การเยือนนครมะดีนะฮ์
โดย : เชคอับดุลมัวะฮฺซิน บินฮะมัด อัลอับบาด อับบัดร์
ในเมื่อมีมารยาทในการพักอยู่ในนครมะดีนะฮ์ ในการเยือนนครมะดีนะฮ์ก็มีมารยาท ดังนั้น จึงจำเป็นที่ผู้เยือนนครมะดีนะฮ์จะต้องเอาใจใส่ในมารยาท เช่นเดียวกับผู้พักอยู่ในนครมะดีนะฮ์ ซึ่งได้มีการกล่าวโดยสรุปไว้แล้ว ส่วนสิ่งที่สมควรรู้ในที่นี้ คือ เป็นที่ชอบด้วยบัญญัติสำหรับผู้ที่ต้องการจะเดินทางไปยังนครมะดีนะฮ์ จะต้องตั้งใจไปเยี่ยมมัสยิดของท่านร่อซูล และสนับสนุนเดินทางไปเยี่ยมมัสยิดนี้ ดังฮะดีษของท่านร่อซูล ว่า
“ไม่ส่งเสริมให้เดินทางนอกจากยัง 3 มัสยิด มัสยิดฮะรอม มัสยิดของฉันนี้ และมัสยิดอักศอ”
(บันทึกโดย อัลบุคอรียฺ และมุสลิม)
ฮะดีษนี้บ่งชี้ว่า ไม่ส่งเสริมให้ไปเยือนสถานที่อื่นใด มัสยิดหรือไม่ใช่มัสยิด เพื่อความใกล้ชิดอัลลอฮ์ ณ จุดที่เดินทางไป ดังที่ปรากฏอยู่ในหนังสือสุนัน อันนะซาอีย์ จากอบีฮุรอยเราะฮ์ กล่าวว่า
“ฉันได้พบกับบัศเราะฮ์ อบีบัศเราะฮ์ อัลฆิฟารีย์ เขากล่าวว่า “ท่านมาจากไหน?”
ฉันตอบว่า “จากอัฏฏูร”
เขากล่าวว่า “ถ้าหากว่าฉันได้พบกับท่านก่อนที่ท่านจะไปยังมัน ท่านก็จะไม่ไปอย่างแน่นอน”
ฉันกล่าวกับเขาว่า “เพราะอะไร ?”
เขากล่าวว่า “ฉันได้ยินท่านร่อซูลุลลอฮ์ กล่าวว่า”
“มิให้เดินทางไปนอกจากยัง 3 มัสยิด มัสยิดฮะรอม มัสยิดของฉันและมัสยิดบัยตุลมักดิส”
(เป็นฮะดีษศ่อเฮี๊ยะฮ)
จากฮะดีษนี้ บัศเราะฮ์ อิบนิอบีบัศเราะฮ์ อัลฆิฟารีย์ ได้นำมาอ้าง โดยไม่ส่งเสริมให้เดินทางไปยังมัสยิดหรือสถานที่อื่น นอกจากมัสยิดทั้งสามนี้
ผู้ใดที่เดินทางไปยังนครมะดีนะฮ์ที่จำเริญนี้ ก็ชอบด้วยบัญญัติที่เขาจะเยือน 2 มัสยิดและ 3 กุบูร มัสยิดทั้งสองนี้ได้แก่ มัสยิดนบี และมัสยิดกุบาอ์ ซึ่งได้กล่าวถึงความประเสริฐในการละหมาดที่มัสยิดทั้งสองไว้บางส่วนแล้ว
กุบูรสำคัญในนครมะดีนะฮ์
กุบูรที่มีบัญญัติให้ทำการเยือนมี 3 แห่ง คือ
1. กุบูรของท่านนบี และสหายทั้งสองของท่าน คือ อบูบักร และอุมัร 2. กุบูรอัลบะเกียะอฺ
3. กุบูรของผู้ตายชะฮีด ณ ภูเขาอุฮุด
เมื่อผู้ไปเยือนนครมะดีนะฮ์ไปถึงกุบู้รของท่านร่อซูลุลอฮ์ และกุบู้รของสหายของท่านทั้งสองคน ก็ให้เข้าไปทางด้านหน้าแล้วผินหน้าไปทางกุบูร โดยให้การเยือนนี้เป็นการเยือนที่ถูกต้องตามหลักบัญญัติ มิใช่เป็นการเยือนแบบอุตริ (บิดอะฮ์) การเยือนที่ถูกต้องตามหลักบัญญัติคือ ให้กล่าวสลามต่อนบีมุฮัมมัด ขอดุอาอ์ ให้แก่ท่านด้วยมารยาทและด้วยเสียงเบา โดยกล่าวว่า
“ขอความสันติสุข ความเมตตาและความจำเริญจากอัลลอฮ์ได้มีแด่ท่าน โอ้ ร่อซูลุลลอฮ์ และขอพระองค์ทรงตอบแทนท่านด้วยสิ่งที่ดีที่สุด จากสิ่งที่พระองค์ทรงตอบแทนแก่นบีจากประชาชาติของท่าน”
แล้วกล่าวสลามแก่ท่านอบูบักร และขอดุอาอ์ ให้แก่ท่านแล้วกล่าวสลามแก่ท่านอุมัร และขอดุอาอ์ให้แก่ท่าน สิ่งที่ควรรู้คือ บุคคลทั้งสองนี้เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ เป็นค่อลีฟะฮ์ที่เปรื่องปราด ท่านทั้งสองได้รับการให้เกียรติจากอัลลอฮ์ ไม่มีผู้ใดได้รับเช่นนี้เลย
ส่วนท่าน อบูบักร เมื่ออัลลอฮ์ ทรงแต่งตั้งนบีมุฮัมมัด ให้เป็นร่อซูล โดยนำเอาความจริงและแนวทางที่ถูกต้องมาเผยแพร่ ท่านเป็นคนแรกที่ศรัทธาต่อนบี จากบรรดาผู้ชาย และได้อยู่ใกล้ชิดกับท่านนบี เป็นเวลา 13 ปี เมื่ออัลลอฮ์ ทรงอนุญาตให้นบีมุฮัมมัด อพยพไปยังนครมะดีนะฮ์ ท่านก็เป็นเพื่อนร่วมอพยพกับท่านนบี พระองค์อัลลอฮ์ ได้ทรงประทานอัลกุรอานเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้มาว่า
“สูเจ้าทั้งหลายมิได้ช่วยเหลือเขา แท้จริงอัลลอฮฺทรงช่วยเหลือเขา ครั้นเมื่อบรรดาผู้ปฏิเสธได้ขับเขาออกมาโดยเป็นคนที่สองจากสองคน ทั้งสองอยู่ในถ้ำ เขาพูดกับสหายของเขาว่า ท่านอย่าได้โศกเศร้าเลย แท้จริง อัลลอฮฺทรงอยู่กับเรา แล้วอัลลอฮฺทรงประทานความสงบให้แก่เขาและทรงสนับสนุนเขาด้วยทหารที่สูเจ้าทั้งหลายมองไม่เห็น และพระองค์ทรงทำให้ถ้อยคำของบรรดาผู้ปฏิเสธตกต่ำและถ้อยคำของอัลลอฮฺ์สูงส่ง และอัลลอฮฺ์เป็นผู้ทรงเกรียงไกร ผู้ทรงปรีชาญาณ”
(อัตเตาบะฮฺ/40)
ท่านอบูบักร อยู่ใกล้ชิดกับท่านร่อซูลุลลอฮ์ ในนครมะดีนะฮ์เป็นเวลา 10 ปีและเข้าร่วมทำสงครามกับท่านทุกครั้ง เมื่อท่านร่อซูลุลลอฮ์ ถึงแก่กรรม ท่านดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์ต่อจากท่านร่อซูล และได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด เมื่อท่านถึงแก่กรรม อัลลอฮ์ ทรงให้เกียรติท่านโดยฝังอยู่เคียงข้างท่านร่อซูลุลลอฮ์ เมื่อท่านถูกให้ฟื้นชีพ ท่านก็จะอยู่ร่วมกับท่านร่อซูล ในสวรรค์ นั่นคือ ความประเสริฐที่พระองค์อัลลอฮ์ ทรงประทานให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮ์ คือ ผู้ทรงเป็นเจ้าของความประเสริฐที่ยิ่งใหญ่
ส่วนท่าน อุมัร อิบนุบค็อฏฏ็อบ ท่านเข้านับถือศาสนาอิสลามหลังจากที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามก่อนหน้าท่านเกือบ 40 คน ท่านเป็นผู้ที่มีความเกรี้ยวกราดรุนแรงต่อบรรดามุสลิม เมื่อพระองค์อัลลอฮ์ ทรงนำทางท่านสู่อิสลาม ท่านกลายเป็นผู้เด็ดขาดเข้มงวดกับบรรดาผู้ปฏิเสธ การเข้านับถือศาสนาของท่านได้สร้างเกียรติภูมิให้แก่มุสลิม ดังที่ท่านอับดุลเลาะฮ์อิบนิมัสอู๊ด กล่าวว่า
“เรามีเกียรตินับตั้งแต่ อุมัรเข้ารับอิสลาม”
(โดยอัลบุคอรียฺ ในหนังสือศ่อเฮี๊ยะฮฺ)
ท่านอุมัร มีความใกล้ชิดกับท่านนบี ขณะที่อยู่ในนครมักกะฮ์ และได้อพยพไปนครมะดีนะฮ์กับท่านร่อซูลุลลอฮ์ ได้ร่วมทำสงครามกับท่านทุกครั้ง เมื่อท่านอบูบักร ดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์ ท่านอุมัร ได้เป็นมือขวาของท่าน ท่านได้ดำรงตำแหน่งค่อลีฟะฮ์ต่อจากท่านอบูบักร โดยอยู่ในตำแหน่งนี้นานกว่า 10 ปี ในยุคของท่านได้มีการพิชิตดินแดนต่าง ๆ อาณาจักรอิสลาม ได้ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง โดยสามารถปราบปรามมหาอาณาจักรในขณะนั้นได้ นั่นคือ อาณาจักเปอร์เซียและอาณาจักรโรมัน คลังสมบัติของกิซรออ์และกอยช้อร ได้ถูกนำมาใช้จ่ายในหนทางของอัลลอฮ์ ดังฮะดีษของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ได้ระบุไว้ ซึ่งเป็นความจริงยุคของคอลีฟะฮ์ อุมัร อิบนุค็อฏฏ็อบ เมื่อท่านถึงแก่กรรม พระองค์อัลลอฮ์ ทรงให้เกียรติท่านโดยฝังร่างของท่านเคียงข้างท่านร่อซูลุลลอฮ์ เมื่อถึงวันฟื้นชีพใหม่ ท่านจะได้อยู่ร่วมกับท่านร่อซูลุลลอฮ์ ในสวรรค์ นั่นคือ ความประเสริฐของอัลลอฮ์ ที่ทรงมอบให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์คือ เจ้าของความประเสริฐที่ยิ่งใหญ่
จากตัวอย่างของบุคคลที่ยิ่งใหญ่ 2 ท่าน นี่คือ ตำแหน่งที่มีเกียรติ นี่คือความประเสริฐของท่านทั้งสอง ซึ่งผู้อิจฉาริษยาแสดงการอิจฉาต่อท่านหรือผู้ติฉินนินทา ได้ติฉินท่านกระนั้นหรือ เราขอความคุ้มครองจากอัลลอฮ์ ให้พ้นจากความกักขฬะดังกล่าว
“โอ้พระเจ้าของเรา ได้โปรดให้อภัยแก่เราและแก่บรรดาพี่น้องของเรา ซึ่งมีความศรัทธาก่อนหน้าเราและขอพระองค์ได้โปรดอย่าให้ในหัวใจของเรามีความอิจฉาริษยาต่อบรรดาผู้ศรัทธา โอ้พระเจ้าของเราแท้จริงพระองค์คือผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตายิ่ง”
“โอ้พระเจ้าของเรา อย่าทรงให้หัวใจของเราหลงผิดหลังจากที่พระองค์ทรงให้แนวทางที่ถูกต้องแก่เราและได้โปรดประทานความเมตตาจากพระองค์ให้แก่เรา แท้จริงพระองค์ คือ ผู้ทรงประทานให้อย่างมากมาย”
♣ อิบนุ กะซีร ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ ได้รายงานไว้ในหนังสือ ตัฟซีรของท่าน เกี่ยวกับดำรัสของอัลลอฮ์ ที่ว่า
“ถ้าหากว่าสูเจ้าทั้งหลายหลีกห่างจากบาปใหญ่ ซึ่งพวกสูเจ้าถูกห้ามมันไว้ เราจะลบล้างความผิดของสูเจ้าทั้งหลายจากพวกสูเจ้า
และเรา (อัลลอฮ์) จะให้พวกสูเจ้าเข้าอยู่ในสถานที่อันมีเกียรติ”
(อันนิซาอฺ/31)
♣ จากอิบนิอบีฮาติมโดยสายรายงานจากอัลมุฆีเราะฮ์ อิบนิมิกซัม กล่าวว่า การด่าทออบูบักร และอุมัร เป็นบาปใหญ่
♣ ท่านอิบนิกะซีรกล่าวว่า ฉันกล่าวว่านักวิชา การกลุ่มหนึ่งมีความเห็นว่า ผู้ที่ด่าศ่อฮาบะฮ์ตกเป็นกาฟิร ซึ่งเป็นรายงานหนึ่งจากอิมามมาลิก อิบนิ อนัส ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ
♣ มุฮัมมัด อิบนิซีรีนกล่าวว่า ฉันไม่คิดว่าผู้ใดที่เกลียดชังอบูบักร และอุมัร เขาจะเป็นผู้ที่รักร่อซูลุลลอฮ์
(บันทึกโดย อัตติรมีซีย์)
แปลและเรียบเรียงโดย อาจารย์มูนีร มูฮัมมัด
ที่มา : อัลอิศลาห์สมาคม