุ้ลมุกัรเราะฮ์มะฮ์” ดินแดนแห่งความสันติสุข ที่มีเสียงก้องกังวานอยู่ในใจและความทรงจำของพี่น้องมุสลิมผู้ศรัทธาทุกคนที่มาเยือน มัสยิดอัล-หะรอม
และไม่เป็นเรื่องที่น่าแปลกถ้าหากผู้คนจำนวนนับล้านเช่นนี้จะหวนกลับมาเยือนที่นี้อีก เพราะนั่นคือสันติภาพที่พวกเขาสัมผัสได้ก่อนขณะที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ก่อนที่จะได้สัมผัสอีกครั้งในสถานพำนักอันถาวรในสวรรค์ “ดารุสสลาม” วิมานแห่งความสันติ
แปลและเรียบเรียงโดย อาจารย์มูนีร มูฮัมมัด
ที่มา : อัลอิศลาห์สมาคม