การเยือนที่เป็นอุตริ 2 (บิดอะฮ์)
  จำนวนคนเข้าชม  3313

การเยือนที่เป็นอุตริ 2 (บิดอะฮ์)


โดย : เชคอับดุลมัวะฮฺซิน  บินฮะมัด  อัลอับบาด  อับบัดร์


          ♦  การเอามือลูบที่ลูกกรงและบานหน้าต่าง  ซึ่งอยู่โดยรอบกุบูรของท่านร่อซูล   หรือเอามือลูบส่วนหนึ่งส่วนใดของมัสยิดหรือสถานที่อื่นใดของนครมะดีนะฮ์  การกระทำเช่นนี้ไม่เป็นที่อนุญาต  เพราะซุนนะฮ์ไม่มีให้ปฏิบัติเช่นนั้นและไม่ใช่การกระทำของชาวสลัฟศ่อลิฮ์  หากแต่เป็นหนทางทางนำไปสู่การทำชิริกหรือตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ 

ผู้ทำเช่นนี้อาจกล่าวว่า  “ฉันทำเช่นนี้  เนื่องจากความรักในท่านนบี

เราขอกล่าวว่า  “จำเป็นที่ความรักต่อท่านนบี    จะต้องอยู่ในหัวใจของมุสลิมทุกคน  ซึ่งมีความยิ่งใหญ่กว่าความรักของเขาที่มีต่อบิดามารดาของเขา  ลูกของเขา  และมวลมนุษย์”

ดังที่ท่านร่อซูลุลลอฮฺ    กล่าวว่า

“คนหนึ่งในพวกท่านไม่ศรัทธาจนกว่าฉันจะเป็นที่รักของเขามากกว่า  พ่อของเขา  ลูกของเขา  และมนุษย์ทั้งหมด”

(บันทึกโดย อัลบุคอรียฺ และมุสลิม)


           ยิ่งไปกว่านั้น  จำเป็นที่ความรักต่อท่านร่อซูล  ยิ่งใหญ่กว่าความรักต่อตัวของเขาเอง  ดังที่ปรากฏอยู่ในฮะดีษของท่านอุมัร   บันทึกอยู่ในหนังสือศ่อเฮี๊ยะอ์  อัลบุคอรีย์ ว่า จำเป็นที่ความรักต่อร่อซูลุลลอฮ์  ยิ่งใหญ่กว่าความรักต่อตัวเอง  ต่อผู้เป็นพ่อ  ต่อผู้เป็นลูก เพราะว่าความเมตตาที่อัลลอฮ์   ทรงประทานแก่มวลมุสลิม  โดยผ่านท่านร่อซูลุลลอฮ์    คือ  ความเมตตาด้วยอิสลาม และความเมตตาด้วยการนำสู่หนทางที่เที่ยงตรง  ความเมตตาแห่งการนำออกจากความมืดสู่ความสว่าง  ซึ่งเป็นความเมตตาที่สูงส่งและมีความยิ่งใหญ่  ไม่มีความเมตตาใดๆ เท่าเทียม และไม่มีความเมตตาใด ๆ เสมอเหมือน

           การลูบลูกกรงและบานหน้าต่าง ๆ ไม่ใช่เครื่องหมายแสดงถึงความรัก  เครื่องหมายแสดงถึงความรัก  คือ  การดำเนินตามท่านร่อซูลุลลอฮ์  และการปฏิบัติตามซุนนะฮ์ของท่าน  แท้จริงศาสนาอิสลาม  ตั้งอยู่บนรากฐานที่ยิ่งใหญ่  2  ประการ  คือ

ก.  ไม่เคารพภักดีสิ่งใดนอกจากอัลลอฮ์

ข.  ไม่เคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ นอกจากจะสอดคล้องกับสิ่งที่ร่อซูลุลลอฮ์  นำมา  ซึ่งเป็นไปตามคำปฏิญาณว่า

 “ไม่มีพระเจ้าใดนอกจากอัลลอฮ์  มุฮัมมัดเป็นร่อซูลุลลอฮ์”

 ในคัมภีร์อัลกุรอ่านมีอายะฮ์หนึ่ง  นักวิชาการบางท่านเรียกว่า  อายะฮ์แห่งการทดสอบ  นั่นคือ  ดำรัสของอัลลอฮ์   ว่า 

 “จงกล่าวเถิด  (มุฮัมมัด)  ถ้าหากว่าสูเจ้าทั้งหลายรักอัลลอฮ์  ก็จงดำเนินตามฉัน  แล้วอัลลอฮ์ก็จะรักพวกสูเจ้า

และจะอภัยโทษให้แก่พวกสูเจ้า  ในความผิดของพวกสูเจ้า  และอัลลอฮ์ คือ ผู้ทรงอภัยโทษ  ผู้ทรงเมตตายิ่ง”

(อาละอิมรอน/31)


           อัลฮะซันอัลบัศรีย์  และนักวิชาการอื่นจากชาวสะลัฟ  กล่าวว่าคนกลุ่มหนึ่งอ้างว่าพวกเขารักอัลลอฮ์  พระองค์อัลลอฮ์  จึงทดสอบพวกเขาด้วยอายะฮ์นี้  ถ้อยคำที่ว่า  “อัลลอฮ์ทรงทดสอบพวกเขา”  หมายถึง  การทดสอบพวกเขา  เพื่อทำให้ผู้พูดจริงแยกออกจากผู้พูดเท็จ  ดังนั้น  ผู้ใดที่กล่าวอ้างว่า  มีความรักในอัลลอฮ์  และร่อซูลของพระองค์  จำเป็นจะต้องนำหลักฐานมาเสนอเพื่อยืนยันถึงคำกล่าวอ้างของเขา  หลักฐานที่ชัดแจ้งคือ  การดำเนินตามท่านร่อซูลุลลอฮ์ 

           อิบนุกะซีร  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์  ได้กล่าวไว้ในการอธิบายอายะฮ์นี้ว่า  อายะฮ์นี้เป็นสิ่งชี้ขาด  ถึงทุกคนที่กล่าวอ้างว่า  มีความรักอัลลอฮ์นี้  แต่เขามิได้อยู่ในแนวทางของนบีมุฮัมมัด  แท้จริงเขาเป็นคนโกหกจนกว่า  เขาได้ปฏิบัติตามบัญญัติและศาสนาที่นบีมุฮัมมัด  นำมาทั้งคำพูดและปฏิบัติ  ดังที่ยืนยันอยู่ในหนังสือศ่อเฮี๊ยะฮ์ จากท่านร่อซูลุลลอฮ์  กล่าวว่า

 “ผู้ใดกระทำการงานหนึ่งโดยที่มันไม่อยู่ในกิจของเรา  การงานนั้นเป็นโมฆะ”

 โดยเหตุนี้อัลลอฮ์   จึงตรัสว่า

 “ถ้าหากสูเจ้าทั้งหลายรักอัลลอฮ์ ก็จงดำเนินตามฉัน แล้วอัลลอฮ์ จะทรงรักพวกสูเจ้า”

(อาละอิมรอน/31)

          หมายความว่า  ผลที่พวกสูเจ้าได้รับมากกว่าสิ่งที่พวกสูเจ้ามีความรักพระองค์  คือ  พระองค์ทรงรักพวกสูเจ้า  ซึ่งมีความยิ่งใหญ่กว่าประการแรก  ดังที่นักปราชญ์  ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า  ไม่ใช่เกียรติที่ยิ่งใหญ่ซึ่งท่านมีความรัก  แต่เกียรติที่ยิ่งใหญ่คือ  การที่ท่านถูกรัก  แล้วเขาก็หยิบยกเอาคำพูดของอัลฮะซัน  อัลบัศรีย์  และบุคคลอื่นจากชาวสะลัฟมาเสนอ


            อันนะวะวียฺ  ได้กล่าวไว้ในหนังสือ  “อัลมัจมัวะอ์”  ซึ่งเป็นคำอธิบายของหนังสือ  อัลมุซัยซียะ  เกี่ยวกับการลูบและจับลูกกรงกุบูรของนบีมุฮัมมัด   ว่า  “ไม่มีการละเลยต่อการกระทำของคน  ไม่รู้จำนวนมากที่ค้านบัญญัติ"  แท้จริงการปฏิบัติและการทำตามจะต้องด้วยกับฮะดีษที่ถูกต้องและคำพูดของบรรดานักวิชาการ  และอย่าได้ให้ความสนใจในการพูดกับคนไม่รู้และคนเขลา

 มียืนยันในหนังสือ  ศ่อเฮี๊ยะฮ์อัลบุคอรียฺและมุสลิม  จากท่านหญิงอาอิชะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา  ว่าท่านร่อซูลุลลอฮ์  กล่าวว่า 

 “ผู้ใดที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ในศาสนาของเรานี้  โดยที่ไม่มีมาก่อน  การทำนั้นเป็นโมฆะ”

 จากอบีฮุรอยเราะฮ์  กล่าวว่า  ท่านร่อซูลุลลอฮ์  กล่าวว่า

 “ท่านทั้งหลายอย่าได้ทำให้กุบูรของฉันเป็นวันสำคัญและท่านทั้งหลายขอพรให้แก่ฉัน  แท้จริง  การขอพรของพวกท่านจะถึงฉันไม่ว่าท่านทั้งหลายจะอยู่ที่ใด”

(บันทึกโดย อบูดาวูด  โดยมีสายผู้รายงานถูกต้อง)


           อัลฟุฏอยล์  อิบนุ  อิยาฏ  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์  กล่าวว่า ความหมายของฮะดีษก็คือ  ท่านจงดำเนินตามแนวทางที่ถูกต้อง  ผู้ที่ดำเนินตามแนวทางนี้ แม้จะมีอยู่จำนวนน้อยก็ไม่เป็นผลเสียหาย  อย่าได้หลงใหลต่อบรรดาผู้หายนะจำนวนมาก

           ผู้ใดที่เข้าใจว่า  การใช้มือลูบหรือการกระทำอื่น ๆ ทำให้ได้รับความจำเริญยิ่ง  แท้จริง  เขาอยู่ในความโง่เขลา  เพราะบะร่อกัตหรือความจำเริญจะเกิดขึ้นโดยเป็นตามบัญญัติศาสนา  แล้วจะแสวงหาความจำเริญในหนทางที่ฝ่าฝืนบัญญัติศาสนาได้อย่างไร ?  จบคำพูดของอัลฟุฏอยล์  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์

 


แปลและเรียบเรียงโดย  อาจารย์มูนีร  มูฮัมมัด

ที่มา : อัลอิศลาห์สมาคม