ท่านถาม อัลกุรอานตอบ
มุหัมมัด บิน ยะห์ยา อัต-ตูม
1. ใครคือผู้สร้าง?
อัลลอฮฺ คือผู้ทรงทำให้แผ่นดินนี้เป็นที่พำนักแก่พวกเจ้า และชั้นฟ้าเป็นเพดานมั่นคง และทรงทำให้พวกเจ้าเป็นรูปร่าง และทรงทำให้รูปร่างของพวกเจ้าสวยงามและทรงประทานปัจจัยยังชีพจากสิ่งที่ดี ๆ แก่พวกเจ้า พระองค์คืออัลลอฮฺ พระเจ้าของพวกเจ้า ดังนั้นอัลลอฮฺพระเจ้าแห่งสากลโลก(มนุษย์ ญิน และทุกสิ่งที่ดำรงอยู่)ทรงจำเริญยิ่ง
(40:64)
พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้า(ทั้งหมด)จากชีวิตหนึ่ง(หมายถึงอดัม) แล้วจากชีวิตนั้นทรงทำให้เป็นของคู่ครองของเขา(ฮาวาหรืออีฟ) และทรงประทานปศุสัตว์แปดตัวเป็นคู่แก่พวกเจ้า(แกะทั้งตัวผู้และตัวเมีย แพะทั้งตัวผู้และตัวเมีย วัวทั้งตัวผู้ และตัวเมีย อูฐทั้งตัวผู้ และตัวเมีย) พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าในครรภ์ของมารดาพวกเจ้า เป็นการบังเกิดครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ในความมืดสามชั้น พระองค์นั้นคืออัลลอฮฺ พระเจ้าของพวกเจ้า พระอำนาจเป็นสิทธิของพระองค์ (ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ที่เราสักการะบูชา) แล้วทำไมพวกเจ้าจึงผินหน้าไปทางอื่น!
(39:6)
แท้จริงพระเจ้าของพวกเจ้านั้น คือ อัลลอฮฺ ผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้า และแผ่นดินภายในหกวัน แล้วสถิตอยู่เหนือบัลลังก์พระองค์(อิสติวาอ์) ทรงให้กลางคืนครอบคลุมกลางวันในสภาพที่กลางคืนไล่ตามกลางวันโดยรวดเร็ว และทรงสร้างดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ และบรรดาดวงดาวขึ้น โดยถูกกำหนดให้ทำหน้าที่บริการตามพระบัญชาของพระองค์ พึงรู้เถิดว่า การสร้างและกิจการทั้งหลายนั้นเป็นสิทธิของพระองค์เท่านั้น มหาบริสุทธิ์อัลลอฮฺ ผู้เป็นพระเจ้าแห่งสากลโลก (มนุษย์ ญิน และทุกสิ่งที่ดำรงอยู่)
(7:54)
พระองค์นั่นแหละอัลลอฮฺ พระเจ้าที่แท้จริงของพวกท่าน ฉะนั้นหลังจากความจริงแล้วจะมีอะไรอีกเล่า นอกจากความหลงผิดเท่านั้น แล้วทำไมเล่าพวกท่านจึงถูกให้หันเหออกไปอีก?
(10:32)
2. อัลลอฮฺคือใคร?
พระองค์คืออัลลอฮฺ ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ผู้ทรงอำนาจสูงสุด ผู้ทรงบริสุทธิ์ ผู้ทรงความศานติสุข ผู้ทรงคุ้มครอง ผู้ทรงเป็นพยาน ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงทรนง มหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮฺจากสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีต่อพระองค์
(59:23)
พระองค์คืออัลลอฮฺ ผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงให้บังเกิด ผู้ทรงทำให้เป็นรูปร่าง สำหรับพระองค์คือพระนามทั้งหลายอันสวยงามไพเราะ สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินต่างแซ่ซ้องสดุดีพระองค์และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจผู้ทรงปรีชาญาณ
(59:24)
แท้จริงข้าคืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้าและจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด เพื่อรำลึกถึงข้า
(20:14)
อัลลอฮฺ นั้น คือ ไม่มีผู้ที่เป็นที่เคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์เท่านั้น ผู้ทรงชีวิน ผู้ทรงบริหารกิจการทั้งหลาย โดยที่การง่วงนอนและการนอนหลับใด ๆ จะไม่เอาพระองค์(คือไม่ทรงมีคุณลักษณะเช่นนั้น) สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นของพระองค์ ไม่มีผู้ใดที่จะขอความช่วยเหลือให้แก่ผู้อื่น ณ ที่พระองค์ได้ นอกจากด้วยอนุมัติของพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงรู้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขา และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาและพวกเขาจะไม่รอบรู้สิ่งใดจากความรู้ของพระองค์ได้ นอกจากสิ่งที่พระองค์ประสงค์เท่านั้น อัลกุรสีย์พระองค์นั้นกว้างขวางทั่วชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและการรักษามันทั้งสองก็ไม่เป็นภาระหนักแก่พระองค์และพระองค์นั้นคือผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่ (โองการ 2:255 ถูกเรียกว่า อายัตตุลกรุซี)
(2:255)
พระองค์ทรงให้กลางคืนคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวัน (นั่นคือ ลดชั่วโมงกลางคืนมาเพิ่มชั่วโมงในตอนกลางวัน) และทรงให้กลางวันคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางคืน (นั่นคือ ลดชั่วโมงตอนกลางวันมาเพิ่มชั่วโมงในตอนกลางคืน) และทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์ (แก่มนุษย์) ทุกสิ่งโคจรไปตามวาระที่ได้กำหนดไว้ นั่นคือ อัลลอฮฺ พระเจ้าของพวกเจ้า อำนาจการปกครองทั้งมวลเป็นสิทธิ์ของพระองค์ และสิ่งที่พวกเจ้าวิงวอนขออื่นจากพระองค์นั้นพวกมันมิได้ครอบครองสิ่งใดแม้แต่เยื่อบางหุ้มเมล็ดอินทผลัม
(35:13)
อัลลอฮฺทรงยืนยันว่า แท้จริงไม่มีผู้ที่ควรได้รับการเคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์เท่านั้น และมะลาอิกะฮ์ และผู้มีความรู้ในฐานะดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมนั้น ก็ยืนยันด้วยว่าไม่มีผู้ที่ควรได้รับการเคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณเท่านั้น
(3:18)
แท้จริงอัลลอฮฺนั้นคือ พระเจ้าของฉัน และพระเจ้าของพวกท่าน ดังนั้น จงอิบาดะฮ์ต่อพระองค์เถิด นี้แหละคือทางอันเที่ยงตรง
(3:51)
3.ท่านคิดว่าอัลลอฮฺ สร้างท่านเพียงแค่เล่นๆ โดยไร้เป้าหมายกระนั้นหรือ?
สูเจ้าคิดว่าเราได้สร้างสูเจ้าเพื่อเล่นๆ (โดยไม่มีจุดประสงค์) และสูเจ้าจะไม่ถูกกลับมาหาเราหรือ?
(3:115)
4.อัลลอฮฺ สร้างมนุษย์เพื่ออะไร?
และข้า(อัลลอฮฺ) มิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่ออิบาดะฮฺ(เคารพภักดี)ต่อข้า(เพียงองค์เดียว)
(51:56)
5.อัลลอฮฺ ทรงบัญชาให้เราทำอะไร?
แท้จริงอัลลอฮฺทรงบัญชาพวกเจ้าให้มอบคืนบรรดาของฝากแก่เจ้าของของมัน และเมื่อพวกเจ้าตัดสินระหว่างผู้คน พวกเจ้าก็จะต้องตัดสินด้วยความยุติธรรม แท้จริงอัลลอฮฺทรงแนะนำพวกเจ้าด้วยสิ่งซึ่งดีจริง ๆ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินและทรงเห็น
(4:58)
จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)ว่าท่านทั้งหลายจงมากันเถิด ฉันจะอ่านให้ฟังสิ่งที่พระเจ้าของพวกท่านได้ห้ามไว้แก่พวกท่าน คือ พวกเจ้าอย่าให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ และจงทำดีต่อผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง และอย่าฆ่าลูกของพวกเจ้าเนื่องจาก(กลัว)ความจน เพราะเราเป็นผู้ให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าและแก่พวกเขา(ลูกๆ ของท่าน) และจงอย่าเข้าใกล้บรรดาสิ่งชั่วช้าทั้งที่เปิดเผยและที่ปกปิด และอย่าฆ่าชีวิตที่อัลลอฮฺ ทรงห้ามไว้ นอกจากด้วยสิทธิอันชอบธรรม(ตามหลักการอิสลาม) เท่านั้น นั่นแหละที่พระองค์ได้ทรงสั่งเสียมันไว้แก่พวกเจ้า เพื่อว่าพวกเจ้าจะใช้ปัญญา
(6:151)
6. เราจะค้นหาทางนำจากไหน?
1. ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
2. มวลการสรรเสริญ เป็นสิทธิของอัลลอฮฺ ผู้เป็นพระเจ้าแห่งสากลโลก (มนุษย์ ญิน และทุกสิ่งที่ดำรงอยู่)
3. ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
4. ผู้ทรงอภิสิทธิ์แห่งวันตอบแทน (คือวันปรโลก อันเป็นวันที่มนุษย์ฟื้นคืนชีพมาเพื่อรับการตอบแทนจากพฤติกรรมและการกระทำที่ก่อไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิต)
5. เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกข้าพระองค์เคารพภักดี และเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกข้าพระองค์ขอความช่วยเหลือ
6. ขอพระองค์ทรงชี้นำพวกข้าพระองค์ซึ่งแนวทางอันเที่ยงตรง
(1:1-6)
7.เราจะวิงวอนกับใครในช่วงเวลาเกิดความหายนะ?
ดังนั้นเมื่อพวกเขาขึ้นเรือ พวกเขาวิงวอนต่ออัลลอฮฺ เป็นผู้บริสุทธิ์ใจในการขอพรต่อพระองค์ ครั้นเมื่อพระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้ขึ้นบก แล้วพวกเขาก็ตั้งภาคีต่อพระองค์(โดยไม่ระลึกถึงความโปรดปรานของพระองค์ที่ทรงช่วยเหลือพวกเขาเมื่อยามอยู่ในทะเล) !!
(29:65)
และเมื่ออันตรายประสบกับมนุษย์เขาก็จะวิงวอนขอเราในสภาพนอนตะแคง หรือนั่ง หรือยืน ครั้นเมื่อเราปลดเปลื้องอันตรายของเขาให้พ้นจากเขาไปแล้ว เขาก็เมิน คล้ายกับว่าเขามิได้วิงวอนขอเราให้พ้นจากอันตรายที่ได้ประสบแก่เขา เช่นนั้นแหละ ถูกทำให้สวยงามแก่บรรดาผู้ละเมิดขอบเขตในสิ่งที่พวกเขากระทำ(คือพวกเขากระทำผิดเช่นนั้นโดยไม่รู้สึกรู้สาถึงความผิดแต่อย่างใดเลย)
(10:12)
8.เกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มชนยุคแรกๆ เมื่อพวกเขาไม่เชื่อฟังอัลลอฮฺ?
และแต่ละคนเราได้ลงโทษด้วยความผิดของเขา เช่น บางคนในหมู่พวกเขาเราได้ส่งลมพายุร้ายทำลายเขา และบางคนในหมู่พวกเขา เราได้ลงโทษเขาด้วยเสียงกัมปนาท และบางคนในหมู่พวกเขา เราได้ให้แผ่นดินสูบเขา และบางคนในหมู่พวกเขาเราได้ให้เขาจมน้ำตาย และอัลลอฮฺ มิได้ทรงอธรรมแก่พวกเขา แต่พวกเขาต่างหากที่อธรรมต่อพวกเขาเอง (หมายถึงพวกเขาเองที่เป็นสาเหตุให้อัลลอฮฺลงโทษเช่นนั้น)
(29:40)
9.อัลลอฮฺหรือที่ทรงปกปักษ์รักษาอัลกุรอานจากการฉ้อฉล?
แท้จริงเราได้ให้ข้อตักเตือน(นั่นคือ อัลกุรอาน)ลงมา และแท้จริงเราเป็นผู้รักษามันอย่างแน่นอน (จากการฉ้อฉล)
(15:9)
10.เราจำเป็นต้องเคารพภักดีต่อใคร?
แท้จริงข้าคืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้าและจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด เพื่อรำลึกถึงข้า
(20:14)
11.ศาสนาของอัลลอฮฺ คือศาสนาอะไร?
แท้จริงศาสนา ณ อัลลอฮฺ นั้นคือ อัลอิสลาม และบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์มิได้ขัดแย้งกันนอกจากหลังจากที่ได้รับความรู้มายังพวกเขาเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากความอิจฉาริษยาระหว่างพวกเขาเอง และผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่อบรรดาโองการของอัลลอฮฺแล้วไซร้ แน่นอนอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรวดเร็วในการชำระโทษ
(3:19)
12.ศาสนาอะไรที่อัลลอฮฺยอมรับ?
และผู้ใดแสวงหาศาสนาหนึ่งศาสนาใดอื่นจากอิสลามแล้ว ศาสนานั้นก็จะไม่ถูกรับจากเขาเป็นอันขาดและในปรโลกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน
(3:85)
13.อัลกุรอานมาจากไหน?
เช่นนั้นแหละ ที่อัลลอฮฺได้มีวะฮียฺ(วิวรณ์แห่งพระองค์)มายังเจ้า(มุฮัมมัด) และมายังบรรดา(ศาสนทูต)ก่อนหน้าเจ้า พระองค์อัลลอฮฺผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
(42:3)
อื่นจากอัลลอฮฺกระนั้นหรือที่ฉันจะแสวงหาผู้ชี้ขาดทั้ง ๆ ที่พระองค์เป็นผู้ทรงประทานคัมภีร์(อัลกุรอาน)ลงมาแก่พวกท่านในสภาพที่ถูกแจกแจงไว้อย่างละเอียด ? และบรรดาผู้ที่เราได้ให้คัมภีร์(เตารอตและอินญีล)แก่พวกเขานั้น พวกเขารู้ดีว่าแท้จริง(อัลกุรอาน)นั้นถูกประทานลงมาจากพระเจ้าของเจ้าด้วยความเป็นจริง ดังนั้น เจ้าอย่าได้อยู่ในหมู่ผู้สงสัยเป็นอันขาด
(6:114)
14.อัลลอฮฺ ส่งศาสนทูตมาทำไม?
และเรามิได้ส่งร่อซูล(ศาสนทูต)คนใดมานอกจากเพื่อให้เขาได้รับการเชื่อฟังด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ
(4:64)
15.เราต้องศรัทธาในศาสนทูตทุกคนไหม?
ร่อซูลนั้น(นบีมุฮัมมัด) ได้ศรัทธาต่อสิ่งที่ได้ถูกประทานลงมาแก่เขาจากพระเจ้าของเขา และมุอ์มิน(ผู้ศรัทธา)ทั้งหลายก็ศรัทธาด้วย ทุกคนศรัทธาต่ออัลลอฮฺและมลาอิกะฮฺ(เทวทูต)ของพระองค์ และบรรดาคัมภีร์ของพระองค์ และบรรดาศาสนทูตของพระองค์ (พวกเขากล่าวว่า) เราจะไม่แยกระหว่างท่านหนึ่งท่านใดจากบรรดาศาสนทูตของพระองค์ และพวกเขาได้กล่าวว่า เราได้ยินแล้ว และได้ปฏิบัติตามแล้ว การอภัยโทษจากพระองค์เท่านั้นที่พวกเราปรารถนา โอ้พระเจ้าของพวกเรา! และยังพระองค์นั้น คือ การกลับคืน
(2:285)
16.เกิดอะไรขึ้นกับคัมภีร์ต่างๆ ในยุคแรก?
จากบางคนในหมู่ผู้เป็นยิวนั้น พวกเขาบิดเบือนบรรดาถ้อยคำให้หันเหออกจากที่ของมัน(หมายถึงพวกเขาได้ดัดแปลงแก้ไขคัมภีร์ของพวกเขา) และพวกเขากล่าว(แก่ท่านศาสนทูตมุฮัมมัด)ว่า 'เราได้ฟังท่านแล้วและเราก็ได้ฝ่าฝืนคำสั่งของท่าน และท่านจงฟังโดยที่มิใช่เป็นผู้ได้ยิน(คือท่านจะไม่ได้ฟังสิ่งดีๆ จากเรา ทว่าท่านจะได้ฟังจากเราด้วยสิ่งที่ท่านไม่พึงประสงค์ หรือท่านจงฟังจากเราแต่เราจะไม่ฟังจากท่าน) และจงสดับฟังเรา' โดยการบิดลิ้นของพวกเขาและเพื่อใส่ร้ายในศาสนา และหากว่าพวกเขากล่าวว่า 'เราได้ยินกันแล้ว และได้เชื่อฟังกันแล้วและท่านจงฟังและมองดูเราเถิด' นั่นย่อมจะเป็นสิ่งดีกว่าแก่พวกเขาและเที่ยงตรงกว่า แต่ทว่าอัลลอฮฺ ได้ทรงละอฺนัตพวกเขา(คือสาปแช่งให้พ้นจากความเมตตาของพระองค์)เนื่องด้วยการปฏิเสธศรัทธาของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ศรัทธากัน นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
(4:46)
แต่เนื่องจากการที่พวกเขาทำลายสัญญาของพวกเขา เราจึงได้ให้พวกเขาห่างไกลจากความกรุณาเมตตาของเราและให้หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้าง พวกเขากระทำการบิดเบือนบรรดาถ้อยคำให้เฉออกจากตำแหน่งของมันและลืมส่วนหนึ่งจากสิ่งที่พวกเขาถูกเตือนไว้ และเจ้าก็ยังคงมองเห็นอยู่ในการคดโกงจากพวกเขานอกจากเพียงเล็กน้อยในหมู่พวกเขาเท่านั้น(ที่ไม่ประพฤติเช่นนั้น) จงอภัยให้แก่พวกเขาเถิดและเมินไปจากพวกเขาเสีย แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงชอบผู้ทำดีทั้งหลาย
(5:13)
แปล: มูฮัมหมัด อิบราฮิม
ที่มา: http://www.islamhouse.com/p/191210