การเยือนนครมะดีนะฮ์
  จำนวนคนเข้าชม  6132

การเยือนนครมะดีนะฮ์


โดย : เชคอับดุลมัวะฮฺซิน  บินฮะมัด  อัลอับบาด  อับบัดร์


          ในเมื่อมีมารยาทในการพักอยู่ในนครมะดีนะฮ์  ในการเยือนนครมะดีนะฮ์ก็มีมารยาท  ดังนั้น  จึงจำเป็นที่ผู้เยือนนครมะดีนะฮ์จะต้องเอาใจใส่ในมารยาท  เช่นเดียวกับผู้พักอยู่ในนครมะดีนะฮ์  ซึ่งได้มีการกล่าวโดยสรุปไว้แล้ว  ส่วนสิ่งที่สมควรรู้ในที่นี้  คือ  เป็นที่ชอบด้วยบัญญัติสำหรับผู้ที่ต้องการจะเดินทางไปยังนครมะดีนะฮ์  จะต้องตั้งใจไปเยี่ยมมัสยิดของท่านร่อซูล  และสนับสนุนเดินทางไปเยี่ยมมัสยิดนี้  ดังฮะดีษของท่านร่อซูล ว่า

 “ไม่ส่งเสริมให้เดินทางนอกจากยัง  3  มัสยิด  มัสยิดฮะรอม  มัสยิดของฉันนี้  และมัสยิดอักศอ”

(บันทึกโดย อัลบุคอรียฺ และมุสลิม)

         ฮะดีษนี้บ่งชี้ว่า  ไม่ส่งเสริมให้ไปเยือนสถานที่อื่นใด มัสยิดหรือไม่ใช่มัสยิด  เพื่อความใกล้ชิดอัลลอฮ์   ณ  จุดที่เดินทางไป  ดังที่ปรากฏอยู่ในหนังสือสุนัน  อันนะซาอีย์  จากอบีฮุรอยเราะฮ์  กล่าวว่า

“ฉันได้พบกับบัศเราะฮ์  อบีบัศเราะฮ์  อัลฆิฟารีย์  เขากล่าวว่า  “ท่านมาจากไหน?”

ฉันตอบว่า  “จากอัฏฏูร” 

เขากล่าวว่า  “ถ้าหากว่าฉันได้พบกับท่านก่อนที่ท่านจะไปยังมัน  ท่านก็จะไม่ไปอย่างแน่นอน”

 ฉันกล่าวกับเขาว่า  “เพราะอะไร ?”
 
เขากล่าวว่า  “ฉันได้ยินท่านร่อซูลุลลอฮ์  กล่าวว่า”

 “มิให้เดินทางไปนอกจากยัง  3  มัสยิด มัสยิดฮะรอม  มัสยิดของฉันและมัสยิดบัยตุลมักดิส”

(เป็นฮะดีษศ่อเฮี๊ยะฮ)

 จากฮะดีษนี้  บัศเราะฮ์  อิบนิอบีบัศเราะฮ์  อัลฆิฟารีย์  ได้นำมาอ้าง  โดยไม่ส่งเสริมให้เดินทางไปยังมัสยิดหรือสถานที่อื่น  นอกจากมัสยิดทั้งสามนี้

         ผู้ใดที่เดินทางไปยังนครมะดีนะฮ์ที่จำเริญนี้  ก็ชอบด้วยบัญญัติที่เขาจะเยือน  มัสยิดและ  กุบูร  มัสยิดทั้งสองนี้ได้แก่ มัสยิดนบี   และมัสยิดกุบาอ์  ซึ่งได้กล่าวถึงความประเสริฐในการละหมาดที่มัสยิดทั้งสองไว้บางส่วนแล้ว


กุบูรสำคัญในนครมะดีนะฮ์

 กุบูรที่มีบัญญัติให้ทำการเยือนมี  3  แห่ง คือ

 1.  กุบูรของท่านนบี  และสหายทั้งสองของท่าน  คือ  อบูบักร  และอุมัร  2.  กุบูรอัลบะเกียะอฺ

 3.  กุบูรของผู้ตายชะฮีด  ณ  ภูเขาอุฮุด

          เมื่อผู้ไปเยือนนครมะดีนะฮ์ไปถึงกุบู้รของท่านร่อซูลุลอฮ์  และกุบู้รของสหายของท่านทั้งสองคน  ก็ให้เข้าไปทางด้านหน้าแล้วผินหน้าไปทางกุบูร  โดยให้การเยือนนี้เป็นการเยือนที่ถูกต้องตามหลักบัญญัติ  มิใช่เป็นการเยือนแบบอุตริ  (บิดอะฮ์)  การเยือนที่ถูกต้องตามหลักบัญญัติคือ  ให้กล่าวสลามต่อนบีมุฮัมมัด  ขอดุอาอ์  ให้แก่ท่านด้วยมารยาทและด้วยเสียงเบา  โดยกล่าวว่า

          “ขอความสันติสุข  ความเมตตาและความจำเริญจากอัลลอฮ์ได้มีแด่ท่าน  โอ้  ร่อซูลุลลอฮ์  และขอพระองค์ทรงตอบแทนท่านด้วยสิ่งที่ดีที่สุด  จากสิ่งที่พระองค์ทรงตอบแทนแก่นบีจากประชาชาติของท่าน”

          แล้วกล่าวสลามแก่ท่านอบูบักร  และขอดุอาอ์  ให้แก่ท่านแล้วกล่าวสลามแก่ท่านอุมัร  และขอดุอาอ์ให้แก่ท่าน สิ่งที่ควรรู้คือ  บุคคลทั้งสองนี้เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่  เป็นค่อลีฟะฮ์ที่เปรื่องปราด  ท่านทั้งสองได้รับการให้เกียรติจากอัลลอฮ์  ไม่มีผู้ใดได้รับเช่นนี้เลย 


         ส่วนท่าน อบูบักร เมื่ออัลลอฮ์   ทรงแต่งตั้งนบีมุฮัมมัด  ให้เป็นร่อซูล  โดยนำเอาความจริงและแนวทางที่ถูกต้องมาเผยแพร่  ท่านเป็นคนแรกที่ศรัทธาต่อนบี จากบรรดาผู้ชาย  และได้อยู่ใกล้ชิดกับท่านนบี  เป็นเวลา  13  ปี  เมื่ออัลลอฮ์  ทรงอนุญาตให้นบีมุฮัมมัด  อพยพไปยังนครมะดีนะฮ์  ท่านก็เป็นเพื่อนร่วมอพยพกับท่านนบี  พระองค์อัลลอฮ์  ได้ทรงประทานอัลกุรอานเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้มาว่า
 
          “สูเจ้าทั้งหลายมิได้ช่วยเหลือเขา  แท้จริงอัลลอฮฺทรงช่วยเหลือเขา  ครั้นเมื่อบรรดาผู้ปฏิเสธได้ขับเขาออกมาโดยเป็นคนที่สองจากสองคน  ทั้งสองอยู่ในถ้ำ  เขาพูดกับสหายของเขาว่า  ท่านอย่าได้โศกเศร้าเลย  แท้จริง  อัลลอฮฺทรงอยู่กับเรา  แล้วอัลลอฮฺทรงประทานความสงบให้แก่เขาและทรงสนับสนุนเขาด้วยทหารที่สูเจ้าทั้งหลายมองไม่เห็น  และพระองค์ทรงทำให้ถ้อยคำของบรรดาผู้ปฏิเสธตกต่ำและถ้อยคำของอัลลอฮฺ์สูงส่ง  และอัลลอฮฺ์เป็นผู้ทรงเกรียงไกร  ผู้ทรงปรีชาญาณ”

(อัตเตาบะฮฺ/40)

          ท่านอบูบักร  อยู่ใกล้ชิดกับท่านร่อซูลุลลอฮ์  ในนครมะดีนะฮ์เป็นเวลา  10  ปีและเข้าร่วมทำสงครามกับท่านทุกครั้ง  เมื่อท่านร่อซูลุลลอฮ์  ถึงแก่กรรม  ท่านดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์ต่อจากท่านร่อซูล  และได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด  เมื่อท่านถึงแก่กรรม  อัลลอฮ์  ทรงให้เกียรติท่านโดยฝังอยู่เคียงข้างท่านร่อซูลุลลอฮ์ เมื่อท่านถูกให้ฟื้นชีพ  ท่านก็จะอยู่ร่วมกับท่านร่อซูล ในสวรรค์  นั่นคือ  ความประเสริฐที่พระองค์อัลลอฮ์  ทรงประทานให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์  และอัลลอฮ์   คือ  ผู้ทรงเป็นเจ้าของความประเสริฐที่ยิ่งใหญ่

 

          ส่วนท่าน อุมัร  อิบนุบค็อฏฏ็อบ  ท่านเข้านับถือศาสนาอิสลามหลังจากที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามก่อนหน้าท่านเกือบ  40  คน  ท่านเป็นผู้ที่มีความเกรี้ยวกราดรุนแรงต่อบรรดามุสลิม เมื่อพระองค์อัลลอฮ์   ทรงนำทางท่านสู่อิสลาม  ท่านกลายเป็นผู้เด็ดขาดเข้มงวดกับบรรดาผู้ปฏิเสธ การเข้านับถือศาสนาของท่านได้สร้างเกียรติภูมิให้แก่มุสลิม  ดังที่ท่านอับดุลเลาะฮ์อิบนิมัสอู๊ด  กล่าวว่า

 “เรามีเกียรตินับตั้งแต่  อุมัรเข้ารับอิสลาม” 

(โดยอัลบุคอรียฺ ในหนังสือศ่อเฮี๊ยะฮฺ)


          ท่านอุมัร  มีความใกล้ชิดกับท่านนบี  ขณะที่อยู่ในนครมักกะฮ์  และได้อพยพไปนครมะดีนะฮ์กับท่านร่อซูลุลลอฮ์  ได้ร่วมทำสงครามกับท่านทุกครั้ง  เมื่อท่านอบูบักร  ดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์  ท่านอุมัร  ได้เป็นมือขวาของท่าน  ท่านได้ดำรงตำแหน่งค่อลีฟะฮ์ต่อจากท่านอบูบักร โดยอยู่ในตำแหน่งนี้นานกว่า  10  ปี  ในยุคของท่านได้มีการพิชิตดินแดนต่าง ๆ อาณาจักรอิสลาม  ได้ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง  โดยสามารถปราบปรามมหาอาณาจักรในขณะนั้นได้  นั่นคือ  อาณาจักเปอร์เซียและอาณาจักรโรมัน  คลังสมบัติของกิซรออ์และกอยช้อร  ได้ถูกนำมาใช้จ่ายในหนทางของอัลลอฮ์ ดังฮะดีษของท่านร่อซูลุลลอฮ์  ได้ระบุไว้  ซึ่งเป็นความจริงยุคของคอลีฟะฮ์  อุมัร  อิบนุค็อฏฏ็อบ  เมื่อท่านถึงแก่กรรม  พระองค์อัลลอฮ์   ทรงให้เกียรติท่านโดยฝังร่างของท่านเคียงข้างท่านร่อซูลุลลอฮ์  เมื่อถึงวันฟื้นชีพใหม่  ท่านจะได้อยู่ร่วมกับท่านร่อซูลุลลอฮ์  ในสวรรค์  นั่นคือ  ความประเสริฐของอัลลอฮ์  ที่ทรงมอบให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์  และพระองค์คือ  เจ้าของความประเสริฐที่ยิ่งใหญ่

          จากตัวอย่างของบุคคลที่ยิ่งใหญ่  2  ท่าน  นี่คือ  ตำแหน่งที่มีเกียรติ  นี่คือความประเสริฐของท่านทั้งสอง  ซึ่งผู้อิจฉาริษยาแสดงการอิจฉาต่อท่านหรือผู้ติฉินนินทา  ได้ติฉินท่านกระนั้นหรือ  เราขอความคุ้มครองจากอัลลอฮ์ ให้พ้นจากความกักขฬะดังกล่าว

        “โอ้พระเจ้าของเรา  ได้โปรดให้อภัยแก่เราและแก่บรรดาพี่น้องของเรา  ซึ่งมีความศรัทธาก่อนหน้าเราและขอพระองค์ได้โปรดอย่าให้ในหัวใจของเรามีความอิจฉาริษยาต่อบรรดาผู้ศรัทธา  โอ้พระเจ้าของเราแท้จริงพระองค์คือผู้ทรงอภัยโทษ  ผู้ทรงเมตตายิ่ง”

          “โอ้พระเจ้าของเรา  อย่าทรงให้หัวใจของเราหลงผิดหลังจากที่พระองค์ทรงให้แนวทางที่ถูกต้องแก่เราและได้โปรดประทานความเมตตาจากพระองค์ให้แก่เรา  แท้จริงพระองค์  คือ  ผู้ทรงประทานให้อย่างมากมาย”

 

♣ อิบนุ  กะซีร  ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ  ได้รายงานไว้ในหนังสือ  ตัฟซีรของท่าน  เกี่ยวกับดำรัสของอัลลอฮ์    ที่ว่า

 “ถ้าหากว่าสูเจ้าทั้งหลายหลีกห่างจากบาปใหญ่  ซึ่งพวกสูเจ้าถูกห้ามมันไว้  เราจะลบล้างความผิดของสูเจ้าทั้งหลายจากพวกสูเจ้า

และเรา  (อัลลอฮ์)  จะให้พวกสูเจ้าเข้าอยู่ในสถานที่อันมีเกียรติ”

(อันนิซาอฺ/31)

♣ จากอิบนิอบีฮาติมโดยสายรายงานจากอัลมุฆีเราะฮ์  อิบนิมิกซัม  กล่าวว่า  การด่าทออบูบักร และอุมัร  เป็นบาปใหญ่ 

       ♣ ท่านอิบนิกะซีรกล่าวว่า  ฉันกล่าวว่านักวิชา การกลุ่มหนึ่งมีความเห็นว่า  ผู้ที่ด่าศ่อฮาบะฮ์ตกเป็นกาฟิร  ซึ่งเป็นรายงานหนึ่งจากอิมามมาลิก  อิบนิ  อนัส  ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ 

♣ มุฮัมมัด  อิบนิซีรีนกล่าวว่า  ฉันไม่คิดว่าผู้ใดที่เกลียดชังอบูบักร  และอุมัร   เขาจะเป็นผู้ที่รักร่อซูลุลลอฮ์ 

(บันทึกโดย อัตติรมีซีย์)

 

 

แปลและเรียบเรียงโดย  อาจารย์มูนีร  มูฮัมมัด

ที่มา : อัลอิศลาห์สมาคม