อันตรายจากการเย้นหยันในเรื่องศาสนา
ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิของอัลลอฮฺ ขอการประทานพรและความสันติมีแด่ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ ข้าขอปฏิญานว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และมุหัมมัดนั้นเป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์
แท้จริง บาปใหญ่อันหนึ่งที่อาจจะทำให้เจ้าของนั้นหลุดพ้นจากศาสนา และตกนรกอย่างถาวรได้นั้น คือการเย้ยหยันกับอัลลอฮฺ ศาสนทูตของพระองค์ คัมภีร์ของพระองค์ หรือบรรดาผู้ศรัทธา และเนื่องด้วยประเด็นนี้เป็นประเด็นที่มีรายละเอียดมากมาย จึงเห็นควรนำเสนอสั้นๆ ในประเด็นสำคัญๆ ต่อไปนี้เท่านั้น
1- นิยามความหมายของการเย้ยหยันและตัวอย่าง
2- หุก่มหรือข้อตัดสินของการเย้ยหยัน หลักฐานที่แสดงถึงการหลุดพ้นจากศาสนา และทรรศนะของบรรดานักปราชญ์เกี่ยวกับเรื่องนี้
3- หุกมการเตาบะฮฺ/กลับตัวของผู้ที่เย้ยหยัน ว่าเป็นที่ตอบรับหรือไม่ ?
4- รูปแบบหรือลักษณะของการเย้ยหยันในปัจจุบัน
นิยามความหมายของการเย้ยหยัน
ในทางภาษานั้น อัล-อิสติหซาอ์ (การเย้ยหยัน) นั้นเป็นอาการนามของกริยา ( (استهزأอิสตะห์ซะอ่า ( ( يستهزئยัสตะห์ซิอุ มาจากรากศัพท์ ฮ่า-ซ่า-อ่า มีความหมายแสดงถึงการเยาะเย้ย การหยอกล้อ ล้อเล่น (อัล-มะกอยีส ของอิบนุ ฟาริส 6/52 และ อัล-มุฟเราะดาต ของ อัร -รอฆิบ หน้า540)
นักวิชาการบางส่วนได้กล่าวว่า การเย้ยหยันนั้นมีสองประเภท
1- การเย้ยหยันที่ชัดเจน อย่างเช่นตัวอย่างที่อยู่ในอายะฮฺที่ถูกประทานในเรื่องนี้ นั้นคือ คำกล่าวที่ว่า “เราไม่เห็นใครเหมือนกับบรรดานักอ่านอัลกุรอ่านของพวกเราเหล่านั้นเลย พวกเขาท้องกินจุ” หรือคำกล่าวในลักษณะนี้ หรือตัวอย่างเช่นคำกล่าวของบางคนที่ว่า ศาสนาของพวกท่านเป็นศาสนาที่ห้า(มัซฮับที่ห้า) หรือ ศาสนาของท่านนั้นเป็นศาสนาที่เงอะงะโง่เง่าหรือกล่าวเย้ยหยันคนที่สั่งใช้ในความดีห้ามปรามในความชั่วว่า“พวกเคร่งศาสนามาแล้ว” หรือคำกล่าวอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน อาจจะหนักหนากว่าคำกล่าวที่เป็นสาเหตุที่ทาให้อายะฮฺห้ามถูกประทานลงมาก็เป็นได้ (มัจญ์มูอะฮฺ อัต-เตาฮีด หน้า409)
ท่านเชค ศอลิหฺ อัล-เฟาซาน หะฟิเซาะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า
คำกล่าวของคนบางคนที่ว่า ศาสนาอิสลามไม่เหมาะกับศตวรรษที่ยี่สิบ แต่เหมาะกับยุคกลาง หรืออิสลามล้าหลัง ตกยุคเป็นศาสนาที่แข็งกร้าวรุนแรงในการลงโทษลงอาญา ไม่ยุติธรรมต่อผู้หญิงเพราะอนุญาตให้หย่าได้ หรือมีภรรยาได้หลายคนหรือกล่าวว่า กฎหมายที่มนุษย์ร่างขึ้นนั้นดีกว่า หรือกล่าวแก่คนที่เชิญชวนสู่เตาฮีดปฏิเสธการบูชาสุสานว่าเป็นพวกตกขอบออกนอกลู่นอกทาง ต้องการทำให้มุสลิมเกิดความแตกแยก พวกวะฮาบีย์ มัซฮับที่ห้า หรือศาสนาไม่ได้อยู่ที่เคราเป็นการเย้ยหยันคนที่ไว้เครา หรือคำกล่าวใกล้เคียงกับคำกล่าวต่างๆ เหล่านี้ที่มีเป้าหมายเย้ยหยันศาสนา เย้ยหยันมุสลิม หรือเย้ยหยันอากีดะฮฺความเชื่อที่ถูกต้อง (อัต-เตาฮีด ของเชคศอลิหฺ อัล-เฟาซาน 47)
2- การเย้ยหยันที่ไม่ชัดเจน เป็นเนื้อหาที่กว้างมากเช่นการ หลิ่วตา แลบลิ้น ยื่นริมฝีปาก หรือส่งสัญญาณตำหนิด้วยมือ เมื่อมีการอ่านอัลกุรอานหรือซุนนะฮฺของท่านนบี หรือเมื่อมีการสั่งใช้ให้ทำความดีหรือห้ามปรามการทำความชั่ว(มัจญ์มูอะฮฺ อัต-เตาฮีด 409)
ส่วนหุก่มการเย้ยหยัน นั้น คือ กุฟรฺ เป็นหนึ่งในสิบอย่างสิ่งที่ทำให้ตกจากศาสนา ที่นักวิชาการได้กล่าวไว้ มันเป็นคุณลักษณะเด่นของพวกมุนาฟิกผู้กลับกลอก โดยมีหลักฐานอันมากมาย อัลลอฮฺตรัสว่า
“พวกเขาสาบานต่ออัลลอฮฺว่า พวกเขามิได้พูด (คำเย้ยหยันเหล่านั้น) และแท้จริงนั้น พวกเขาได้พูดซึ่งถ้อยคำแห่งการปฏิเสธศรัทธา
และพวกเขาได้ปฏิเสธศรัทธาแล้วหลังจากการเป็นมุสลิมของพวกเขา และพวกเขามุ่งกระทำในสิ่งที่พวกเขามิได้รับผล”
(อัต-เตาบะฮฺ 74)
และอัลลอฮฺตรัสว่า
”แท้จริง บรรดาผู้กระทาผิดนั้นเคยหัวเราะเยาะบรรดาผู้ศรัทธา และเมื่อบรรดาผู้ศรัทธาเดินผ่านพวกเขาไปพวกเขาจะหลิ่วตาเย้ยหยัน
และเมื่อพวกเขากลับไปยังพวกพ้องของพวกเขา พวกเขาก็กลับไปอย่างตลกคะนอง
และเมื่อพวกเขาเห็นบรรดาผู้ศรัทธาพวกเขาก็กล่าวว่าแท้จริงชนเหล่านี้เป็นผู้หลงทางแน่นอน”
(อัล-มุฏ็อฟฟิฟีน 29-32)
และอัลลอฮฺตรัสว่า
“และถ้าหากเจ้าได้ถามพวกเขา แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่า แท้จริงพวกเราเป็นเพียงแต่พูดสนุกพูดเล่นเท่านั้น
จงกล่าวเถิดมุหัมมัดว่า กับอัลลอฮฺและบรรดาโองการของพระองค์ และเราะสูลของพระองค์กระนั้นหรือที่พวกท่านเย้ยหยันกัน ?”
(อัต-เตาบะฮฺ 65)
สาเหตุของการประทานอายะฮฺนี้ มีรายงานจากท่านอิบนุ อุมัรฺ, ท่านมุหัมมัด บิน กะอับ, ท่านซัยดฺ บิน อัสลัม และท่านเกาะตาดะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม เป็นหะดีษของพวกท่านรวมกันว่า
มีชายคนหนึ่งเข้าร่วมกับท่านนบี ในสงครามตะบูก ชายคนนั้นกล่าวขึ้นว่า เราไม่เคยเห็นใครเหมือนกับบรรดานักอ่านอัลกุรอานของพวกเรา ที่ชอบกินมากกว่าคนอื่น ลิ้นพูดโกหกมากกว่า และขี้ขลาดกว่าคนอื่นเมื่อพบกับศัตรู ซึ่งเขาหมายถึงท่านนบีและเศาะหาบะฮฺของท่านที่เป็นนักอ่านอัลกุรอาน เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม
ปรากฏว่าท่านเอาฟฺ ได้ยินเรื่องนี้จึงได้ไปหาท่านนบี เพื่อบอกเรื่องนี้ให้ทราบ แต่เขาพบว่าอัลกุรอานได้ถูกประทานลงมาบอกก่อนแล้ว แล้วชายคนนั้นก็มาหาท่านเราะสูล ขณะที่ท่านได้ออกเดินทางและอยู่บนหลังอูฐ
ชายคนนั้นกล่าวว่า โอ้ท่านเราะสูล แท้จริง เราเพียงแค่หยอกหล้อและพูดเล่น เราพูดแบบผู้เดินทางที่ต้องการฆ่าเวลาให้สั้นลงเท่านั้นเอง ท่านอิบนุ อุมัรฺ กล่าวว่า ฉันเห็นชายคนนั้นเกาะที่คออูฐของท่านนบี โดยที่เท้าทั้งสองข้างของเขาลากพลิกก้อนหินไป
ขณะที่เขาก็กล่าวไปว่า แท้จริงเราเพียงหยอกล้อ และพูดเล่นเท่านั้น ท่านนบี ก็กล่าวกับเขาว่า ด้วยอายะฮฺที่ว่า
“กับอัลลอฮฺ และบรรดาโองการของพระองค์ และเราะสูลของพระองค์กระนั้นหรือที่พวกท่านเย้ยหยันกัน ?”
(อัต-เตาบะฮฺ 65)
ท่านนบี ไม่ได้หันไปดูเขาและไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติมเลย (ตัฟซีรฺ อิบนุ ญะรีรฺ 6/409)
ท่านชัยคุลอิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า
"การเย้ยหยันต่ออัลลอฮฺและบรรดาโองการของพระองค์และเราะสูลของพระองค์นั้น เป็นกุฟรฺ (ตกจากศาสนา) ทำให้ผู้เย้ยหยันนั้นออกจากศาสนาหลังจากที่เป็นผู้ศรัทธามาก่อน”
(อัล-ฟะตาวา 7/273)
ท่านอิม่ามอันนะวาวีย์ เราะฮิมะฮุลลอฮ์ ได้กล่าวว่า
"หากเขากล่าวขณะที่เขากำลังจับถ้วยเพื่อดื่มเหล้า หรือกำลังมุ่งสู่การทาซินา ด้วยำาว่า บิสมิลลาฮ์ (ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ)ด้วยเจตนาเย้ยหยันต่ออัลลอฮฺ แสดงเขานั้นตกจากศาสนาแล้ว”
(เราเฎาะตุฏฏอลิบีน 10/67)
ท่านเชคมุหัมมัด บิน อับดุลวะฮฺฮาบ เราะหิมะฮุลลอฮฺได้กล่าวในหนังสืออัต-เตาฮีดว่า เรื่องของผู้กล่าว เย้ยหยันกับสิ่งหนึ่งที่มีการกล่าวถึงอัลลอฮฺ คัมภีร์ของพระองค์ และศาสนทูตของพระองค์นั้น มีหลายประเด็น ประเด็นแรกนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่ที่ผู้เย้ยหยันนั้นตกจากศาสนาเลย
(อัต-เตาฮีดหน้า 85)
ท่านเชคสุลัยมาน บิน อับดิลลาฮฺ บิน มุหัมมัด บิน อับดุลวะฮฺฮาบ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า ปวงปราชญ์มีมติเอกฉันท์ว่าผู้ที่ทำสิ่งดังกล่าวนั้นตกจากศาสนา ดังนั้น ผู้ใดที่เย้ยหยันกับอัลลอฮฺ ศาสนทูตของพระองค์ คัมภีร์ของพระองค์ หรือศาสนาของพระองค์ จะอยู่ในสภาพตกจากศาสนาแม้ผู้ที่เย้ยหยันจะไม่มีเจตนาเย้ยหยันอย่างแท้จริงก็ตามที
(ตัยสีรฺ อัล-อะซีซ อัล-หะมีด หน้า 617)
มีผู้ถามเชค มุหัมมัด บิน อิบรอฮีมเราะหมะฮุลลอฮฺ ว่า ผู้ที่เกลียดเคราและกล่าวว่าสกปรกเป็นมุรตัด(ตกจากศาสนา)หรือไม่?
ท่านตอบว่า หากเขารู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ชัดเจนจากท่านศาสนทูตแล้ว การเย้ยหยันกับสิ่งที่ท่านศาสนทูตนามาสอนนั้นควรจะตัดสินว่าเป็นเช่นนั้น(ตกมุรตัด)
(ดู ฟะตาวา เชคมุหัมมัด บิน อิบรอฮีม เราะหิมะฮุลลอฮ์ 11/195)
ส่วนหนึ่งจากสิ่งที่ทาให้ตกจากศาสนาของอัลลอฮฺนั้นคือสิ่งที่บรรดาลูกหลานของมุสลิม กล่าวด้วยคำกล่าวที่เป็นกุฟรฺทาให้ตกศาสนาโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว
รายงานจากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺเราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าท่านนบี ได้กล่าวว่า
“บ่าวคนหนึ่งจะพูดด้วยคำพูดหนึ่งโดยไม่หาข้อเท็จจริงในคำพูดนั้น(ไม่ได้ไตร่ตรองก่อนว่าคาพูดนั้นดีหรือชั่ว) มันทำให้เขาตกนรกที่ไกลยิ่งกว่าระยะระหว่างทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเสียอีก”
(อัล-บุคอรีย์ 4/187หมายเลข 6477,มุสลิม 4/2290 หมายเลข 2988)
ส่วนการเตาบะฮฺ กลับตัวของผู้เย้ยหยันนั้น ท่านเชคอิบนุ อุษัยมีน เราะหิมะฮุลลอฮฺ ได้ตอบในหนังสือของ ท่านที่ชื่อว่าอัล-เกาลุลมุฟีด ฟี ชัรหฺ กิตาบ อัต-เตาฮีด ว่า
“แท้จริง บรรดานักวิชาการได้เห็นแตกต่างกันในเรื่องผู้ที่ด่าทอ เหยียดหยามอัลลอฮฺ เราะสูลหรือคัมภีร์ของพระองค์ ว่าการกลับตัวเตาบะฮฺของเขาจะถูกตอบรับหรือไม่ เป็นสองทรรศนะ คือ
ทรรศนะแรก มองว่าการกลับตัวเตาบะฮฺของเขาจะไม่ถูกตอบรับ ต้องประหารชีวิตในลักษณะที่เขาเป็นกาฟิรฺ และจะไม่ละหมาดศพให้เขา และไม่ดุอาอ์ขอความเมตตาให้กับเขา นี่คือทรรศนะที่มัชฮูรฺแพร่หลายในมัซฮับหัมบะลีย์
ทรรศนะที่สอง การกลับตัวเตาบะฮฺของเขาจะถูกตอบรับหากเรารู้ว่าเขานั้นจริงจังในการเตาบะฮฺและยอมรับความผิด และเขาได้ให้คุณลักษณะต่างๆ ที่คู่ควรแก่อัลลอฮฺ
(ดู อัล-เกาลุลมุฟีด ฟี ชัรหฺ กิตาบ อัต-เตาฮีด 2/268)
ส่วนหนึ่งของรูปแบบการเย้ยหยันที่เราพบเห็นและได้ยินมาในทุกวันนี้ ซึ่งน่าสลดใจก็คือ บทความที่ชั่วและภาพวาดที่ดูถูกเย้ยหยันต่างๆ ที่ถูกเขียนอยู่ในหนังสือพิมพ์และวารสารต่างๆ โดยที่พวกเขาคิดไปว่ามันเป็นการสนุกสนานและผ่อนคลายในขณะที่มันทำให้ตกจากศาสนาและเป็นกาฟิรฺ
- บางคนวาดรูปพ่อไก่และมีแม่ไก่สี่ตัวเดินตาม เป็นการเย้ยหยันการมีภรรยาหลายคน
- บางคนก็เขียนบทความโจมตีการใส่ฮิญาบว่าเป็นการล้าหลังและโบราณย้อนยุค
- บางคนก็ถูกมารชัยฏอนหลอกลวงจนหลง เอาอัลกุรอานมาเป็นทำนองเพลงพร้อมเสียงดนตรี เราขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺให้พ้นจากสิ่งเหล่านี้ด้วย
พึงรู้ไว้ว่าเป็นสิ่งจาเป็นวาญิบที่ต้องห้ามปรามและตักเตือนผู้ที่เย้ยหยันถึงความผิดและอันตรายของสิ่งที่เขาทาหากเขาไม่รับฟัง เราก็ไม่สามารถอยู่ร่วมวงสนทนาเดียวกันกับเขาได้ อัลลอฮฺตรัสว่า
“และแน่นอน อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมาแก่พวกเจ้าแล้วในคัมภีร์นั้นว่า เมื่อพวกเจ้าได้ยินบรรดาโองการของอัลลอฮฺถูกปฏิเสธศรัทธาและถูกเย้ยหยัน (โดยพวกมุนาฟิก)
ดังนั้น พวกเจ้าจงอย่านั่งร่วมกับพวกเขา จนกว่าพวกเขาจะพูดคุยกันในเรื่องอื่นจากนั้น แท้จริงพวกเจ้านั้นถ้าหาก(ยังนั่งร่วมวงอยู)เช่นนั้นแล้ว ก็ย่อมจะเหมือนพวกเขา
แท้จริง อัลลอฮฺจะทรงรวบรวมบรรดามุนาฟิก และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาไว้ในนรกญะฮันนัมทั้งหมด”
(อัน-นิสาอ์ 140)
แปลโดย :อิสมาน จารง / Islamhouse