การรู้คุณต่ออัลลอฮฺ
เขียนโดย อะฟีฟ อับดุลฟัตตาฮฺ ฏ็อบบาเราะฮฺ
บรรดานักวิชาการ ได้ให้คำนิยามของคำว่า “อัชชุกรุ” ว่า ความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ได้ปรากฏออกมาทางคำพูดของมนุษย์ ด้วยการสรรเสริญพระองค์ และยอมรับ หัวใจยืนยัน อวัยวะทุกส่วนของร่างกายแสดงออกอย่างสัมพันธ์กัน
ผู้รู้คุณนั้น เราจะรู้จักเขาได้โดยการที่เขาพูดออกมายอมรับในความโปรดปรานของพระองค์ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรักอัลลอฮฺ ยืนยันในความโปรดปรานและความดีของพระองค์ อวัยวะทุกส่วนของเขาแสดงออกถึงความภักดีต่ออัลลอฮฺ และปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์
ด้วยเหตุนี้จึงถือว่า การกตัญญูรู้คุณนั้น ทราบได้โดยการแสดงออกมาในรูปการเคารพภักดี ซึ่งอัลกุรอานได้ระบุว่า
“บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงบริโภคสิ่งที่ดีๆ ทั้งหลายที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า และจงขอบคุณอัลลอฮฺเถิด
เพราะพระองค์เท่านั้น ที่พวกเจ้าจำเป็นต้องเคารพภักดี”
(ซูเราะฮฺอัลบะกอเราะฮฺ อายะฮฺที่ 172)
คำว่า “อัชชุกรุ” (การกตัญญูรู้คุณ) เป็นคำที่มีความหมายกว้าง ประมวลไว้ด้วยความดีนานับประการ ดังนั้น
♦ คนที่ไม่รักอัลลอฮฺ หัวใจของเขาไม่รับความโปรดปรานของพระองค์ ก็ไม่ถือว่าเป็นผู้กตัญญูรู้คุณ
♦ คนที่ไม่สรรเสริญพระองค์ และจมปลักอยู่ในความชั่ว ปากก็พูดแต่สิ่งไร้สาระ ก็ไม่ถือว่าเป็นผู้กตัญญูรู้คุณ
♦ คนที่อัลลอฮฺ ประทานวิชาความรู้มาให้ แต่เขาไม่ปฏิบัติตาม ไม่ยอมเอาวิชาความรู้นั้นไปสอนผู้อื่น ก็ไม่ถือว่าเป็นผู้กตัญญูรู้คุณ
♦ คนที่อัลลอฮฺประทานความร่ำรวยมาให้มากมาย แต่ไม่ได้เอาทรัพย์สินบางส่วนบริจาคไปในหนทางของอัลลอฮฺ ไม่ช่วยเหลือในเรื่องที่ดีมีประโยชน์ แต่กลับเอาไปใช้จ่ายในกิจการที่ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ ไม่ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้กตัญญูรู้คุณ
ด้วยเหตุนี้ อัลลอฮฺจึงเรียกร้องให้เป็นผู้กตัญญูรู้คุณไว้ในหลายอายะฮฺด้วยกัน อัลลอฮฺ ตรัสไว้ในซูเราะฮฺอัซซุมัรฺ อายะฮฺที่ 66 ว่า
“แต่ทว่า อัลลอฮฺ เจ้าจงเคารพภักดี และจงเป็นคนหนึ่งจากบรรดาผู้ที่กตัญญูรู้คุณเถิด”
อัลลอฮฺ ได้ยกย่องนบีอิบรอฮีม อันเนื่องจากเป็นผู้กตัญญูรู้คุณว่า
“แท้จริง อิบรอฮีมนั้นเป็นแบบอย่างอันดีเลิศ เป็นผู้ภักดีต่ออัลลอฮฺ เป็นผู้เที่ยงธรรม และเขามิได้อยู่ในหมู่ผู้ตั้งภาคี
เป็นผู้กตัญญูรู้คุณต่อความโปรดปรานของพระองค์ พระองค์ทรงเลือกเขา และทรงชี้ทางนำแก่เขาสู่แนวทางที่เที่ยงตรง
และเราได้ให้ความดีแก่เขาในโลกนี้ และแท้จริงในปรโลกนั้น เขาจะอยู่ในหมู่คนดีๆ อย่างแน่นอน”
(ซูเราะฮฺอันนะฮฺลิ อายะฮฺที่ 120-122)
อัลลอฮฺ ทรงให้เกียรติแก่ผู้กตัญญูรู้คุณโดยไม่เอาโทษ พระองค์ตรัสไว้ในซูเราะฮฺอันนิซาฮฺ อายะฮฺที่ 147 ว่า
“อัลลอฮฺจะทำการลงโทษพวกเจ้าทำไม หากพวกเจ้ากตัญญูและศรัทธา”
อัลลอฮฺ ทรงสัญญากับผู้กตัญญูรู้คุณว่าจะเพิ่มความโปรดปรานให้ในโลกนี้ โดยจะคอยปกป้องดูแลให้อีกด้วย พระองค์ตรัสว่า
“และจงระลึกขณะที่พระเจ้าของพวกเจ้าได้ประกาศว่า หากพวกเจ้ากตัญญูรู้คุณ ข้าจะเพิ่มพูนให้แก่พวกเจ้า
และหากพวกเจ้าเนรคุณ แท้จริง การลงโทษของข้านั้นสาหัสยิ่ง”
(ซูเราะฮฺอิบรอฮีม อายะฮฺที่ 7)
การกตัญญูรู้คุณต่อัลลอฮฺ เป็นหน้าที่จำเป็นแก่มนุษย์ หากไม่กตัญญูก็ถือว่าเป็นผู้เนรคุณ แม้แต่มนุษย์ด้วยกันเอง หากผู้ใดทำดีแก่เราช่วยเหลือเรา แต่เราไม่เคยขอบคุณเขาเลย เราจะเป็นคนอย่างไร? แน่นอน ผู้คนโดยทั่วไปเขาก็ว่าเราเป็นคนไม่ดี ยิ่งถ้าหากมันเป็นเรื่องระหว่างเรากับอัลลอฮฺแล้วไซร้ ก็ยิ่งเป็นการไม่ดีใหญ่ คนที่ไม่รู้คุณ ไม่กตัญญูต่อผู้มีพระคุณแล้ว ย่อมถือว่าเป็นคนไม่ดี ใจดำ แข็งกระด้าง เป็นมุสลิมยังไม่สมบูรณ์ หลักการศรัทธาของเขายังไม่สมบูรณ์
ด้วยเหตุนี้ อัลลอฮฺ จึงตรัสไว้ในหลายอายะฮฺด้วยกัน เช่น ในซูเราะฮฺอันนะฮฺลุ อายะฮฺที่ 78 พระองค์ตรัสว่า
“และอัลลอฮฺทรงให้พวกเจ้าออกมาจากครรภ์มารดาของพวกเจ้า โดยพวกเจ้าไม่รู้อะไรเลย
และพระองค์ทรงทำให้พวกเจ้าได้ยิน และเห็น และมีหัวใจ (สำหรับนึกคิด) เพื่อพวกเจ้าจักได้ขอบคุณ”
ในซูเราะฮฺยาซีน อายะฮฺที่ 33-35 พระองค์ตรัสว่า
“สัญญาณสำหรับพวกเขาก็คือ พื้นดินที่รกร้าง ซึ่งเราได้ให้มันมีชีวิตชีวาขึ้นมา และเราได้ให้พืชผลออกมาจากดิน ซึ่งส่วนหนึ่งใช้รับประทาน
ในแผ่นดินนั้น เราได้ให้มีสวนอินทผาลัม องุ่น และเราได้ให้มีตาน้ำผุดขึ้นมา เพื่อที่เขาจะได้บริโภคผลไม้นั้นและจากสิ่งที่พวกเขาได้ทำมันขึ้นมา
พวกเขายังไม่กตัญญูรู้คุณอีกหรือ?”
อัลลอฮฺ ตรัสไว้ในซูเราะฮฺอัลญาษิยะฮฺ อายะฮฺที่ 12 ว่า
“อัลลอฮฺผู้ทรงสร้างทะเลไว้ให้แก่พวกเจ้า เพื่อที่เรือจะได้แล่นไปในนั้น โดยคำสั่งของพระองค์ และเพื่อที่พวกเจ้าจะแสวงหาความโปรดปรานของพระองค์
หวังว่าพวกเจ้าจะกตัญญูรู้คุณ”
อัลลอฮฺ ตรัสไว้ในซูเราะฮฺอัลเกาะศ็อศ อายะฮฺที่ 71-73 ว่า
“จงกล่าวเถิด(มุฮัมหมัด) พวกเจ้าเห็นแล้วมิใช่หรือ?
หากอัลลอฮฺทรงทำให้กลางคืนมีอยู่ตลอดไปแก่พวกเจ้าจนถึงวันกิยามะฮฺ พระเจ้าองค์อื่นใดจากอัลลอฮฺเล่าที่จะนำแสงสว่างมาให้แก่พวกเจ้า
พวกเจ้าไม่รับฟังบ้างหรือ?
จงกล่าวเถิด (มุฮัมหมัด) พวกเจ้าเห็นแล้วมิใช่หรือ?
หากอัลลอฮฺทรงทำให้กลางวันมีอยู่ตลอดไปแก่พวกเจ้าจนถึงวันกิยามะฮฺ
พระเจ้าองค์ใดอื่นจากอัลลอฮฺเล่า ที่จะนำกลางคืนมาให้พวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้พักผ่อนในเวลานั้น
พวกเจ้าไม่พิจารณาไตร่ตรองดูบ้างหรือ?
และเพราะความเมตตาของพระองค์ พระองค์ทรงให้มีกลางคืนและกลางวัน
เพื่อพวกเจ้าจะได้พักผ่อนในเวลานั้น และจะได้แสวงหาความโปรดปรานของพระองค์
หวังว่าพวกเจ้าจะได้ขอบคุณ”
มนุษย์โดยทั่วไปไม่ค่อยซาบซึ้งถึงพระคุณของอัลลอฮฺ จึงไม่ค่อยจะกตัญญูต่อพระองค์
อัลลอฮฺ ตรัสว่า
“แท้จริง อัลลอฮฺนั้นทรงเป็นผู้มีบุญคุณต่อมนุษย์ แต่ว่าพวกเขาส่วนใหญ่ไม่ขอบคุณ”
(ซูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 60)
ความจริงแล้ว ประโยชน์ของการกตัญญูนั้น ย่อมไม่กลับไปหาอัลลอฮฺอย่างแน่นอน อัลลอฮฺไม่ได้รับประโยชน์อันใดจากการกตัญญูของมนุษย์ และก็ไม่มีผลเสียต่อพระองค์แต่อย่างใดเมื่อผู้คนไม่กตัญญู แต่ทว่า ผลของความกตัญญูนั้นจะกลับไปหาผู้กตัญญูอย่างแน่นอน มันจะทำให้เขามีจิตใจสะอาดเป็นผู้ใกล้ชิดอัลลอฮฺ ซึ่งทำให้เขามุ่งไปสู่ความดี มีประโยชน์ อยู่ในหลักของศาสนา ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงตรัสว่า
“และถ้าผู้ใดกตัญญูรู้คุณ เขาก็กตัญญูเพื่อตัวเขาเอง และถ้าพวกเขาเนรคุณ อัลลอฮฺก็เป็นผู้ทรงมั่งคั่ง ผู้ได้รับการสรรเสริญ”
(ซูเราะฮฺลุกมาน อายะฮฺที่ 12)
การเนรคุณต่อความโปรดปรานของอัลลอฮฺนั้น มันทำให้เขาหมิ่นเหม่ต่อความพินาศ เพราะคนที่เนรคุณนั้น เขาจะไม่เอาใจใส่สิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งที่เป็นประโยชน์จะกลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์สำหรับเขา เขาจะมองไม่เห็นถึงความสุขที่อัลลอฮฺได้ประทานให้เขา ไม่พิจารณาดูความสุขสบาย ตาของเขาบอด ชีวิตของเขาจะดำเนินไปอย่างไร้จุดหมาย เป็นเหตุทำให้ตกอยู่ในความกริ้วโกรธของพระองค์ ห่างไกลจากความเมตตาของพระองค์เข้าไปทุกที
อัลกุรอานได้แจ้งให้เราทราบว่า ความพินาศของประชาชาติในอดีตนั้น สาเหตุก็คือ การเนรคุณต่ออัลลอฮฺ !!
อัลลอฮฺ ได้ตรัสไว้ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอันนะฮฺลิ อายะฮฺที่ 11-12 ว่า
“และอัลลอฮฺทรงยกอุทาหรณ์เมืองหนึ่งซึ่งปลอดภัยและสงบ ปัจจัยยังชีพของมันมีมาอย่างอุดมสมบูรณ์ทุกแห่งหน
แล้วมันก็ปฏิเสธต่อความโปรดปรานของอัลลอฮฺ
ดังนั้น อัลลอฮฺจึงทรงให้มันลิ้มรสความรู้สึกแห่งความหิวและความกลัว ตามที่พวกเขาได้เคยกระทำไว้”
อัลกุรอานได้กล่าวถึงเรื่องของชาวสะบะ ที่ได้เนรคุณต่อความโปรดปรานของพระผู้อภิบาลของเขาว่า
“ความจริงได้มีเครื่องหมายอย่างหนึ่ง สำหรับชาวสะบะในที่อยู่อาศัยของพวกเขา คือมีสวนอยู่สองขนัด ซึ่งอยู่ด้านขวาและด้านซ้าย
(มีคนพูดกับเขาว่า) พวกท่านจงบริโภคจากเครื่องยังชีพแห่งพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า และจงขอบคุณพระองค์
(เมืองของพวกท่านนั้น) เป็นเมืองที่ดี พระเจ้าของพวกท่าน เป็นพระเจ้าที่ทรงอภัยโทษเสมอ แต่พวกเขากลับหันหลังให้
ดังนั้น เราจึงให้อุทกภัยทำลายล้างพวกเขา และเราได้เปลี่ยนสวนของเขาทั้งสองขนัด ด้วยสวนอื่นสองขนัด
ซึ่งมีสิ่งบริโภคที่ขม มีแต่ต้น ไม่มีผล และผลพุทรานิดหน่อยเท่านั้น ดังกล่าวนั้นเราได้ให้แก่พวกเขา อันเนื่องด้วยการที่พวกเขาเนรคุณ
และเราไม่ให้เช่นนั้นแก่ผู้ใดทั้งสิ้น นอกจากผู้ที่เนรคุณเท่านั้น”
(ซูเราะฮฺสะบะ อายะฮฺที่ 15-17)
ความกตัญญูรู้คุณนั้นเป็นองค์ประกอบสำคัญแห่งความสุขของประชาชาติ และการเนรคุณมันจะนำไปสู่ความพินาศ หายนะ อันที่จริง หากมนุษย์ในโลกนี้เข้าใจถึงความกตัญญูรู้คุณ และปฏิบัติตัวตามนั้นแล้วก็จะเกิดความสงบสุข และความสันติสุขอย่างแน่นอน
ที่มา: หนังสือความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับอัลลอฮฺ
แปลโดย อาจารย์ซากีรีน บุญมาเลิศ