สถานภาพของสตรีในอิสลาม
  จำนวนคนเข้าชม  17004


คำเตือนในเรื่องกฎต่างๆที่เกี่ยวข้องกับบรรดาหญิงผู้ศรัทธา

เรียบเรียงโดย ดร. ซอและหฺ อิบนุ เฟาซาน

 

ภาคที่หนึ่ง


1.  สถานภาพของสตรีก่อนอิสลาม

           คำว่าก่อนอิสลามนั้น หมายถึง สมัยที่งมงาย (ญาฮีลียะฮฺ) ที่ชาวโลกอาศัยอยู่โดยทั่วไป โดยที่ผู้คนทั้งหลายอยู่ในช่วงขาดตอนจากบรรดารอซูลและอยู่ในหนทางที่มืดมน ในขณะที่อัลลอฮฺได้มองไปยังพวกเขา (เหมือนกับที่มีมาในฮาดิษ)  แล้วทรงกริ้วโกรธพวกเขา  ทั้งที่เป็นชาวอาหรับ และไม่ได้เป็นชาวอาหรับ  นอกจากพวกที่หลงเหลืออยู่จากบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ (อะฮฺลุลกิตาบ) และสตรีในเวลานี้ส่วนใหญ่เเล้วจะอยู่ในช่วงที่ร้อนระอุ โดยที่เขาเกลียดการเกิดของสตรีและบางคน จะฝังนางทั้งเป็นเพื่อให้ตายอยู่ใต้แผ่นดิน และบางคนจะปล่อยนางให้อยู่ในชีวิตแห่งความต่ำต้อยน้อยหน้าเหมือนกับที่อัลลอฮฺตะอาลาได้ทรงตรัสไว้ดังนี้


“และเมื่อคนหนึ่งจากพวกเขาได้รับการแจ้งข่าวด้วยการได้รับลูกผู้หญิงใบหน้าของพวกเขาจะยังคงดำคล้ำและเป็นผู้ที่มีความโกรธ เขาจะหลบหน้าจากหมู่คณะ อันเนื่องจากความชั่วในสิ่งที่เขาได้รับการแจ้งข่าว เขาจะคงนางไว้โดยมีความต่ำต้อย หรือฝังนางไว้ใต้แผ่นดินจงรู้เถิดว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นมันชั่วร้ายยิ่ง” 

(ซูเราะห์ : อันนะฮฺลิ 58-59 ) 


และพระองค์ทรงตรัสอีกมีความดังนี้


“ และเมื่อทารกหญิงที่ถูกฝังทั้งเป็นถูกถาม , ด้วยความผิดอันใดเขาจึงถูกฆ่า"

( ซูเราะห์ อัต-ตักวีร 8-9 )


           อัลเมาอูดะฮฺ  คือ เด็กผู้หญิงที่ถูกฝังในขณะที่มีชีวิตอยู่ เพื่อให้นางได้ตายไปใต้แผ่นดิน แต่ถ้ารอดพ้นจากกาการถูกฝังทั้งเป็น นางจะมีชีวิตอยู่อย่างต่ำต้อย  ไม่มีสิทธิ์ได้รับมรดกจากญาติที่ใกล้ชิด ถึงแม้ว่าเขาจะมีทรัพย์สมบัติมากมายก็ตาม  และนางจะทนทุกข์ทรมานจากความยากจน เพราะว่าพวกเขาจะให้มรดกแก่พวกผู้ชายเท่านั้น โดยที่ไม่ให้พวกผู้หญิง  ยิ่งไปกว่านั้น นางจะถูกรับไปเป็นมรดกจากสามีของนางที่ได้ตายไป  เหมือนกับทรัพย์สินของเขาที่ถูกรับไปเป็นมรดก  และสตรีจำนวนมากมีชีวิตอยู่ภายใต้สามีคนเดียว  โดยที่พวกเขาไม่ได้กำหนดจำนวนภรรยาที่แน่นอนและไม่ได้เอาใจใส่ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกนาง จากการสร้างความคับอกคับใจ  ความปวดร้าวและความอธรรม

 

2. สถานภาพของสตรีในอิสลาม

          เมื่ออิสลามได้มาถึง  อิสลามก็ได้ขจัดความอธรรมต่างๆเหล่านี้ให้พ้นจากสตรี และได้ยอมรับในตัวนาง ในความเป็นมนุษย์  อัลลอฮฺตาอาลาทรงตรัสไว้ว่า :


“โอ้มนุษยชาติทั้งหลาย  แท้จริงเราได้สร้างพวกเจ้าจากเพศชายและเพศหญิง” 

(ซูเราะฮฺ : อัล-หุญุรอต 13)


 อัลลอฮฺซุบฮานะฮูว่าตะอาลา  ทรงบอกไว้ว่า  นางนั้นจะเป็นผู้มีส่วนร่วมของผู้ชายในอุดมการณ์ของความเป็นมนุษย์ เหมือนกับที่นางนั้น เป็นผู้มีส่วนร่วมของผู้ชายในการได้รับผลบุญ และการลงโทษในการกระทำ และพระองค์ยังได้ทรงตรัสอีกว่า


 “ผู้ใดได้กระทำการงานที่ดี จากชาย หรือ หญิงก็ตาม ในขณะที่เขาเป็นผู้ศรัทธา ดังนั้นเราจะให้เขาดำรงชีวิตที่ดีและแน่นอนเราจะตอบเเทนพวกเขา ซึ่งรางวัลของพวกเขาที่ดียิ่งกว่าที่พวกเขาได้เคยกระทำไว้” 

(ซูเราะฮฺ : อัน-นะฮฺล  97)


 “อัลลอฮฺนั้นจะทรงลงโทษพวกผู้กลับกลอกชายและพวกผู้กลับกลอกหญิง และพวกผู้ตั้งภาคีชาย และ พวกผู้ตั้งภาคีหญิง”


         และอัลลอฮฺได้ทรงห้ามการถือเอาสตรีมาเป็นผู้หนึ่งที่ถูกรับเป็นของสามีที่ตายไป โดยอัลลอฮฺตาอาลา ทรงตรัสไว้ว่า


“โอ้บรรดาผู้ที่ศรัทธาแล้วทั้งหลาย ไม่เป็นการอนุมัติแก่พวกเจ้า ในการที่พวกเจ้าจะรับเอาพวกสตรีมาเป็นมรดกโดยบังคับ”

(ซูเราะฮฺ อัล-นิซาอฺ 19)


          อิสลามได้ประกันความเป็นเอกราชในตัวของนางให้แก่นาง ได้ให้นางเป็นผู้รับมรดกได้กำหนดให้นางเป็นผู้ถูกรับมรดก และได้ทรงกำหนดให้สตรีเป็นผู้มีสิทธิ์ ได้รับมรดกจากทรัพย์สินจากญาติผู้ใกล้ชิดของนาง และพระองค์ได้ทรงตรัสว่า :
 

“สำหรับผู้ชายนั้นมีส่วนแบ่งจากสิ่งที่พ่อแม่ และบรรดาญาติที่ใกล้ชิดได้ทิ้งไว้ และสำหรับผู้หญิงนั้นมีส่วนแบ่งจากสิ่งที่พ่อแม่ทิ้งไว้จากสิ่งที่มีจำนวนน้อย หรือมากกว่าเป็นส่วนแบ่งที่ถูกกำหนดไว้”

(ซูเราะฮฺ อัล-นิซาอฺ 7)


   “อัลลอฮฺทรงสั่งใช้ในลูกหลานของพวกเจ้า สำหรับชายนั้นมีสิทธิ์ได้เหมือนส่วนแบ่งของหญิงสองคน แล้วหากพวกนางเป็นหญิงมากกว่าสองคนพวกนางก็จะได้รับสองในสามจากสิ่งที่เขาได้ทิ้งไว้  และถ้าลูกเป็นหญิงคนเดียว นางก็จะได้รับครึ่งหนึ่ง...”

(ซูเราะฮฺ อัล-นิซาอฺ 11)

...ไปจนกระทั่งถึงบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการให้สตรีมีสิทธิ์ได้รับมรดก จะเป็นแม่ ลูกผู้หญิง หรือภรรยาก็ตาม


          ในด้านการเป็นสามีภรรยานั้น อัลลอฮฺก็ได้ทรงกำหนดให้แต่งงานได้ไม่เกินสี่คน ด้วยเงื่อนไขการเอาความยุติธรรมมาปฏิบัติระหว่างภรรยาทั้งหลายและได้ทรงกำหนดให้ใช้ชีวิตร่วมกับพวกนางด้วยดี และพระองค์ทรงตรัสไว้ว่า


 “และพวกเจ้าจงอยู่ร่วมกับพวกนางด้วยดี” 

(ซูเราะฮฺ อัล-นิซาอฺ 19)

และพระองค์ได้ทรงกำหนดสินสมรส (ซอด้าก)ให้เป็นสิทธิ์ของนาง และได้สั่งใช้ให้มอบให้แก่นางโดยครบถ้วนสมบูรณ์ ยกเว้นสิ่งที่นางมีความพึงพอใจที่จะยกให้ ซึ่งพระองค์ได้ทรงตรัสไว้ว่า...


“และเจ้าจงให้แก่บรรดาสตรีซึ่งสินสมรสของพวกนางด้วยความเต็มใจ แต่ถ้านางเห็นชอบที่จะให้สิ่งหนึ่งแก่พวกเจ้าจากมะฮัรนั้นแล้ว ก็จงบริโภคสิ่งนั้นด้วยความสุขสำราญ”

(ซูเราะฮฺ  อัล-นิซาอฺ 4)


         พระองค์ได้ทรงกำหนดให้นางเป็นผู้ดูแล ผู้ใช้และผู้ห้ามภายในบ้านของสามีของนาง และเป็นผู้นำของลูกๆของนาง ท่านนบีซ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวไว้ว่า...

“สตรีนั้นเป็นผู้ดูแลภายในบ้านของสามีของนาง และเป็นผู้รับผิดชอบในผู้ที่อยู่ในความดูแลของนาง”

และได้ทรงกำหนดให้สามีต้องให้ค่าใช้จ่าย และเครื่องนุ่งห่มของนางตามสมควร

 

3. สิ่งที่พวกศัตรูของอิสลาม และลูกสมุนของมันต้องการในทุกวันนี้ จากการปล้นเกียรติยศของสตรีและแย่งชิงสิทธิต่างๆของนางไปจากนาง

           แท้จริงศัตรูของอิสลาม คือศัตรูของมนุษยชาติในทุกวันนี้ อันประกอบไปด้วยพวกผู้ปฏิเสธ ผู้กลับกลอก และพวกที่หัวใจของพวกเขามีโรคอยู่ และสิ่งที่มุสลิมะฮฺได้รับจากเกียรติยศและศักดิ์ศรีและการพิทักษ์รักษาในอิสลามทำให้พวกเขาโกรธเคือง  เพราะว่าพวกเขาต้องการให้สตรีเป็นเครื่องทำลาย และกับดักที่พวกเขาใช้มันดักจับผู้ศรัทธาที่อ่อนแอ และพวกที่มีความต้องการผิดเพี้ยน หลังจากที่ได้ทำให้ปัญหาที่บ้าคลั่งอิ่มหนำจากตัวของนาง เหมือนที่พระองค์อัลลอฮฺได้ทรงตรัสไว้ว่า


“พวกที่ดำเนินตามความใคร่ ต้องการให้พวกเจ้าเอนเอียง อย่างมากมาย”

(อันนิซาอฺ 27 )


           พวกที่หัวใจของเขามีโรคอยู่จากบรรดามุสลิมนั้น พวกเขาต้องการจากสตรีให้นางเป็นสินค้าราคาถูกในนิทรรศการของพวกที่มีตัณหา และการดึงดูดของไชตอน สินค้าที่ถูกนำมาแสดงให้ผู้คนทั้งหลายได้เห็นเพลิดเพลินกับความสวยงามของรูปร่างของนางหรือใช้นางเป็นสะพานนำไปสู่สิ่งที่น่าเกลียดกว่านั้นด้วยเหตุดังกล่าว เขาจึงใช้ความพยายามให้นางได้ออกจากบ้านของนางเพื่อให้นางไปเข้าร่วมกับพวกผู้ชายในการทำงานของพวกเขา โดยเคียงบ่าเคียงไหล่ หรือให้นางได้รับใช้พวกผู้ชาย ในการทำงานของพวกเขา โดยเป็นนางพยาบาลในโรงพยาบาล พนักงานบนเครื่องบิน เป็นนักศึกษา เป็นผู้สอนในชั้นเรียน ที่ปะปนกันระหว่างชายและหญิง เป็นนักเเสดงในโรงละคร เป็นนักร้อง หรือเป็นโฆษกในสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ โดยเปิดหน้าเปิดตาสร้างความปั่นป่วนด้วยเสียงและรูปร่างของนาง และสื่อลามกได้ยึดเอารูปต่างๆของเด็กสาวที่สร้างความปั่นป่วนที่เปลือยเปล่ามาเป็นสื่อสำหรับการโฆษณาของพวกเขาเพื่อให้ขายดี และพ่อค้าบางคน โรงงานบางแห่งได้ยึดเอาภาพเหล่านี้เช่นกัน เพื่อทำให้สินค้าของพวกเขาขายดี โดยที่พวกเขาได้วางรูปภาพต่างๆเหล่านี้บนสินค้าและผลิตภัณฑ์ของพวกเขา และด้วยสาเหตุการดำเนินการที่ผิดบาปเหล่านี้ สตรีจะละทิ้งหน้าที่ที่แท้จริงภายในบ้านของนางซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้สามีของนางต้องไปดึงเอาคนใช้ต่างชาติมาเลี้ยงลูกของพวกเขา มาจัดระเบียบกิจการบ้านของพวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนเป็นอย่างมากและนำมาซึ่งความเลวทรามอันยิ่งใหญ่

 

4. เราไม่ห้ามสตรีออกไปทำงานนอกบ้านของนาง ถ้าหากมีเงื่อนไขต่อไปนี้

 1. นางมีความต้องการในงานนี้ หรือสังคมมีความต้องการในงานนี้ และไม่มีผู้ชายปฏิบัติงานนี้

 2. อันนั้นจะต้องเกิดขึ้น หลังจากที่ได้ปฏิบัติงานบ้านของนางเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันเป็นงานหลักของนาง

 3. งานนี้จะต้องอยู่ในเเวดวงของสตรี เช่นการฝึกสอน เยียวยาหรือพยาบาลพวกนางด้วยกัน โดยอยู่ห่างไกล  จากพวกผู้ชาย

 4. เช่นเดียวกัน ไม่มีข้อห้ามใดๆหากแต่จำเป็นต่อสตรีที่จะต้องเรียนรู้เรื่องราวศาสนาของนาง และไม่มีข้อห้ามใดๆในการที่นางจะไปสอนในเรื่องราวของศาสนา เกี่ยวกับเรื่องราวที่นางมีความต้องการเรียนการสอนนั้นอยู่ในแวดวงของสตรี และไม่มีปัญหาอันใดในการที่นางจะเข้าไปเรียนรู้ที่มัสยิด และอื่นๆนั้นในขณะที่นางเป็นผู้แต่งกายมิดชิดและอยู่ห่างไกลจากพวกผู้ชาย ตามรูปแบบของสตรีในตอนต้นของอิสลามกระทำ เรียนรู้ และไปที่มัสยิด

 

จากหนังสือ"คำเตือนในเรื่องกฎต่างๆที่เกี่ยวข้องกับบรรดาหญิงผู้ศรัทธา"