จุฬาราชมนตรีชี้ทางดับ"ไฟใต้"
**หมายเหตุ : นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี นำคณะกรรมการอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าเยี่ยมชมศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
วันนี้ผมมีความยินดีอย่างยิ่ง ที่มาร่วมกับท่านทั้งหลาย มาแสดงความยินดี ชื่นชมต่อท่านเลขาธิการศอ.บต. และมาให้กำลังใจท่านในฐานะที่ท่านตั้งใจทำงาน และขอชื่นชมแนวคิดของท่านที่จะเข้ามาแก้ไขพื้นที่ภาคใต้ของเรา
ผมเดินทางมาถึงสี่แยกบ่อทอง เห็นป้ายที่ท่านเขียนไว้ว่า พร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ผมรู้สึกชื่นใจครับ ทำให้นึกถึงประวัติศาสตร์ ผมเป็นคนเรียนปอเนาะ แต่ก็ชอบอ่านประวัติศาสตร์ข้างนอก
ในสมัยที่มองโกลโดยเจงกิสข่านยกทัพเข้าไปยึดแบกแดดนั้น มีการต่อต้านการปกครองเพราะมองโกลไม่ใช่มุสลิม แต่เข้ามาปกครองมุสลิมในแบกแดด ซึ่งเป็นยุคทองของอิสลามในสมัยนั้น มีการต่อต้านอำนาจรัฐอย่างมากมาย ตนกูลากู ซึ่งเป็นหลานของเจงกิสข่านปกครองแบกแดดอยู่ ได้เรียกประชุมอุลามะอฺ (นักปราชญ์มุสลิม) และถามอุลามะอฺทั้งหลายว่า เราชาวมองโกลไม่ใช่มุสลิม แต่มาปกครองพวกท่านด้วยความยุติธรรม ท่านจะเลือกผู้ปกครองที่มีความเป็นธรรมหรือท่านจะเลือกผู้ปกครองที่เป็นมุสลิม
ปรากฏว่าอุลามะอฺทั้งหมดนั้นพากันนิ่งเงียบและขอเวลาไปประชุมนอกรอบเป็นเวลา 1 คืน รุ่งขึ้นก็มีอุลามะอฺท่านหนึ่งชื่ออิบนุฏอฆุส บอกว่าหัวใจของการปกครองคือความเป็นธรรม เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่เข้ามาปกครองและให้ความเป็นธรรม นั่นแหละคือสิ่งที่เราต้องการ ทำให้การต่อต้านอำนาจรัฐลดหย่อนลง
ผมคิดว่าท่านเลขา ศอ.บต.กำลังนำความเป็นธรรมมาสถาปนาให้เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ของเรา พี่น้องบางกลุ่มบางสถานที่ได้ถูกกระทำมาเป็นระยะเวลานานนั้นก็จะได้รับความเป็นธรรมกลับคืนมา และจะทำให้ความสงบร่มเย็นเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา
ผมอยากเรียนว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ของเรานั้นได้ส่งผลไปถึงภาคเหนือ ผมได้เดินทางไปภาคเหนือ ไปเชียงใหม่ เชียงราย มีพื้นที่หนึ่งพี่น้องมุสลิมจะไปสร้างมัสยิดในพื้นที่ชุมชนชาวพุทธ ปรากฏว่าชาวพุทธไม่ยอม เขากลัว ผมนำมาเล่าให้ฟังเพื่อต้องการให้เห็นว่าเรื่องสะเทือนในภาคใต้ ได้ส่งผลให้เกิดความหวาดกลัวในพื้นที่ภาคเหนือซึ่งมีชุมชนมุสลิมชาวจีนเป็นชนส่วนน้อยอยู่ คือลัทธิอิสลาโมโฟเบีย (กระแสความเกลียดชังอิสลาม) ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยของเรา
โรคเกลียดชังอิสลามในยุโรปกำลังจะลามเข้ามาในประเทศไทยของเรา เพราะฉะนั้นเราชาวมุสลิมจะต้องแก้ไขปัญหา สร้างภาพลักษณ์ที่ดีงาม ให้สังคมมีความเข้าใจอิสลาม
ในอิสลามมีองค์ประกอบอยู่ 3 หลัก คือ อีมาน อิสลาม และเอี๊ยะซาน เราค่อนข้างจะหย่อนยานในเรื่องของเอี๊ยะซาน คือ การมีคุณธรรม มีจิตเมตตาต่อผู้อื่น มีไมตรีจิตต่อผู้อื่นนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ในเรื่องมารยาท เราหย่อนยานเรื่องนี้กันมาก เราต้องสร้างบุคลิกความเป็นมุสลิมว่าเป็นอย่างไร จึงจะทำให้พี่น้องในประเทศไทยเข้าใจความเป็นอิสลามมากขึ้น
ชาวมองโกลที่ยึดแบกแดด ปกครองแบกแดดนั้นในที่สุดเขารับอิสลามก็เพราะการมีเอี๊ยะซาน (มีไมตรีจิต) ของชาวมุสลิมในแบกแดด จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ไปดู ในเอเชียกลางทุกประเทศไม่ว่าจะเป็นในอุซเบกิสถานก็ดี หรือประเทศอื่นก็ดี เป็นมุสลิมทั้งนั้น ประเทศเล็ก ประเทศน้อยที่อยู่ในอาณาจักรโซเวียต สมัยโบราณเมื่อ 30-40 ปีก่อน วันนี้เป็นมุสลิมทั้งนั้น มุสลิมเหล่านี้ได้หลั่งไหลเข้าไปทางตอนเหนือของประเทศจีน ในมณฑลซินเกียง ตามพื้นที่ต่างๆ ก็เพราะการมีเอี๊ยะซาน การมีไมตรีจิตของคนมุสลิม เพราะฉะนั้นเราต้องแสดงความเป็นไมตรี จิตต่อคนอื่นให้มากขึ้น เพราะอิสลามสอนให้เรามีเมตตาต่อผู้อื่น
ผมขอฝากว่าพวกเราในฐานะผู้นำ เราต้องปลูกฝังการมีไมตรีจิตต่อผู้อื่นให้มากขึ้น เพื่อให้คนรักอิสลาม เข้าใจอิสลามมากขึ้น เหมือนกับกัลยาณชนได้กระทำไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ ไม่มีใครทำได้นอกจากพวกท่านที่เป็นผู้นำศาสนา
เลขาฯ ศอ.บต.บอกว่ายาเสพติดกลัวศาสนา ถูกต้องแล้ว ยาเสพติดเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของบ้านเราในวันนี้ และเป็นภารกิจของพวกเราที่ต้องช่วยกันดูแล เพราะยาเสพติดทำลายความเป็นมนุษย์ เราเป็นมนุษย์อยู่ได้เพราะรู้จักคิด แต่ยาเสพติดทำให้คนไม่รู้จักคิดนี่คือการทำลายความเป็นมนุษย์ เป็นการทำลายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หากว่ามีปัญหายาเสพติดอยู่ไม่ต้องพูดถึงปัญหาอื่นๆ เราทำอะไรไม่ได้ถ้าเด็กติดยา ถ้าลูกหลานของเราติดยาอย่าโยนภาระให้กับราชการ ราชการแก้ไม่ได้หรอกครับ ลูกอยู่กับเราทุกวัน อยู่กับเราทุกคืน คนที่จะแก้ปัญหาลูกหลานได้คือพ่อแม่ผู้ปกครอง
ดังนั้น ผู้นำศาสนาจึงต้องสร้างความตระหนักให้แก่ชุมชน ไม่ใช่อิหม่ามทำหน้าที่นำละหมาดอย่างเดียว ต้องสร้างความตระหนักแก่ชุมชน มีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน
เราต้องยกระดับมัสยิดขึ้นมาให้เป็นองค์กรที่มีศักยภาพในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนด้วย โดยเฉพาะปัญหาของยาเสพติด ก็คงต้องขอชื่นชมและให้กำลังใจเลขาธิการ ศอ.บต. พวกเราจะเป็นกำลังใจให้ท่านในการทำงาน เราต้องให้ความร่วมมือกับท่าน
ในราชวงศ์อุมัยยะฮ์ มีอามีรุ้ลมุอฺมีนีน (ผู้ปกครอง) อีกท่านหนึ่ง คือ ท่านอุมัร บิน อับดุลอาซิซ เป็นผู้ปกครองที่มีความเป็นธรรมสูงสุดในราชวงศ์อุมัยยะฮ์ มีผู้ปกครองหัวเมืองท่านหนึ่งเสนอให้ท่านสร้างกำแพงกั้นไปถึงตอนเหนือของแอฟริกา เพราะกลัวจักรพรรดิโรมันในสมัยนั้นซึ่งกำลังเรืองอำนาจ แผ่เข้ามาโจมตีโลกอิสลาม จึงจำเป็นต้องสร้างกำแพงกั้นระหว่างพรมแดน
ท่านอุมัรบอกว่าท่านกำลังคิดการใหญ่ ท่านจะเอางบประมาณที่ไหนมาทำ จะเอาคนที่ไหนมาทำเพราะพรมแดนยาวมาก แต่สิ่งที่ท่านต้องทำก็คือ การสร้างกำแพงขึ้นในหัวใจของประชาชน และการให้ความเป็นธรรมกับประชาชน และประชาชนจะลุกขึ้นมาเป็นกำแพงให้กับประเทศชาติเอง