การศึกษาเริ่มที่บ้าน
  จำนวนคนเข้าชม  7039

การศึกษาเริ่มที่บ้าน

 

         ศรัทธาชนที่มีเกียรติทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงยำเกรงในเดชานุภาพของอัลลอฮฺเถิด  การพัฒนาการที่ดีของบุตรหลานนั้น เป็นสิ่งที่บรรดานบีและศาสนทูตทั้งหลายให้ความสำคัญมาก ดังจะเห็นได้จากการที่ท่านนบีอิบรอฮีม ได้วิงวอนขอบุตรที่ซอและฮ์ต่ออัลลอฮฺ โดยกล่าวว่า

“ข้าแด่พระผู้อภิบาลของฉัน ได้โปรดประทานบุตรที่ดีให้แก่ฉัน”

 (กุรอาน 37: 100)

และได้กล่าวอีกว่า

“และได้โปรดให้ฉันและบุตรหลานของฉันห่างไกลจากการสักการะรูปปั้น”

(กุรอาน 14: 35)

นบีซะการียา ได้กล่าววิงวอนว่า

“ข้าแด่พระผู้อภิบาลของฉัน ได้โปรดประทานบุตรที่ดีจากพระองค์ท่าน ให้แก่ฉันด้วยเถิด แน่แท้ท่านเป็นผู้ทรงได้ยินคำวิงวอนยิ่ง”

(กุรอาน 3: 38)

          เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญในเรื่องบุตรหลานของบรรดานบีทั้งหลายได้เป็นอย่างดี พวกเขาวิงวอนขอลูกหลานที่ดีจากอัลลอฮฺ ทั้งๆ ที่ลูกหลานนั้นยังไม่ได้เกิดขึ้นมา และยิ่งเมื่อพวกเขาเกิดมาแล้ว บรรดานบีได้ให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นไปอีก พวกเขาได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ตลอดจนทรัพย์สิน เพื่อให้การศึกษาและชี้นำบุตรหลานให้อยู่ในวิถีทางที่ถูกต้อง และกีดกันให้พ้นไปจากเส้นทางที่ชั่วช้าเลวทราม สิ่งแรกที่บรรดานบีทั้งหลายจะให้การศึกษาแก่บุตรหลานของพวกเขาคือ เรื่องอะกีดะฮฺ หรือ หลักศรัทธา นั่นเอง ดังที่อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

 

“และอิบรอฮีม ได้นำมันไปกำชับแก่ลูกหลานของเขา และยะอฺกูบว่า ลูกหลานของฉันเอ๋ย แน่แท้อัลลอฮฺได้เลือกศาสนาที่แท้จริงไว้ให้แก่พวกท่านแล้ว

ดังนั้น พวกท่านอย่าตาย นอกจากตายในสภาพที่เป็นมุสลิมเท่านั้น”

(กุรอาน 2: 132)

         ท่านลุกมาน อัลฮะกีม ก็เช่นกัน ได้อบรมสั่งสอนบุตรหลานของตนให้ดำรงอยู่ในคุณธรรม และมีศรัทธาอันมั่นคงโดยได้ห้ามบุตรของตนสักการะสิ่งใดๆ เท่าเทียมกับอัลลอฮฺ ที่เรียกว่า “ซิริก”  และได้กำชับบุตรให้ละหมาด ให้ช่วยกันทำความดี และห้ามปรามความชั่ว ให้มีความอดทนต่อภัยพิบัติต่างๆ ที่มาประสบ และได้ห้ามบุตรของตนเหยียดหยามเพื่อนมนุษย์ ห้ามยกตนข่มท่าน และห้ามยโสโอหัง

         ซึ่งเรื่องเหล่านี้ อัลลอฮฺ ได้บอกกล่าวให้พวกเราได้ทราบไว้ในคัมภีร์ของพระองค์ ให้ได้รับรู้ถึงท่าทีของบรรดานบีทั้งหลายที่มีต่อบุตรหลานของพวกเขา เพื่อให้พวกเราทั้งหลายเจริญรอยตามและตระหนักในหน้าที่ของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ที่มีต่อบุตรหลานของตน


ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย ท่านนบีมุฮัมหมัด ได้กล่าวว่า

“ทารกทุกคนถูกกำเนิดขึ้นมาอยู่ในธรรมชาติอันบริสุทธิ์

พ่อแม่ของทารกนั้นจะเป็นผู้นำเขาไปอยู่นอกศาสนาไปเป็นยะฮูดี เป็นนะซอรอ หรือเป็น มะยูซีที่บูชาไฟ”

(บันทึกโดยมุสลิม)

         ฮะดิษนี้ สอนว่า ทารกที่คลอดออกมานั้นอยู่ในธรรมชาติอันบริสุทธิ์ผุดผ่องพร้อมที่จะซึมซับความดีต่างๆ ไว้ โดยไม่ต้องเขี่ยวเข็ญให้ลำบาก อัลลอฮฺดลบันดาลให้ทารกนั้นมีความพร้อมที่จะตอบสนองความดีงามที่ถูกป้อนเข้าไป เนื่องจากมันสอดคล้องกับธรรมชาติบริสุทธิ์ที่เด็กน้อยถูกบังเกิดขึ้นมานั่นเอง แต่ที่ทารกน้อยต้องเบี่ยงเบนออกไปจากธรรมชาติบริสุทธิ์ ก็มีสาเหตุมาจากการบ่มเพาะ การอบรมสั่งสอนและแบบอย่างที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งพ่อแม่นำมายัดเยียดให้แก่บุตรของตนนั่นเอง จึงทำให้เด็กน้อยที่ไร้เดียงสาเปลี่ยนแปลงจากศรัทธาในอิสลามอันเป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์ไปสู่สภาพของการเป็นยะฮูดี นะซอรอ หรือ มะยูซี

         ท่านทั้งหลายจงปกป้องและหวงแหน ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของลูกหลานไว้ให้ปลอดภัย อย่าให้เบี่ยงเบนออกไปจากวิถีทางที่ถูกต้องของอัลอิสลาม โดยจะต้องหวงแหนและปกป้องให้มากยิ่งกว่าที่ท่านทั้งหลายปกป้องชีวิตและร่างกายของพวกเขาให้พ้นจากโรคภัยไข้เจ็บและบาดแผลต่างๆ เพราะทารกในวัยเจริญเติบโตนั้น ไม่รู้หรอกว่าวาระสุดท้ายของตนจะเป็นเช่นใด และยังไม่สามารถแยกได้ว่าอะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ เช่นเดียวกับการที่ไม่สามารถหาอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อาศัยให้แก่ตนเองได้ แต่บิดามารดาจะต้องเป็นผู้จัดหาสิ่งเหล่านี้ให้แก่บุตรหลานของตน


         ศรัทธาชนที่รักทั้งหลาย การเพาะบ่มอบรมสั่งสอนและเลี้ยงบุตรนั้น ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะการให้อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องนุ่งห่ม และที่พักอาศัย เพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโตเท่านั้น แต่การเพาะบ่มเลี้ยงดูที่แท้จริง ก็คือ การอบรมเลี้ยงดูสั่งสอนที่มุ่งให้ร่างกาย จิตใจ และสติปัญญาเจริญเติบโตควบคู่กันไป


เพื่อให้จุดมุ่งหมายนี้บรรลุผล พ่อแม่จะต้องคอยติดตามดูแลความประพฤติของบุตรตลอดเวลาทั้งในบ้าน ที่โรงเรียน และแม้แต่ขณะวิ่งเล่นอยู่ตามถนน

          ♣ บ้านจะต้องเป็นบ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเด็ก ต้องเป็นบ้านที่อบอวลด้วยกลิ่นไอของอัลอิสลาม ห่างไกลจากสื่อที่จะทำให้เด็กกลายเป็นคนไม่ดีหรือเสียคน เป็นบ้านที่ไม่อึกทึกครึกโครมไปด้วยเสียงเพลง เสียงดนตรีที่เร่งเร้าอารมณ์ และฉุดลากความเป็นมุสลิมออกไปจากหัวใจ

          ♣ บิดามารดาจะต้องเลือกโรงเรียนที่จะให้การศึกษาแก่บุตรของตนทั้งทางศาสนาและทางโลก โดยดูจากความประพฤติของนักเรียนที่จบออกมา ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ที่ดีในการตัดสินใจส่งลูกไปเข้าเรียน และต้องติดต่อกับทางโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ทราบความประพฤติของบุตรขณะที่อยู่ที่โรงเรียน และถ้ามีปัญหาใดๆ ก็จะสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที

          ♣ บิดามารดาอีกเช่นกัน ที่จะต้องทำความรู้จักกับเพื่อนฝูง และบุคคลที่ลูกหลานของตนคบหาสมาคมด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่า คนเหล่านั้นปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของศาสนา เพราะถ้าหากบุตรหลานของตนไปคบค้ากับคนเลวก็จะพลอยทำให้บุตรหลานของตนเลวไปด้วย


         ศรัทธาชนที่รักทุกท่าน หากเราปรารถนาให้ลูกหลานของเราเจริญเติบโตขึ้นเป็นลูกที่ดีเป็นลูกที่ซอและฮฺ เราก็จะต้องให้การอบรมบ่มนิสัยของเขาตั้งแต่เยาว์วัย และจับตามองพวกเขาตลอดเวลา เพื่อดูความประพฤติว่าเป็นอย่างไร ให้การสนับสนุนและส่งเสริมเมื่อพบว่าว่ามีพฤติกรรมที่ดำเนินอยู่ในวิถีทางที่ถูกต้อง และปรับตัวให้ตรงเมื่อพบว่าพวกเขามีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนออกไป พ่อแม่ผู้ปกครองต้องคอยสอดส่องดูคนที่บุตรหลานคบค้าด้วยว่าเป็นเพื่อนชนิดไหน เพื่อนที่ดีที่มีแต่ได้หรือเพื่อนร้ายที่มีแต่เสีย  และต้องแนะนำตักเตือนทันทีที่พบข้อบกพร่องด้วยวิธีการที่ดีที่สุด  หลักการเหล่านี้แหละที่จะทำให้ลูกหลานของเราเติบโตขึ้นมาเป็นมุสลิมที่ดีมีคุณภาพ ไม่กลายเป็นบริวารของอิบลีสมารร้าย

 

 

 


ที่มา: หนังสือคุตบะฮฺวันศุกร์ โดยสำนักจุฬาราชมนตรี (นายประเสริฐ มะหะหมัด)