การเยือนที่เป็นอุตริ 2 (บิดอะฮ์)
โดย : เชคอับดุลมัวะฮฺซิน บินฮะมัด อัลอับบาด อับบัดร์
♦ การเอามือลูบที่ลูกกรงและบานหน้าต่าง ซึ่งอยู่โดยรอบกุบูรของท่านร่อซูล หรือเอามือลูบส่วนหนึ่งส่วนใดของมัสยิดหรือสถานที่อื่นใดของนครมะดีนะฮ์ การกระทำเช่นนี้ไม่เป็นที่อนุญาต เพราะซุนนะฮ์ไม่มีให้ปฏิบัติเช่นนั้นและไม่ใช่การกระทำของชาวสลัฟศ่อลิฮ์ หากแต่เป็นหนทางทางนำไปสู่การทำชิริกหรือตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์
ผู้ทำเช่นนี้อาจกล่าวว่า “ฉันทำเช่นนี้ เนื่องจากความรักในท่านนบี
เราขอกล่าวว่า “จำเป็นที่ความรักต่อท่านนบี จะต้องอยู่ในหัวใจของมุสลิมทุกคน ซึ่งมีความยิ่งใหญ่กว่าความรักของเขาที่มีต่อบิดามารดาของเขา ลูกของเขา และมวลมนุษย์”
ดังที่ท่านร่อซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า
“คนหนึ่งในพวกท่านไม่ศรัทธาจนกว่าฉันจะเป็นที่รักของเขามากกว่า พ่อของเขา ลูกของเขา และมนุษย์ทั้งหมด”
(บันทึกโดย อัลบุคอรียฺ และมุสลิม)
ยิ่งไปกว่านั้น จำเป็นที่ความรักต่อท่านร่อซูล ยิ่งใหญ่กว่าความรักต่อตัวของเขาเอง ดังที่ปรากฏอยู่ในฮะดีษของท่านอุมัร บันทึกอยู่ในหนังสือศ่อเฮี๊ยะอ์ อัลบุคอรีย์ ว่า จำเป็นที่ความรักต่อร่อซูลุลลอฮ์ ยิ่งใหญ่กว่าความรักต่อตัวเอง ต่อผู้เป็นพ่อ ต่อผู้เป็นลูก เพราะว่าความเมตตาที่อัลลอฮ์ ทรงประทานแก่มวลมุสลิม โดยผ่านท่านร่อซูลุลลอฮ์ คือ ความเมตตาด้วยอิสลาม และความเมตตาด้วยการนำสู่หนทางที่เที่ยงตรง ความเมตตาแห่งการนำออกจากความมืดสู่ความสว่าง ซึ่งเป็นความเมตตาที่สูงส่งและมีความยิ่งใหญ่ ไม่มีความเมตตาใดๆ เท่าเทียม และไม่มีความเมตตาใด ๆ เสมอเหมือน
การลูบลูกกรงและบานหน้าต่าง ๆ ไม่ใช่เครื่องหมายแสดงถึงความรัก เครื่องหมายแสดงถึงความรัก คือ การดำเนินตามท่านร่อซูลุลลอฮ์ และการปฏิบัติตามซุนนะฮ์ของท่าน แท้จริงศาสนาอิสลาม ตั้งอยู่บนรากฐานที่ยิ่งใหญ่ 2 ประการ คือ
ก. ไม่เคารพภักดีสิ่งใดนอกจากอัลลอฮ์
ข. ไม่เคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ นอกจากจะสอดคล้องกับสิ่งที่ร่อซูลุลลอฮ์ นำมา ซึ่งเป็นไปตามคำปฏิญาณว่า
“ไม่มีพระเจ้าใดนอกจากอัลลอฮ์ มุฮัมมัดเป็นร่อซูลุลลอฮ์”
ในคัมภีร์อัลกุรอ่านมีอายะฮ์หนึ่ง นักวิชาการบางท่านเรียกว่า อายะฮ์แห่งการทดสอบ นั่นคือ ดำรัสของอัลลอฮ์ ว่า
“จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ถ้าหากว่าสูเจ้าทั้งหลายรักอัลลอฮ์ ก็จงดำเนินตามฉัน แล้วอัลลอฮ์ก็จะรักพวกสูเจ้า
และจะอภัยโทษให้แก่พวกสูเจ้า ในความผิดของพวกสูเจ้า และอัลลอฮ์ คือ ผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตายิ่ง”
(อาละอิมรอน/31)
อัลฮะซันอัลบัศรีย์ และนักวิชาการอื่นจากชาวสะลัฟ กล่าวว่าคนกลุ่มหนึ่งอ้างว่าพวกเขารักอัลลอฮ์ พระองค์อัลลอฮ์ จึงทดสอบพวกเขาด้วยอายะฮ์นี้ ถ้อยคำที่ว่า “อัลลอฮ์ทรงทดสอบพวกเขา” หมายถึง การทดสอบพวกเขา เพื่อทำให้ผู้พูดจริงแยกออกจากผู้พูดเท็จ ดังนั้น ผู้ใดที่กล่าวอ้างว่า มีความรักในอัลลอฮ์ และร่อซูลของพระองค์ จำเป็นจะต้องนำหลักฐานมาเสนอเพื่อยืนยันถึงคำกล่าวอ้างของเขา หลักฐานที่ชัดแจ้งคือ การดำเนินตามท่านร่อซูลุลลอฮ์
อิบนุกะซีร ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ ได้กล่าวไว้ในการอธิบายอายะฮ์นี้ว่า อายะฮ์นี้เป็นสิ่งชี้ขาด ถึงทุกคนที่กล่าวอ้างว่า มีความรักอัลลอฮ์นี้ แต่เขามิได้อยู่ในแนวทางของนบีมุฮัมมัด แท้จริงเขาเป็นคนโกหกจนกว่า เขาได้ปฏิบัติตามบัญญัติและศาสนาที่นบีมุฮัมมัด นำมาทั้งคำพูดและปฏิบัติ ดังที่ยืนยันอยู่ในหนังสือศ่อเฮี๊ยะฮ์ จากท่านร่อซูลุลลอฮ์ กล่าวว่า
“ผู้ใดกระทำการงานหนึ่งโดยที่มันไม่อยู่ในกิจของเรา การงานนั้นเป็นโมฆะ”
โดยเหตุนี้อัลลอฮ์ จึงตรัสว่า
“ถ้าหากสูเจ้าทั้งหลายรักอัลลอฮ์ ก็จงดำเนินตามฉัน แล้วอัลลอฮ์ จะทรงรักพวกสูเจ้า”
(อาละอิมรอน/31)
หมายความว่า ผลที่พวกสูเจ้าได้รับมากกว่าสิ่งที่พวกสูเจ้ามีความรักพระองค์ คือ พระองค์ทรงรักพวกสูเจ้า ซึ่งมีความยิ่งใหญ่กว่าประการแรก ดังที่นักปราชญ์ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ไม่ใช่เกียรติที่ยิ่งใหญ่ซึ่งท่านมีความรัก แต่เกียรติที่ยิ่งใหญ่คือ การที่ท่านถูกรัก แล้วเขาก็หยิบยกเอาคำพูดของอัลฮะซัน อัลบัศรีย์ และบุคคลอื่นจากชาวสะลัฟมาเสนอ
อันนะวะวียฺ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัลมัจมัวะอ์” ซึ่งเป็นคำอธิบายของหนังสือ อัลมุซัยซียะ เกี่ยวกับการลูบและจับลูกกรงกุบูรของนบีมุฮัมมัด ว่า “ไม่มีการละเลยต่อการกระทำของคน ไม่รู้จำนวนมากที่ค้านบัญญัติ" แท้จริงการปฏิบัติและการทำตามจะต้องด้วยกับฮะดีษที่ถูกต้องและคำพูดของบรรดานักวิชาการ และอย่าได้ให้ความสนใจในการพูดกับคนไม่รู้และคนเขลา
มียืนยันในหนังสือ ศ่อเฮี๊ยะฮ์อัลบุคอรียฺและมุสลิม จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา ว่าท่านร่อซูลุลลอฮ์ กล่าวว่า
“ผู้ใดที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ในศาสนาของเรานี้ โดยที่ไม่มีมาก่อน การทำนั้นเป็นโมฆะ”
จากอบีฮุรอยเราะฮ์ กล่าวว่า ท่านร่อซูลุลลอฮ์ กล่าวว่า
“ท่านทั้งหลายอย่าได้ทำให้กุบูรของฉันเป็นวันสำคัญและท่านทั้งหลายขอพรให้แก่ฉัน แท้จริง การขอพรของพวกท่านจะถึงฉันไม่ว่าท่านทั้งหลายจะอยู่ที่ใด”
(บันทึกโดย อบูดาวูด โดยมีสายผู้รายงานถูกต้อง)
อัลฟุฏอยล์ อิบนุ อิยาฏ ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ กล่าวว่า ความหมายของฮะดีษก็คือ ท่านจงดำเนินตามแนวทางที่ถูกต้อง ผู้ที่ดำเนินตามแนวทางนี้ แม้จะมีอยู่จำนวนน้อยก็ไม่เป็นผลเสียหาย อย่าได้หลงใหลต่อบรรดาผู้หายนะจำนวนมาก
ผู้ใดที่เข้าใจว่า การใช้มือลูบหรือการกระทำอื่น ๆ ทำให้ได้รับความจำเริญยิ่ง แท้จริง เขาอยู่ในความโง่เขลา เพราะบะร่อกัตหรือความจำเริญจะเกิดขึ้นโดยเป็นตามบัญญัติศาสนา แล้วจะแสวงหาความจำเริญในหนทางที่ฝ่าฝืนบัญญัติศาสนาได้อย่างไร ? จบคำพูดของอัลฟุฏอยล์ ร่อฮิมะฮุลลอฮ์
แปลและเรียบเรียงโดย อาจารย์มูนีร มูฮัมมัด
ที่มา : อัลอิศลาห์สมาคม