การเยือนที่เป็นอุตริ 3 (บิดอะฮ์)
โดย : เชคอับดุลมัวะฮฺซิน บินฮะมัด อัลอับบาด อับบัดร์
♣ การฏอว้าฟรอบกุบู้รของท่านรอซูล แท้จริงการกระทำดังกล่าว เป็นที่ต้องห้าม (ฮะรอม) เพราะอัลลอฮ์ ไม่ทรงบัญญัติการฏอว้าฟต่อสิ่งอื่นใด นอกจากอัลกะอ์บะอ์อันมีเกียรติ อัลลอฮ์ ตรัสความว่า
“และพวกเขาจงเวียนรอบเคหะอันเก่าแก่”
(อัลฮัจญ์/29)
ดังนั้น จึงไม่อนุญาตให้เดินฏอว้าฟเวียนรอบสถานที่ใดนอกจากอัลกะอ์บะอ์ โดยเหตุนี้จึงกล่าวได้ว่า มีคนจำนวนมากละหมาดเพื่ออัลลอฮ์ ในทุกสถานที่ มีคนจำนวนมากที่ทำศ่อดาเกาะฮ์เพื่ออัลลอฮ์ มีคนจำนวนมากถือศีลอดเพื่ออัลลอฮ์ มีคนจำนวนมากที่รำลึกถึงอัลลอฮ์ ในทุกหนแห่ง แต่ไม่อาจกล่าวว่า มีคนจำนวนมากทำการฏอว้าฟเพื่ออัลลอฮ์ ในทุกสถานที่ เพราะการฏอว้าฟเป็นลักษณะเฉพาะสำหรับบัยตุลลอฮ์เท่านั้น
ชัยคุลอิสลาม อิบนิตัยมียะฮ์ ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ กล่าวว่า บรรดานักวิชาการมุสลิมมีความเห็นตรงกันว่า ไม่ชอบด้วยบัญญัติศาสนาในการเวียนรอบ สิ่งอื่นใด นอกจากบัยตุลลอฮ์เท่านั้น ไม่อนุญาตให้ฏอว้าฟหินศ็อคเราะฮ์ที่บัยตุลมักดิส หรือห้องของท่านนบี หรือที่ภูเขาอะรอฟะฮ์ หรือสถานที่อื่นใด
♣ การส่งเสียงดังที่กุบูรของท่านร่อซูล การกระทำเช่นนี้ไม่เป็นสิ่งบังควร เพราะอัลลอฮ์ ทรงใช้ให้บรรดาผู้ศรัทธามีมารยาท เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านนบี ดังที่พระองค์ตรัสความว่า
“โอ้ บรรดาศรัทธาชนทั้งหลาย สูเจ้าทั้งหลายอย่ายกเสียงของพวกสูเจ้าเหนือเสียงของนบี และพวกสูเจ้าจงอย่าพูดเสียงดังกับเขา
ดังเช่นการส่งเสียงดังของบางคนในหมู่พวกเจ้ากับอีกบางคน (เพราะเกรงว่า)การงานของพวกสูเจ้าจะไร้ผล โดยที่พวกสูเจ้าไม่รู้สึกตัว
แท้จริงบรรดาผู้ลดเสียงของพวกเขา ณ ร่อซูลของอัลลอฮ์ เขาเหล่านั้นคือ ผู้ที่อัลลอฮ์ทรงทดสอบหัวใจของพวกเขาสำหรับความยำเกรง
พวกเขาจะได้รับการอภัยโทษและการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่”
(อัลฮุจร็อต/2-3)
ดังนั้น ท่านรอซูลุลลอฮ์ จึงได้รับการให้ความเคารพทั้งขณะที่มีชีวิตและหลังจากที่สิ้นชีวิต
♣ หันหน้าไปทางกุบูรของท่านร่อซูล ในระยะห่างไม่ว่าจะอยู่ในมัสยิด หรืออยู่นอกมัสยิด แล้วกล่าวสลามกับท่าน อาจารย์ของเราคือ เชคอัลดุลอะซีซ อิบนิบาส ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ การประกอบพิธีฮัจญ์ของท่านว่า การกระทำเช่นนี้ใกล้กับการมีความรักและความบริสุทธิ์ใจยิ่งกว่าการแล้งน้ำใจต่อท่าน
ส่วนหนึ่งจากคำเตือน คือ ผู้ที่เดินทางไปยังนครมะดีนะฮ์ บางคนในครอบครัวของเขาหรือคนอื่นได้ฝากสลามของเขาไปยังท่านนบี การกระทำเช่นนี้ไม่ปรากฏในซุนนะฮ์ ดังนั้น สมควรสำหรับผู้ที่ต้องการเช่นนี้ให้กล่าวกับเขาว่าจงกล่าวซอละวาตและสลามแก่ท่านนบีมาก ๆ เพราะมะลาอิกะฮ์จะเป็นสื่อนำคำศ่อละวาตและสลามไปบอกแก่ท่านร่อซูล
ดังที่ท่านกล่าวว่า
“แท้จริง สำหรับอัลลอฮ์มีมะลาอิกะฮ์ ผู้เดินทางโดยนำเอาสลามจากประชาชาติฉันมาบอกแก่ฉัน”
(ฮะดีษศ่อเฮี๊ยะฮฺบันทึกโดย อันนะซาอียฺและคนอื่น)
และฮะดีษของท่านรอซูล ที่ว่า
“ท่านทั้งหลายจงอย่าทำให้บ้านเรือนของพวกท่านเป็นกุบูร และจงอย่ายึดเอากุบูรของฉันเป็นวันสำคัญ
ท่านทั้งหลายจงกล่าวศ่อละวาตแก่ฉัน แท้จริงการกล่าวศ่อละวาตของพวกท่านจะถึงฉัน ไม่ว่าพวกท่านจะอยู่ ณ ที่ใด”
(ฮะดีษศ่อเฮี๊ยะฮฺ บันทึกโดย อบูดาวูดและบุคคลอื่น)
ส่วนหนึ่งจากสิ่งที่ควรรู้ คือ ไม่จำเป็นต้องทำฮัจย์และอุมเราะฮ์ควบคู่กับการไปเยือนนครมะดีนะฮ์ ผู้ที่ประกอบพิธีฮัจญ์และอุมเราะฮ์ สามารถเดินทางกลับประเทศของตนโดยมิได้เยือนนครมะดีนะฮ์ หรือไปเยือนนครมะดีนะฮ์ โดยสามารถเดินทางกลับไปยังประเทศของเขาได้โดยมิได้ทำฮัจญ์หรืออุมเราะฮ์ ขณะเดียวกันก็สามารถรวมกันระหว่างทำฮัจญ์ ทำอุมเราะฮ์และไปเยือนนครมะดีนะฮ์ ก็ได้
ส่วนรายงานฮะดีษต่าง ๆ เกี่ยวกับการเยี่ยมกุบูรของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ที่เป็นฮะดิษฏออีฟ(อุปโลกษณ์) เช่น ฮะดีษที่ว่า
“ผู้ใดประกอบพิธีฮัจญ์แล้วเขาไม่ไปเยี่ยมฉัน แท้จริงเขาแล้งน้ำใจกับฉัน”
“ผู้ใดมาเยี่ยมฉันหลังจากที่ฉันตาย ก็เหมือนกับว่าเขาเยี่ยมฉัน ขณะที่ฉันมีชีวิตอยู่”
“ผู้ใดที่ไปเยี่ยมฉันและไปเยี่ยมอิบรอฮีมบิดา ของฉันในปีเดียวกัน จะประกันสวรรค์ให้แก่เขา ณ อัลลอฮ์”
“ผู้ใดที่เยี่ยมกุบู้รของฉัน เขาจะได้รับการชะฟาอะฮ์ของฉัน”
บรรดาฮะดีษเหล่านี้และที่คล้าย ๆ กันนี้ ไม่อาจนำมาเป็นหลักฐานได้ เพราะเป็นฮะดีษที่อุปโลกน์ขึ้น หรือเป็นฮะดีษที่อ่อนหลักฐานอย่างมากดังที่บรรดานักฮะดีษทั้งหลาย เช่น อัดดารุกุฏนียฺ อัลอุกอยลี อัลบัยฮะกียฺ อิบนิตัยมียะฮ์ อิบนิหะญัร ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ ได้ตั้งข้อสังเกตไว้
ส่วน ดำรัสของอัลลอฮ์ ที่ว่า
“และถ้าหากว่า พวกเขาอธรรมต่อตัวของพวกเขา แล้วพวกเขามายังเจ้า โดยขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์
และรอซูลก็ขออภัยโทษให้แก่พวกเขา
พวกเขาจะพบว่า อัลลอฮ์ คือ ผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตายิ่ง”
(อันนิซาอ์/64)
อายะฮ์นี้มิได้เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่า เมื่ออธรรมต่อตัวเองแล้วให้ไปเยี่ยมกุบูรของท่านนบี เพราะว่าถ้อยความของอายะฮ์เกี่ยวกับพวกมุนาฟิก และการที่พวกเขาไปหาท่านนบี ขณะที่ท่านนบี ยังมีชีวิตอยู่ เพราะบรรดาศ่อฮาบะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮ์อันฮุม ไม่มีผู้ใดไปเยี่ยมกุบูรของท่านรอซูล เพื่อขออภัยโทษ หรือขอให้ท่านขออภัยโทษจากอัลลอฮ์ ให้
โดยเหตุนี้ ค่อลีฟะฮ์ อุมัร อิบนุล ค็อฏฏ็อบ จึงขอให้อัลอับบาส ลุงของนบีมุฮัมมัด ช่วยขอดุอาอ์ เมื่อเกิดความแห้งแล้ง ท่านกล่าวว่า
“โอ้ อัลลอฮ์ แท้จริง เราเป็นสื่อขอดุอาอ์ต่อพระองค์ได้ เมื่อเราประสบความแห้งแล้ง แล้วพระองค์ก็ประทานฝนให้แก่เรา และเราได้ขอให้ลุงของนบีของเราเป็นสื่อขอดุอาอ์ต่อพระองค์ ขอพระองค์ประทานฝนให้แก่เราเถิด” ท่านกล่าวว่า “แล้วพวกเขาก็ได้รับน้ำฝน”
(นำเสนอโดย อัลบุคอรีย์ ในหนังสือ ศ่อเฮี๊ยะฮฺของท่าน)
ดังนั้น ถ้าหากว่าการขอให้นบี เป็นสื่อขอดุอาอ์ ให้หลังจากที่ท่านได้ตายไป เป็นการกระทำที่ชอบด้วยบัญญัติแล้ว คอลีฟะฮ์ อุมัร คงไม่ขอให้อัลอับบาสเป็นสื่อขอดุอาอ์ให้ และฮะดีษซึ่งอัลบุคอรีย์บันทึกอยู่ในหนังสือศ่อเฮี๊ยะฮ์ของท่านภาคผู้ป่วย
จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ร่อฎิยัลอฮุอันฮา กล่าวว่า โอ้ศีรษะของฉัน
ท่านร่อซูล กล่าวว่า “นั่นแหละถ้าหากว่า มันเป็นเช่นนั้นและฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะขออภัยโทษให้แก่เธอและขอดุอาอ์ให้แก่เธอ”
ท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฎิยัลอฮุอันฮา กล่าวว่า “ขอสาบานด้วยอัลลอฮ์ แท้จริงฉันคิดว่าท่านชอบที่จะให้ฉันตาย...”
ถ้าหากว่า สามารถขอดุอาอ์และขออภัยจากท่านร่อซูลุลลอฮ์ หลังจากที่ท่านตายไปได้แล้ว ก็จะไม่มีความแตกต่างระหว่างการที่ท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฎิยัลอฮุอันฮา ตายก่อนท่านร่อซูล หรือท่านร่อซูลุลลอฮฺ ตายก่อนนาง
การอนุญาตให้เยี่ยมกุบูรของท่านร่อซูล เป็นการให้อนุญาตให้เยี่ยมกุบูรอื่น มีปรากฏอยู่ให้ฮะดีษต่าง ๆ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ กล่าวว่า
“ท่านทั้งหลายจงไปเยี่ยมกุบูรเถิด แท้จริง มันจะทำให้พวกท่านรำลึกถึงวันอาคิเราะฮ์”
(นำเสนอโดยมุสลิม ในหนังสือ ศ่อเฮี๊ยะฮ์ของท่าน)
ไม่สมควรที่จะยืนเป็นเวลานานที่กุบูรของท่านนบี และไม่ต้องไปเยี่ยมมากครั้ง เพราะการกระทำดังกล่าวเหมือนกับเป็นการแสดงออกถึงการหลงใหลในตัวนบี พระองค์อัลลอฮ์ ทรงให้ลักษณะเฉพาะแก่ท่านนบี โดยที่ประชาชาติของท่านมิได้รับเช่นนั้น คือ ให้มะลาอิกะฮ์บอกสลามแก่ท่านในทุกที่
ดังคำพูดของท่านนบี ที่ว่า
“แท้จริงสำหรับอัลลอฮ์ มีมะลอิกะฮ์ผู้ท่องไป โดยบอกสลามแก่ฉันจากประชาชาติของฉัน”
และฮะดีษที่ว่า
“ท่านทั้งหลายจงอย่าทำให้บ้านของพวกท่านเป็นกุบูรและอย่ายึดเอากุบูรของฉันเป็นวันสำคัญ
ท่านทั้งหลายจงกล่าวศ่อละวาตแก่ฉัน แท้จริง การกล่าวศ่อละวาตของท่านทั้งหลายถึงฉันว่าท่านทั้งหลายจะอยู่ที่ใด”
เมื่อนบีมุฮัมมัด ห้ามมิให้เอากุบูรของท่านเป็นวันสำคัญ ท่านก็ได้ชี้แนะถึงสิ่งทดแทนด้วยถ้อยคำที่ว่า
“ท่านทั้งหลายจงกล่าวศ่อละวาตแก่ฉัน แท้จริงการกล่าวศ่อละวาตของพวกท่านจะถึงฉัน ไม่ว่าพวกท่านจะอยู่ที่ใด”
คือ โดยทางการสื่อสารของมะลาอิกะฮ์
ส่วนการไปเยี่ยมกุบูรอัลบะเกียะอ์และกุบูรของบรรดาผู้ตายชะฮีดในสงครามอุฮุดเป็นสิ่งที่ชอบให้ปฏิบัติ ถ้าหากว่าถูกต้องตามบัญญัติศาสนา แต่เป็นที่ต้องห้าม(ฮะรอม)ถ้าหากว่าเป็นการอุตริ
การเยี่ยมกุบูรที่ชอบด้วยบัญญัติศาสนา คือ การกระทำโดยถูกต้องจากท่านร่อซูลุลลอฮ์ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ไปเยี่ยมซึ่งมีชีวิตและเป็นประโยชน์ต่อผู้ตายที่ถูกเยี่ยม
แปลและเรียบเรียงโดย อาจารย์มูนีร มูฮัมมัด
ที่มา : อัลอิศลาห์สมาคม