ท่านถาม อัลกุรอานตอบ 2
มุหัมมัด บิน ยะห์ยา อัต-ตูม
17.ใครคือศาสนทูตองค์สุดท้าย?
มุฮัมมัดนั้น หาใช่อื่นใดไม่นอกจากเป็นศาสนทูตผู้หนึ่งซึ่งบรรดาศาสนทูตก่อนจากเขาก็ได้ล่วงลับไปแล้ว แล้วหากเขาตายไปหรือเขาถูกฆ่าก็ตามพวกเจ้าก็จะหันส้นเท้าของพวกเจ้ากลับกระนั้นหรือ? (หมายถึงพวกท่านจงอย่าได้ยึดการมีชีวิตของมุฮัมมัดเป็นหลัก โดยที่เมื่อเขาตายพวกท่านก็ละทิ้งศาสนาอิสลาม แต่ให้พวกท่านยึดที่ตัวศาสนาเป็นหลักแม้มุฮัมมัดตายพวกท่านก็ยังยึดมั่นกับมันอยู่) และผู้ใดที่หันสันเท้าทั้งสองของเขากลับแล้วไซร้ มันก็จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่อัลลอฮฺแต่อย่างใดเลย และอัลลอฮฺนั้นจะทรงตอบแทนแก่ผู้กตัญญูทั้งหลาย
(3:144)
18.อัลลอฮฺ ส่งท่านศาสนทูตคนสุดท้าย(ท่านนบีมุฮัมมัด)ให้กับใคร?
และเรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใด เว้นแต่เป็นผู้แจ้งข่าวดีและเป็นผู้ตักเตือนแก่มนุษย์ทั้งหลาย
(34:28)
19.อัลลอฮฺ ได้เตรียมอะไรสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาที่เดิมเคยเป็นชาวยิวและชาวคริสเตียน?
โอ้บรรดผู้ศรัทธาเอ๋ย(คือบรรดาผู้ศรัทธาต่อศาสนทูตมูซาหรือโมเสส หมายถึงชาวยิว และผู้ศรัทธาต่อศาสนทูตอีซาหรือเยซู นั่นคือชาวคริสเตียน) จงยำเกรงต่ออัลลอฮฺและจงศรัทธาต่อศาสนูทตของพระองค์(หมายถึงท่านนบีมุฮัมมัด)เถิด พระองค์จะทรงประทานความเมตตาของพระองค์ให้แก่พวกเจ้าสองเท่า และจะทรงให้มีแสงสว่างแก่พวกเจ้าเพื่อพวกเจ้าจะได้ดำเนินชีวิตด้วยมัน และจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเจ้าและอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ
(57:28)
20.อัลลอฮฺอุปมาอีซา(เยซู)ดั่งอะไร?
แท้จริงอุปมาของอีซานั้น ดั่งอุปมัยของอาดัม พระองค์ทรงบังเกิดเขาจากดิน และได้ทรงประกาศิตแก่เขาว่าจงเป็นขึ้นเถิด แล้วเขาก็เป็นขึ้น (หมายถึงการกำเนิดอีซานั้นไม่มีพ่อ และการกำเนิดอาดัมไม่มีทั้งพ่อและแม่ เพราะฉะนั้นเหตุใดจึงได้ถือเอาอีซาเป็นพระเจ้าทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุผลเลยว่าการกำเนิดอีซาจะมหัศจรรย์กว่าการกำเนิดอาดัม)
(3:59)
21.อัลลอฮฺ กล่าวอะไรเกี่ยวกับมัรยัม(พระนางแมรี)?
และจงรำลึกขณะที่มลาอิกะฮฺกล่าวว่า มัรยัมเอ๋ย! แท้จริงอัลลอฮฺได้ทรงเลือกเธอและทรงทำให้เธอบริสุทธิ์ และได้ทรงเลือกเธอให้เหนือบรรดาหญิงแห่งประชาชาติทั้งหลาย
มัรยัมเอ๋ย! จงภักดีต่อพระเจ้าของเจ้าเถิด และจงสุญูด(กราบแนบพื้น)และรุกูอ์(โค้งคำนับ) ร่วมกับรรดาผู้รุกูอ์ทั้งหลาย
นั่นคือส่วนหนึ่งจากบรรดาข่าวของสิ่งเร้นลับ ซึ่งเราชี้แจงให้เจ้า(โอ้ มุฮัมมัด)ได้ทราบ และเจ้ามิได้อยู่ ณ ที่พวกเขาขณะที่พวกเขาโยนเครื่องเสี่ยงทายของพวกเขา(เพื่อทราบว่า) ใครในหมู่พวกเขาจะได้อุปการะมัรยัม และเจ้ามิได้อยู่ ณ ที่พวกเขา ขณะพวกเขาโต้เถียงกัน
จงรำลึกถึงขณะที่มลาอิกะฮฺกล่าวว่า มัรยัมเอ๋ย ! แท้จริงอัลลอฮฺทรงแจ้งข่าวดีแก่เธอซึ่งพจมานหนึ่งจากพระองค์ ชื่อของเขาคือ อัลมะซีห์ อีซาบุตรของมัรยัม โดยที่เขาจะเป็นผู้มีเกียรติในโลกนี้และปรโลก และจะอยู่ในหมู่ผู้ใกล้ชิด
และเขาจะพูดแก่ผู้คนขณะอยู่ในเปล และในวัยกลางคน และจะอยู่ในหมู่คนดี
นางกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะมีบุตรได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่มิได้มีบุรุษใดแตะต้องข้าพระองค์ เขาตอบว่า กระนั้นก็ตามอัลลอฮฺจะทรงบังเกิดสิ่งที่พระองค์ประสงค์ เมื่อพระองค์ทรงชี้ขาดงานใดแล้ว? พระองค์ก็เพียงประกาศิตแก่สิ่งนั้นว่า จงเป็นขึ้นเถิด แล้วมันก็จะเป็นขึ้น
(3:42-47)
22.พระเยซูถูกตรึง และเสียชีวิตบนไม้กางเขนใช่ไหม?
และการที่พวกเขา(ชาวยิว)กล่าวว่า แท้จริงพวกเราได้ฆ่า อัล-มะซีห์ อีซา บุตรของมัรยัม ศาสนทูตของอัลลอฮฺ แต่แท้จริงพวกเขาหาได้ฆ่าอีซาและหาได้ตรึงเขาบนไม้กางเขนไม่ ทว่าเขาถูกให้เหมือนแก่พวกเขา(หมายถึงพวกเขาฆ่าคนอื่นที่เหมือนอีซา) และแท้จริงบรรดาผู้ที่ขัดแย้งในตัวเขานั้นแน่นอนย่อมอยู่ในความสงสัยเกี่ยวกับเขา พวกเขาหามีความรู้ใดๆ ในตัวเขาไม่ นอกจากคล้อยตามความนึกคิดเท่านั้นและพวกเขามิได้ฆ่าเขา(อีซา)ด้วยความแน่ใจ(ไม่ได้ฆ่าเขาอย่างแน่นอน)
หามิได้ อัลลอฮฺได้ทรงยกเขา(อีซา)ขึ้นไปยังพระองค์ต่างหาก และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ
(4:157-158)
23. พระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้า (อัลลอฮฺ) จริงหรือ?
1. โอ้มุฮัมมัด จงกล่าวแก่พวกมุชริกีนผู้เยาะเย้ยว่า พระเจ้าของฉันซึ่งฉันเคารพภักดีอยู่ (ซึ่งฉันได้เรียกร้องพวกท่านเพื่อการเคารพภักดีต่อพระองค์นั้น) พระองค์ทรงเป็นเอกะทรงเป็นหนึ่งเดียว (ไม่มีผู้ใดเป็นภาคีต่อพระองค์ ไม่เหมือนและไม่คล้ายคลึงกับพระองค์ ไม่ว่าในรูปร่างหรือคุณลักษณะของพระองค์ และไม่ว่าในการกระทำต่าง ๆ ของพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงทรงเป็นหนึ่งเดียวและทรงเอกะ มิใช่ดังเช่นพวกนะศอรอได้เชื่อมั่นกันว่าเป็น “ตรีเอกานุภาพ” คือความเชื่อถือว่า พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์เป็น 3 บุคคล ที่รวมเป็นหนึ่ง และมิใช่ดังเช่นพวกมุชริกีนเชื่อมั่นกันว่ามีพระเจ้าหลายพระองค์)
2. อัลลอฮฺนั้นทรงเป็นที่พึ่ง
3. พระองค์ไม่ประสูติ และไม่ทรงถูกประสูติ
4. และไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์
(112: 1-4)
24.ท่านจะได้รับความปลอดภัยอย่างไร?
บรรดาผู้ที่ศรัทธา โดยที่มิได้ให้การศรัทธาของพวกเขาปะปนกับการอธรรมนั้น(ไม่ปะปนด้วยการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ) ชนเหล่านี้แหละพวกเขาจะได้รับความปลอดภัย และพวกเขาคือผู้ที่รับเอาคำแนะนำไว้
(6:82)
25. ช่วงชีวิตบนโลกนี้เป็นอย่างไร?
พึงทราบเถิดว่า แท้จริงการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้มิใช่อื่นใด เว้นแต่เป็นการละเล่นและการสนุกสนานร่าเริงและเครื่องประดับและความโอ้อวดระหว่างพวกเจ้า และการแข่งขันกันสะสมในทรัพย์สินและลูกหลาน เปรียบเสมือนเช่นน้ำฝนที่ส่งให้มีการงอกเงยของพืชผล และยังความพอใจให้แก่กสิกร จากนั้นมันก็จะเหี่ยวแห้ง แล้วเจ้าจะเห็นมันเป็นสีเหลือง แล้วมันก็กลายเป็นเศษเป็นชิ้นแห้ง ส่วนในวันปรโลกนั้น มีการลงโทษอย่างสาหัสและมีการอภัยโทษและความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ และการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ มิใช่อื่นใดนอกจากการแสวงหาผลประโยชน์แห่งการหลอกลวงเท่านั้น
(57:20)
26.อะไรก็ตามที่เป็นสิ่งดี และความโปรดปรานที่คุณได้รับนั้นมาจากอัลลอฮฺ?
และไม่มีความโปรดปรานใด ๆ ที่พวกเจ้าได้รับ นอกจากว่ามันย่อมมาจากอัลลอฮฺ จากนั้นเมื่อความทุกข์ร้ายประสบแก่พวกเจ้าพวกเข้าก็จะคร่ำครวญขอจากพระองค์
(16:53)
27.ท่านสามารถรับประกันความโปรดปราณของอัลลอฮฺอย่างไร?
และจงรำลึกขณะที่พระเจ้าของพวกเจ้าได้ประกาศว่า หากพวกเจ้าขอบคุณ(โดยการยอมรับการศรัทธา และไม่สัการะบูชาผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺ) ข้าก็จะเพิ่มพูนให้แก่พวกเจ้า(ด้วยความโปรดปรานของข้า) และหากพวกเจ้าเนรคุณ(นั่นคือ ปฏิเสธ) แท้จริงการลงโทษของข้านั้นสาหัสยิ่ง
(14:7)
28. ท่านสามารถปกป้องตัวท่านให้พ้นจากการถูกลงโทษอันเจ็บปวดอย่างไร?
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จะให้ข้าชี้แนะแนวทางแก่พวกเจ้าไหมเล่า ถึงการค้าที่จะช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากการลงโทษอันเจ็บปวด ?
นั่นคือพวกเจ้าต้องศรัทธาต่ออัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์ และต่อสู้ดิ้นรนในหนทางอัลลอฮฺ ด้วยทรัพย์สินของพวกเจ้าและชีวิตของพวกเจ้า นั่นเป็นการดียิ่งสำหรับพวกเจ้าหากพวกเจ้ารู้
(61:10-11)
29. จะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ที่ไว้วางใจในอัลลอฮฺ?
และจะทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่เขาจากที่ที่เขามิได้คาดคิด และผู้ใดมอบหมายแด่อัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้พอเพียงแก่เขา แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงบรรลุในกิจการของพระองค์โดยแน่นอน สำหรับทุกสิ่งอย่างนั้นอัลลอฮฺทรงกำหนดกฎสภาวะไว้แล้ว
(65:3)
30. บั้นปลายของผู้ปฏิเสธศรัทธาเป็นอย่างไร?
ดังนั้น วันนี้การไถ่บาปจะไม่ถูกรับจากพวกเจ้า และจากบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา(ในความเป็นเอกะของอัลลอฮฺ ความเชื่อว่ามีพระเจ้าองค์เดียวในอิสลาม) ที่พำนักของพวกเจ้าคือไฟนรก มันเป็นสถานที่อันเหมาะสมแก่พวกเจ้า และมันเป็นที่กลับคืนอันชั่วร้ายยิ่ง
(57:15)
31. บั้นปลายทางของผู้ศรัทธาเป็นอย่างไร?
และบรรดาผู้ที่ศรัทธาและประกอบสิ่งดีงามทั้งหลายนั้น เราจะให้พวกเขาเข้าในบรรดาสวนสวรรค์ ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่ภายใต้สวนสวรรค์เหล่านั้น โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล ซึ่งในนั้นพวกเขาจะได้รับคู่ครองที่บริสุทธิ์และเราจะให้เขาเข้าอยู่ในเงาร่มอันร่มเย็น
(4:57)
32.ท่านสามารถมีชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างไร?
ผู้ใดก็ตามที่ปฏิบัติความดีไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง ในสภาพที่เขาเป็นผู้ศรัทธาแล้วไซร้ ดังนั้น เราก็จะให้เขาได้ดำรงชีวิตที่ดี และแน่นอนเราจะตอบแทนรางวัลแก่พวกเขาด้วยสิ่งที่ดียิ่ง จากผลที่พวกเขาได้เคยกระทำไว้ (นั่นคือสวรรค์ในโลกหน้า)
(16:97)
แปล: มูฮัมหมัด อิบราฮิม
ที่มา: http://www.islamhouse.com/p/191210