วันแห่งการตัดสิน
  จำนวนคนเข้าชม  9411

 

วันแห่งการตัดสิน


เขียนโดย ท่านเชค มุหัมมัด อิบนุ ศอลิหฺ อัล-อุษัยมีน


พี่น้องทั้งหลาย !

        ขอจงยำเกรงต่ออัลลอฮฺองค์อภิบาลผู้สูงส่งเถิด ! ได้โปรดคิดไตร่ตรองถึงเรื่องราวในโลกนี้และโลกหน้า คิดถึงชีวิตและความตายของพวกท่าน คิดถึงปัจจุบันและอนาคต

         ลองนึกถึงเรื่องราวของผู้คนที่มีชีวิตอยู่ก่อนหน้าพวกท่านทั้งในยุคก่อนและยุคหลัง เรื่องราวของพวกเขามีบทเรียนสำหรับบรรดาผู้มีวิจารณญาณ พวกเขาเหล่านั้นเคยสร้างความรุ่งโรจน์ให้กับโลกใบนี้ทั้งยังครอบครองทรัพย์สินมหาศาลและมีลูกหลานมากมาย มีอำนาจและความรุ่งเรืองมากกว่าเราหลายเท่านัก กระนั้นวันเวลาก็ได้พาพวกเขาไป เสมือนหนึ่งว่าพวกเขาไม่เคยมีอยู่ในความเป็นจริงนี้

เรื่องราวของพวกเขาได้กลายเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าขานไปแล้ว !

         พวกท่านก็จะเดินไปสู่เส้นทางแห่งนั้นเหมือนบรรพบุรุษของท่านเช่นกัน พวกท่านเองจะกลายเป็นเหมือนผู้คนเหล่านั้น จะย้ายถิ่นฐานจากโลก จากวิมานอันสดสวยสู่หลุมฝังศพอันมืดมิด พวกท่านจะได้อยู่เพียงลำพังหลังจากที่เคยอยู่กับญาติมิตรด้วยความสุข พวกท่านจะอยู่อย่างเดียวดายกับผลงานที่เคยทำเอาไว้ ถ้าดีก็ดี ถ้าชั่วก็ชั่ว ตราบกระทั่งวันแห่งการฟื้นคืนชีพมาถึง เมื่อนั้นแตรจะถูกเป่า มวลมนุษย์จะฟื้นขึ้นจากหลุมศพของพวกเขาเพื่อเดินทางสู่พระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล ด้วยเท้าเปล่าที่ไม่มีรองเท้าสวมใส่ ด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าปราศจากเสื้อผ้าอาภรณ์ ด้วยลักษณะดั้งเดิมโดยไม่ได้ขลิบอวัยวะเพศ

ท่านศาสนทูต  เคยเล่าเรื่องนี้ให้ท่านหญิงอาอิชะฮฺ  ได้ฟัง นางถามว่า ผู้ชายและผู้หญิงทั้งหลายจะมองไปมาระหว่างพวกเขาเช่นนั้นหรือ?

ท่านศาสนทูต  ตอบไปว่า เรื่องราวอื่นมันโกลาหลกว่าที่ชายจะมองหญิง หรือหญิงจะมองชาย มันใหญ่หลวงกว่าที่ผู้เป็นแม่จะถามหาลูกของตัวเอง หรือผู้เป็นลูกจะซักถามถึงบุพการี !

 

“ดังนั้นเมื่อใดที่แตรถูกเป่า เมื่อนั้นจะไม่มีการนับญาติระหว่างพวกเขา และจะไม่มีการซักถามระหว่างกัน”

(อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-มุอฺมินูน : 101)

“แท้จริงความวุ่นวายโกลาหลในเวลานั้น เป็นสิ่งที่ใหญ่หลวงนัก วันที่พวกเจ้าจะได้เห็นว่า แม่ทุกคนที่กำลังให้นมลูกจะละเลยจากลูกของนาง

และผู้ที่กำลังตั้งท้องจะแท้งลูกออกมา เจ้าจะได้เห็นผู้คนมึนเมาทั้งๆ ที่มิได้เสพของมึนเมา หากแต่เป็นเพราะการลงโทษของอัลลอฮฺนั้นช่างหนักหน่วงนัก”

(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัล-หัจญ์ : 1-2)

         ณ ที่นั้น หัวใจทั้งหลายจะตื่นตระหนก สายตาทั้งมวลจะมองลงต่ำ...ณ ที่นั้นจะมีการแจกจ่ายสมุดอันเป็นหน้าบันทึกแห่งการงานผู้ศรัทธาจะรับมันด้วยมือขวา ผู้ปฏิเสธศรัทธาจะรับมันด้วยมือซ้ายและรับจากด้านหลังของเขา....ผู้คนที่รับด้วยมือขวาจะกล่าวด้วยความปีติยินดีว่า

“นี่อย่างไรเล่าบันทึกของฉัน พวกท่านจงอ่านมันเถิด”

(อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-ห๊ากเกาะฮฺ : 19)

และผู้ที่รับมันด้วยมือซ้ายจะพูดออกมาด้วยความโศกเศร้าเสียใจประหนึ่งทุกข์สาหัสว่า“โอ้ หากแม้นว่าฉันไม่ถูกยื่นให้รับบันทึกนี้เสีย”

(อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-ห๊ากเกาะฮฺ : 25)

และเขาก็จะสบถถึงแต่ความหายนะ ! ณ ที่นั้น ตราชูจะถูกนำมาแขวนไว้ การกระทำทั้งหมดของมวลมนุษย์จะถูกนำมาตรวจชั่งดูความดี

“ผู้ใดที่ทำดีหนักเท่าผงธุลีเขาย่อมจะได้เห็นมัน และผู้ใดที่ทำชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็ย่อมจะได้เห็นมัน”

(อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัซ-ซัลซะละฮฺ : 7-8)

“และเรา(อัลลอฮฺ)จะนำตาชั่งแห่งความสัจมาตั้งไว้สำหรับวันกิยามะฮฺ ชีวิตหนึ่งชีวิตใดจะไม่ถูกกระทำโดยไม่เป็นธรรม แม้เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเลย

ถึงแม้มันจะหนักเท่าเมล็ดผักเม็ดหนึ่งก็ตาม เราก็จะนำมันมา และเพียงพอแล้วกับเราที่จะเป็นผู้คิดบัญชี”

(อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-อันบิยาอฺ : 47)

         ในวันนั้น มนุษย์ทั้งหลายต่างก็ปั่นป่วน ต่างก็พบกับความหวาดกลัวและความทุกข์ที่ไม่อาจแบกไว้ได้ พวกเขาจะถามกันไปมาว่า“เหตุใดพวกท่านจึงไม่มองหาคนช่วยต่อหน้าองค์อภิบาลเล่า ?”

         แล้วพวกเขาก็จะเข้าไปหาศาสนทูตอาดัม ศาสนทูตนูหฺ(โนอาห์) ศาสนทูตอิบรอฮีม(อับราฮัม) และศาสนทูตมูซา(โมเสส)   แต่ทั้งหมดก็บอกปัดไปด้วยสุดวิสัยที่จะให้ความช่วยเหลือแล้วพวกเขาก็จะเข้าไปหาศาสนทูตอีซา(เยซู)เพื่อขอความช่วยเหลือ

ท่านกล่าวตอบแก่พวกเขาว่า “ฉันเองไม่มีสิทธินั้นดอก แต่พวกท่านจงไปหามุหัมมัดเถิด เขาเป็นบ่าวที่อัลลอฮฺทรงอภัยโทษทั้งในสิ่งที่มาก่อนและสิ่งที่มาหลัง”

ดังนั้นพวกเขาจึงพากันไปหาศาสนทูตมุหัมมัด ท่านได้กล่าวด้วยความภาคภูมิใจในความโปรดปรานที่พระองค์อัลลอฮฺทรงประทานให้ “ฉันเป็นคนที่ได้รับสิทธินั้น”

         แล้วท่านก็วอนขอจากอัลลอฮฺให้ทรงอนุญาตและได้ทิ้งตัวลงกราบสุญูดต่อพระองค์ องค์ผู้อภิบาลทรงดลใจให้ท่านกล่าวคำสรรเสริญสดุดีและยกย่องพระองค์ด้วยคำกล่าวที่พระองค์ไม่เคยดลใจให้กับผู้ใดมาก่อน พระองค์ทรงปล่อยให้ท่านกราบสุญูดเช่นนั้นเท่าที่พระองค์ทรงพอใจ

แล้วพระองค์ก็กล่าวแก่ท่านว่า “จงเงยหน้าขึ้นเถิด จงพูดมาเถิดเจ้าจะถูกรับฟัง จงขอให้ช่วยเถิดเจ้าได้รับอนุญาตให้ช่วย จงร้องขอเถิดเจ้าจะได้รับในสิ่งที่ขอ”

         ในวันนั้น พระองค์อัลลอฮฺจะทรงลงมาเพื่อทำการพิพากษาระหว่างบ่าวของพระองค์ และจะทรงสอบสวนการงานของพวกเขา พระองค์จะทรงอยู่กับบ่าวมุอฺมินของพระองค์โดยลำพัง พระองค์จะปิดม่านของพระองค์ให้เขาและพูดกับเขาโดยปราศจากล่าม พระองค์จะทรงพูดถึงบาปกรรมต่างๆ ที่เขาได้กระทำ จนเขาสารภาพและยอมรับ  แล้วพระองค์ก็แสดงความประเสริฐของพระองค์ด้วยการกล่าวแก่เขาว่า

“แท้จริงข้าได้ปกปิดความผิดต่างๆของเจ้าเมื่อยามที่เจ้ามีชีวิตอยู่บนโลก และข้าจะให้อภัยโทษในความผิดต่างๆเหล่านั้นแก่เจ้าในวันนี้”

         ในวันนั้น มีสระน้ำใหญ่ที่เตรียมไว้สำหรับศาสนทูตมุหัมมัดน้ำในสระขาวบริสุทธิ์ยิ่งกว่าสีของนม หวานฉ่ำยิ่งกว่าน้ำผึ้ง และหอมยิ่งกว่ากลิ่นของมิสกฺ (Musk น้ำหอมที่สกัดมาจากต่อม-สะดือ-ที่อยู่ใต้ท้องของชะมดเชียง Musk-deer ตัวผู้)ความยาวของสระต้องใช้เวลาเดินทางถึงหนึ่งเดือน ความกว้างของมันก็เช่นเดียวกัน ขันตักน้ำในนั้นมีมากมายสวยงามเป็นประกายเจิดจรัสประหนึ่งหมู่ดาวที่ส่องแสงบนท้องฟ้า ไม่มีผู้ใดมีสิทธิไปถึงยังสระน้ำนั้น นอกจากบรรดามุอฺมินผู้ศรัทธาต่อท่านศาสนทูตมุหัมมัดและปฏิบัติตามซุนนะฮฺของท่านเท่านั้น ผู้ใดได้ดื่มน้ำนั้นเพียงครั้งเดียว เขาจะไม่รู้สึกกระหายอีกตลอดกาล และบุคคลแรกที่จะได้ดื่มน้ำนั้นคือบรรดาคนยากจนจากชาวมุหาญิรีน(ผู้อพยพจากนครมักกะฮฺสู่นครมะดีนะฮฺ)

         ในวันนั้น ดวงอาทิตย์จะเข้าใกล้สรรพสิ่งจนห่างจากศรีษะเพียงไม่กี่ไมล์เท่านั้น (อัลลอฮฺเท่านั้นที่รู้ว่ามันเป็นเช่นไร) มนุษย์ทั้งมวลจะคลุกอยู่ในเหงื่อไคลของเขาในสภาพเท่าความดีที่เขาได้ปฏิบัติไว้ บางคนเหงื่อจะท่วมถึงข้อเท้า บ้างก็ท่วมถึงหัวเข่า บ้างก็ท่วมถึงบั้นเอว และบางคนเหงื่อของเขาจะท่วมจนมิดหัว ! และในวันนั้นพระองค์อัลลอฮฺจะทรงให้ร่มเงาแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ซึ่งเป็นวันที่ไม่มีร่มเงาใดๆ นอกจากร่มเงาของพระองค์เพียงที่เดียวเท่านั้น

ในวันนั้นอัลลอฮฺจะกล่าวแก่ศาสนทูตอาดัมว่า “อาดัมเอ๋ย!”

อาดัมกล่าวว่า “ขอน้อมรับบัญชาของพระองค์ และความจำเริญของพระองค์ และความประเสริฐต่างๆอยู่ในหัตถ์แห่งพระองค์”

พระองค์กล่าวว่า “จงนำลูกหลานของเจ้าที่เป็นชาวนรกออกมา”

อาดัมถามพระองค์ต่อไปว่า “จำนวนเท่าไหร่กัน?“

พระองค์ตรัสว่า “เก้าร้อยเก้าสิบเก้าคนจากทุก ๆ หนึ่งพันคน” เมื่อได้ยินดังนั้น แม้เด็กๆ ต่างก็กลายเป็นคนผมหงอกไปสิ้น !

 

         ณ วันนั้น สะพานจะถูกวางทอดบนนรกญะฮันนัม ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเส้นผม และคมยิ่งกว่าคมมีด(อัลลอฮฺเท่านั้นที่รู้ว่ามันเป็นเช่นไร) พร้อมทั้งจะถูกส่งอะมานะฮฺ(ความซื่อสัตย์รับผิดชอบ)และความสัมพันธ์เครือญาติให้อยู่ด้านซ้ายและขวาของสะพาน มวลมนุษย์จะเดินผ่านสะพานนั้นในสภาพตามที่พวกเขามีความดีอยู่กับตัว บางคนจะเดินผ่านอย่างรวดเร็วเพียงพริบตาเดียว บางคนเดินผ่านเสมือนแสงฟ้าแลบ บางคนจะเดินผ่านด้วยการคืบคลาน ... ในขณะที่ศาสนทูตมุหัมมัด  จะ ยืนอยู่บนสะพานพร้อมกับกล่าววิงวอนต่ออัลลอฮฺว่า

“โอ้องค์อภิบาลของฉัน ได้โปรดประทานความปลอดภัยด้วยเถิด ... ได้โปรดประทานความปลอดภัยด้วยเถิด”

         รอบๆสะพานทั้งซ้ายขวาจะมีตะขอมากมายถูกแขวนไว้เพื่อคอยเกี่ยวผู้ที่ถูกสั่งให้เกี่ยวลงในไฟนรก จะมีทั้งผู้ที่โดนเพียงแค่ข่วนและปลอดภัยจากไฟนรก และมีผู้ที่ถูกเกี่ยวรวบจนตกลงไปในนรกนั้น ในวันนั้นมนุษย์จะแยกออกเป็นสองจำพวก พวกหนึ่งจะอยู่ ในสวนสวรรค์ และอีกพวกหนึ่งจะอยู่ในนรก

“และในวันที่เวลานั้นเกิดขึ้น ในวันนั้นพวกเขาจะแยกออกจากกัน บรรดาผู้ศรัทธาและประกอบความดี พวกเขาจะอยู่ในสวนสวรรค์ด้วยความยินดีและเปี่ยมสุข

ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและไม่ยอมเชื่อต่อสัญญาณทั้งหลายของเรา และไม่เชื่อว่าต้องเจอกับวันปรโลก คนเหล่านั้นจะอยู่ในการลงโทษตลอดกาล”

(อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัร-รูม : 14-16)

        ดังนั้น บรรดาบ่าวของพระองค์ทั้งหลาย พวกท่านจงยำเกรงต่ออัลลอฮฺเถิด ! จงใช้วันนี้เพื่อตระเตรียมสัมภาระ เพราะชะตากรรมของพวกท่านจะต้องมาถึงอย่างแน่แท้

          วันแห่งสัญญาก็ไม่เป็นที่สงสัยอีกว่าจะต้องมาถึง และแท้จริงในความยิ่งใหญ่ ความปั่นป่วนและความหวาดกลัวในวันนั้น สำหรับบรรดามุอฺมินผู้ศรัทธามั่นแล้วจะกลายเป็นสิ่งที่สะดวกสบาย เพราะ อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ว่า

“และในวันนั้นเป็นวันที่ยากลำบาก สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา”

(อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-ฟุรกอน : 26)

 

จงศรัทธามั่นต่ออัลลอฮฺ และพึงทราบเถิดว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวของพวกเจ้า   จึงพึงสังวรเถิด!

          โอ้ ...องค์ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน ผู้รอบรู้ในสิ่งที่ปกปิดและที่ประจักษ์ชัด เราขอวิงวอนด้วยการปฏิญาณว่า พระองค์นั้นคือพระเจ้าที่ไม่มีพระเจ้าอื่นใดควรแก่การต้องเคารพภักดีอีกแล้วนอกจากพระองค์ ผู้ทรงเอกา ทรงควบคุมทุกสิ่ง ไม่ทรงมีบุตรและไม่ได้ถูกให้กำเนิด และไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน

โอ้ ...ผู้ทรงยิ่งด้วยความสูงส่งและเกียรติคุณ

โอ้ ...ผู้ทรงยิ่งด้วยชีวิตและอำนาจควบคุม

ขอพระองค์ทรงผ่อนเบาแก่เราซึ่งความน่ากลัวในวันนั้น ขอพระองค์ให้เราได้อยู่ในหมู่ผู้มีความผาสุก และขอพระองค์พาเราไปพร้อมๆ กับบรรดาผู้มีคุณธรรมทั้งหลายด้วยเถิด อามีน.

 

แปลโดย : ซุฟอัม อุษมาน / islamhouse.com