มัวเมา
  จำนวนคนเข้าชม  6064

มัวเมา


โดย... การีม


          เมา คือลักษณะหนึ่งของอาการวิปริตทางประสาท โดยทั่ว ๆ ไปเมื่อพูดถึงคำว่าเมา ก็ย่อมหมายถึงอาการวิปริตของผู้เสพของมึนเมา เช่น ดื่มเหล้า สูบกัญชา หรือที่กำลังฮิตกันอยู่ในรูปของการฉีด การสูดดม


          คนเมามักไม่รู้ตัวว่า เมา ปากกล้า ใจสู้ มุทะลุ ขาดความระมัดระวัง บางรายตกลงไปในกะลังซักผ้าก็ขึ้นไม่ได้ ร้องโอดโอยโวยวายให้คนอื่นช่วยเหลือ บางรายตกท้องร่องที่มีน้ำแค่ตาตุ่มก็ตะเกียกตะกายขึ้นไม่ได้ กล้าในสิ่งที่ไม่ควรกล้า ขลาดในสิ่งที่ไม่น่ากลัว สรุปแล้ว พอเมาซะอย่างก็ไม่มีดีเลย


          คนเมาได้อวสานกันแค่เมา เพราะความเมานี่มันทำได้ทุกอย่าง ผิดประเวณี ฆ่าคนตายเรื่องเล็กมาก.... ในวงเมา ๆ จะไม่รู้จักว่า ใครพ่อใครลูก ใครพี่ใครน้อง ใครครูใครศิษย์ ใครนายใครลูกจ้าง

          ทุกศาสนาได้ห้ามของมึนเมา ๆ แต่ผู้ยึดถือบางศาสนา หรือบางคนกลับมีค่านิยมกันว่า ดื่มของเมาเป็นการให้เกียรติ ดื่มของเมาเป็นการเชื่อมไมตรี มีงานเลี้ยงงานฉลองเมื่อไหร่ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือของเมา


          ดังกล่าวทั้งหมดนี้ คือการเมาที่แผลงออกมาจาก การดื่ม การฉีด การสูบ แต่มีการเมาอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่ต้องดื่ม ไม่ต้องฉีด ไม่ต้องสูบ นั่นคือ เมาอำนาจ เมาพรรคพวก เมาเงินทอง เมาความรู้ เมาตระกูล เมาเกียรติ เมาความงาม ตลอดจนเมาผัว เมาเมีย เมาลูก อาการเมาอย่างนี้เมากันไม่รู้จักสร่าง พูดง่าย ๆ ว่า สร่างยาก ฤทธิ์มันแรง อย่างนี้ใช่ว่าเมาเพราะมีมันประดับอยู่เสมอไปก็หาไม่ หากแต่มีในลักษณะอาศัยเมาด้วยก็ถมไปด้วย มันเป็นเรื่องแปลก

          คนเราเวลาเมาแล้ว ไม่ว่าจะเมาในรูปแบบใด หมดโอกาสที่จะได้รับความหวานซึ้งในการละหมาด ละหมาดของเขาคลุกอยู่กับความชั่ว เป็นละหมาดที่มีแต่เรือนร่างแต่ไม่มีวิญญาณ ก่อนละหมาดก็เมา พอเข้าละหมาดบางรายถึงกับดับเบิ้ลเมาก็มี


          เราเป็นมุสลิม เราต้องรู้ว่าเรามาจากไหน มาทำไม แล้วเราจะไปไหน ทำตนให้เป็นไปตามคำตอบที่อิสลามสอนไว้ ก็จะรู้ว่าเราอยู่ในฐานะอะไร ควรวางตัวและจะทำอย่างไรจึงจะบรรลุสู่คำตอบอันแท้จริงที่อิสลามเสนอไว้

          เรื่องของความมัวเมาในรูปแบบหลังนี้ มันมีอยู่ในอุปสันดานของมนุษย์ทุกคน จึงมีความสำคัญอยู่ที่ว่า ใครจะขจัดมันได้มากกว่ากัน ผู้ที่มีชัยชนะในศาสนาอิสลาม ไม่ใช่ผู้หนีสิ่งแวดล้อมที่ยั่วยุ หรือส่งเสริมให้เมาหนีไปอยู่เสียที่อื่น หากแต่ต้องเป็นผู้ยืนผงาดท้าทายสิ่งยั่วยุเหล่านั้น โดยไม่แตะต้องมัน ไม่เป็นทาสของมัน ปิดเส้นทางที่ซาตานจะเข้าไปชำเราหัวใจโดยการเหยียบมันไว้ จะหนีมันไปไหนในเมื่อมันอยู่ในเส้นเลือด มันอยู่ในทุก ๆ ตัวบุคคล จะตัวใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับอำนาจของมัน


          มนุษย์เราคือความเป็นกลางระหว่างมลาอีกะห์ และ ซาตาน ผู้ที่ได้รับคำตอบอันถูกต้องจากคำถามที่ว่า เราต้องรู้ว่าเรามาจากไหน ? มาทำไม ? แล้วเราจะไปไหน ? ดังกล่าวมาแล้วเท่านั้น ที่จะได้มลาอีกะห์มาเป็นแนวร่วม หากมิฉะนั้นแล้วซาตาน ก็คือ แนวร่วมที่จะนำพาไปสู่ความมัวเมานั่นเอง

 

 “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ท่านทั้งหลายอย่าเข้าใกล้ละหมาด ในสภาพที่ท่านทั้งหลายเมา จนกว่าท่านทั้งหลาย จะรู้ในสิ่งที่ท่านทั้งหลายพูด”

 

ซูเราะห์ อันนิซาอ์ โองการที่ ๔๓

 

จาก....รร.ท่าอิฐ