คุณจะต้อนรับรอมาฏอนอย่างไร?
อิสมาอีล กอเซ็ม
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺ
เดือนรอมาฏอนกำลังจะมาถึงอีกไม่กี่วัน หลายคนคงมีความรู้สึกที่แตกต่างกัน บางคนอาจจะไม่ชอบเพราะการใช้ชีวิตต้องเปลี่ยนไปจากที่ปกติเคยดื่มกินในตอนกลางวัน แต่พอรอมาฏอนมาถึงต้องงดกินดื่ม และงดสิ่งไร้สาระต่างๆ แต่บางคนกลับเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ เพราะเขาทราบดีถึงความประเสริฐของเดือนรอมาฏอน ความดีที่อัลลอฮจะประทานให้แก่ผู้ถือศีลอด
ดังนั้นการเห็นคุณค่าอะไรสักอย่างก็คือการรู้ถึงคุณค่าของสิ่งนั้น คนที่ดีใจกับการมาของรอมาฏอนเนื่องจากเขารู้คุณค่าของมัน จะทำอย่างไรที่ให้เราได้รู้คุณค่าของรอมาฏอนว่ามันคือของขวัญอันล้ำค่าที่มาจากพระเจ้า พระองค์ได้เมตตาแก่ปวงบาวของพระองค์ และความดีเหล่านี้ไม่ได้มีบ่อยครั้ง ปีหนึ่งมีแค่ครั้งเดียว เราจะต้องเตรียมหัวใจที่จะต้อนรับเหมือนดังแขกที่ทรงเกียรติ
การที่หัวใจต้องการที่จะพบรอมาฏอนและผูกพันกันนั้น เราต้องรู้จักและเข้าใจอย่างดี เหมือนดังที่เรามีความรักความผูกพันกับใครก็เนื่องจากเรารู้จักและเข้าใจเขาดี ดังนั้นสาเหตุที่ปัจจุบันคนส่วนมากไม่ผูกพันและไม่ต้องการพบรอมาฏอนก็เนื่องจากการรู้จักรอมาฏอนแบบผิวเผิน ไม่ทำความเข้าใจและคิดว่ารอมาฏอนเป็นแค่การอดอาหารอดน้ำเท่านั้น หรือบางคนถือศีลอดในเดือนรอมาฏอนเสมือนประเพณีที่ต้องปฏิบัติในเทศกาลต่างๆ แต่ความจริงรอมาฏอนคืออิบาดะห์ที่มาชำระจิตใจมุสลิมให้มีความสะอาด และมาสร้างภูมิต้านทานที่ดีให้แก่มุสลิมนั้นเอง
รอมาฏอนคือสิ่งที่มาชำระความผิดต่างๆ ที่ได้กระทำมาทั้งปี เราต้องขอบคุณต่ออัลลอฮฺให้มากกับการที่พระองค์ได้กำหนดอิบาดะห์ให้มาลบล้างความผิดที่เรากระทำผ่านมาแล้ว และความประเสริฐที่มีอยู่ในเดือนรอมาฏอนนอกเหนือจากความดีของการถือศีลอด รอมาฏอนยังเป็นเดือนที่อัลลอฮฺได้ประทานอัลกุรอานลงมาดังคำดำรัสของอัลลอฮฺ ความว่า
“ เดือนรอมฏอนนั้น เป็นเดือนที่อัลกรุอานได้ถูกประทานลงมาในฐานะเป็นข้อแนะนำสำหรับมนุษย์ และเป็นหลักฐานอันชัดเจนเกี่ยวกับข้อแนะนำนั้น(*1*)
และเกี่ยวกับสิ่งที่จำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ(*2*)
ดังนั้นผู้ใดในหมูพวกเจ้าเข้าอยู่ในเดือนนั้นแล้ว ก็จงถือศีลอดในเดือนนั้น และผู้ใดป่วย หรืออยู่ในการเดินทาง ก็จงถือใช้ในวันอื่นแทน(*3*)
อัลลอฮ์ทรงประสงค์ให้มีความสะดวกแก่พวกเจ้า และไม่ทรงให้มีความลำบากแก่พวกเจ้าและเพื่อที่พวกเจ้าจะได้ให้ครบถ้วน ซึ่งจำนวนวัน(ของเดือนรอมฏอน)
และเพื่อพวกเจ้าจะได้ให้ความเกรียงไกรแด่อัลลอฮ์ในสิ่งที่พระองค์ทรงแนะนำแก่พวกเจ้า(*4*) และเพื่อพวกเจ้าจะขอบคุณ”
(1) เกี่ยวกับข้อแนะนำให้มนุษย์มีหลักการศรัทธาอันถูกต้องและข้อปฏิบัติในการดำรงค์ชีวิตของพวกเขา
(2) เกี่ยวกับหลักการที่จำแนกให้มนุษย์ได้ทราบว่า อะไรคือความเท็จ และอะไรคือความจริง
(3) เท่ากับจำนวนที่ขาดไป แต่ควรถือใช้ก่อนที่รอมฏอนในปีต่อไปจะมาถึง
(4) ทั้งนี้ก็เพราะว่า รอมฏอนนั้น ในเดือนแห่งการอบรมบ่มนิสัย และขจัดสิ่งไม่เหมาะไม่ควรให้หมดไป ทำให้ผู้ที่ถือศีลอดกลายเป็นผู้ที่มีคุณธรรมในการนี้ ทำให้ผู้ศีลอดรู้สึกในความเกรียงไกรของอัลลอฮ์ และขอบคุณพระองค์
อัลลอฮได้กำหนดให้เราถือศีลอด และพระองค์ยังเลือกเดือนรอมาฏอนในการประทานอัลกุรอาน ดังนั้นนอกจากการถือศีลอดแล้วสิ่งที่เราต้องทำก็คือ การให้ความสำคัญกับอัลกุรอาน เพราะอัลกุรอานคือทางนำของบรรดามุสลิม
มันเป็นเรื่องที่น่าอายที่เราบอกว่า อัลกุรอานคือทางนำแต่ขณะเดียวกันเราไม่สามารถที่จะอ่านมันได้ ดังนั้นในช่วงเวลาของเดือนรอมาฏอน เป็นโอกาสของการเปลี่ยนแปลงที่ต้องปลีกตัวจากความวุ่นวายของโลกดุนยาใบนี้ที่มีแต่การแข่งขันทำแต่งาน จนทำให้เราลืมอัลลอฮฺ ลืมนึกถึงพระองค์ ลืมนึกถึงหน้าที่ ที่แท้จริงว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร
ความยิ่งใหญ่ในเดือนรอมาฏอนคือศูนย์รวมของความดีทุกอย่างที่อัลลอฮฺ ได้นำเอาอิบาดะห์และความดีมากมายมาไว้ในเดือนนี้ ไม่ว่าความดีของการบริจาค การเลี้ยงอาหารแก่ผู้ที่ละศีลอด และในเดือนรอมาฏอนยังมีสิ่งที่สำคัญอีกมากมาย เช่นการละหมาดตารอเวียะ และช่วงสิบคืนหลังยังมีค่ำคืนลัยลาตุลกอดรฺ ซึ่งการทำความดีในคืนนั้นจะได้รับทำกับหนึ่งพันเดือน ก็หมายถึงการได้รับความดีทั้งชีวิต ดังนั้นรอมาฏอนมีอะไรมากมายที่เราต้องค้นหาและแสวงหาเหมือนที่ท่านนบี ได้กล่าวไว้
มีรายงานในซอเอียะบุคอรีและมุสลิม จากหะดีษของท่านอาบีอุไรเราะห์ แท้จริงท่านรอซูลุลอฮ ได้กล่าวว่า
ففي الصحيحين من حديث أبي هريرة أن رسول الله صلى الله عليه وسلم قال: من صام رمضان إيمانا ً واحتساباً غفر له ما تقدم من ذنبه.
“ใครที่ได้ถือศีลอดในเดือนรอมาฏอนเนื่องจากความศรัทธา และมีความหวัง(ในผลบุญ) เขาจะได้รับการอภัยโทษจากบาปของเขาที่ผ่านมา”
จากหะดีษนี้ทำให้เราเข้าใจว่า การงานที่ทำทุกอย่างต้องมีเจตนาเพื่ออัลลอฮฺ และกระทำเนื่องจากมีความศรัทธาต่ออัลลอฮฺและมีความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ และเราต้องมีความหวังและมั่นใจผลบุญที่อัลลอฮฺได้สัญญาไว้กับเรา
และจากหะดีษยังบอกด้วยว่า การถือศีลอดที่อัลลอฮฺจะรับต้องเกิดจากความศรัทธา ไม่ใช่ถือศีลอดเนื่องจากถูกกดดันหรือถูกบังคับ หรือต้องการคำชมเชย หรือถือศีลอดเป็นประเพณีเห็นคนอื่นถือเราก็ถือด้วย แต่การอภัยจากความหมายในหะดีษนี้เป็นความผิดที่เป็นบาปเล็กส่วนบาปใหญ่ต้องอาศัยการเตาบะห์สำนึกผิดเสียใจ และปลีกตัวจากบาปนั้นโดยทันที
สรุปเราต้องเตรียมใจที่บริสุทธิ์ที่จะต้อนรับรอมาฏอนและตั้งใจจะทำอิบาดะห์ต่างๆที่อัลลอฮฺ กำหนดไว้ในเดือนรอมาฏอน ไม่ว่าการถือศีลอด การเตรียมเงินไว้บริจาคในการละศีลอดและบริจาคทานแก่คนยากจน เตรียมตัวที่จะเรียนอัลกุรอาน เตรียมตัวที่จะเอียะติกาฟเพื่อแสวงหาคืนลัยลาตุลกอดรฺ
หากชีวิตของเรายังผูกพันอยู่กับงานและการละเล่นต่างๆ ในโลกดุนยาจนไม่สามารถที่จะสละมันเพื่อเขาหาอัลลอฮฺ เราจึงได้กลายเป็นบ่าวของดุนยา หากเราสละเวลาเพื่อเขาหาอัลลอฮฺ เราก็เป็นบ่าวที่แท้จริงของอัลลอฮฺ อิสลามที่มาถึงเราได้ในทุกวันนี้เป็นเพราะความเสียสละของคนในยุคอดีตที่เสียสละทุกอย่างเพื่อศาสนานี้ ไม่ว่าจะเป็นชีวิต ทรัพย์สิน และคนที่เขารักที่สุด ลองหันกลับมาถามตัวเองดูว่าเราเสียสละอะไรบ้างให้กับศาสนาของเรา ? ดังนั้นรอมาฏอนที่จะมาถึงให้ตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะต้อนรับด้วยเบิกบานใจ
และสุดท้ายนี้ขออัลลอฮฺ ได้โปรดให้เราได้เข้าสู่รอมาฏอนด้วยกับความศรัทธาและหวังความดีในรอมาฏอน และขอพระองค์โปรดช่วยเหลือพี่น้องของเราที่ถูกข่มเหงให้รอดพ้นจากทุกการอธรรม......อามีน