การแก้ไขปัญหาสังคม
  จำนวนคนเข้าชม  22048

การแก้ไขปัญหาสังคม

 

         สภาพแวดล้อมของสังคมปัจจุบัน น้อมนำเยาวชนของเราต้องหลงระเริงไปกับสิ่งเลวร้าย จนยากที่จะถอนตัวออกได้ง่าย ๆ ความเลวร้ายที่มีอย่างมากมาย กระจัดระจายอยู่ทั่วไป ท่ามกลางป่าคอนกรีต ที่มีสัตว์ร้ายในรูปของความสวยงามและความสนุกสนาน ความน่าภิรมย์ชมชื่น และบรรยากาศที่ประกอบขึ้นจากวัฒนธรรมอันดีงาม ซึ่งคนรุ่นเก่าได้พยายามสร้างและรักษาไว้ให้เป็นมรดก กำลังลบเลือนหายไปจากสังคมของเราอย่างน่าตกใจ และน่าสมเพชเวทนา น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

        สิ่งที่อิสลามห้ามเป็นส่วนใหญ่ได้อุบัติขึ้นอย่างมากมาย และกลายเป็นสิ่งแวดล้อมในสังคมของเรา การดำเนินชีวิตทางด้านต่างๆ ของเรา ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ถูกครอบงำด้วยระบบการดำเนินชีวิตอันมาจาวัฒนธรรมและประเพณีอันมิใช่อิสลาม ผลที่ตามติดมาคือ อุดมการณ์อิสลามในการดำเนินชีวิต ค่อยห่างไกลไปจากเราทุกที หากเราไม่สนใจที่จะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ชีวิตของเราก็จะต้องหลงทางตลอดไปอย่างแน่นอน


         การดำเนินการทางด้านเศรษฐกิจของเรา ก็ใช้ระบอบเศรษฐกิจแบบที่ต้องอาศัยเงื่อนไขของ ดอกเบี้ย ! ทั้ง ๆ ที่อิสลามห้ามดอกเบี้ยอย่างเด็ดขาด ของใช้ทุกชิ้นของเราได้มาโดยคละเคล้ากับดอกเบี้ย ถึงแม้เราจะไม่จ่ายโดยตรง แต่ของชิ้นนั้นก็ผ่านขั้นตอนการผลิตและการจำหน่ายแบบต้องใช้ดอกเบี้ย จนมาถึงมือเรา

          เมื่อเราพิจารณาด้านการแต่งตัว การแต่งตัวการนุ่งห่มของสมาชิกในสังคมของเรา ล้วนนิยมแต่งแบบที่ผิดต่อหลักการอิสลาม คือแต่งตัวด้วยอาภรณ์ที่แสดงถึงความฟุ่มเฟือย มีการเปิดเผยร่างกายส่วนที่ต้องปกปิด เครื่องแต่งตัวของสุภาพสตรีบางแบบมีการเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้ง เพื่อยั่วยวนสายตาเพศตรงข้าม ในขณะที่ลักษณะการต่างกายแบบอิสลามต้องการให้มิดชิด เพื่อปกป้องมิให้ถูกลวนลามด้วยสายตาอนาจาร และป้องกันเหตุร้ายนานาประการอันพึงเกิดขึ้นจากสาเหตุนั้น

        เราได้ทราบถึงคดีข่มขืน ปัญหาทางเพศ ตลอดจนโรคร้ายที่คุกคามมนุษย์ในรูปแบบต่างๆ สาเหตุสำคัญก็คือ การแต่งตัวไม่รัดกุมของสตรี ชอบเปิดเผยในเชิงยั่วยวน จึงเป็นเหตุให้เกิดการฉุดคร่าอนาจาร และการข่มขืน บางรายถูกข่มขืนแล้วยังถูกฆ่าปิดปาก ซึ่งแสดงถึงความโหดร้ายของคนในสังคมปัจจุบันอย่างชัดเจน

  

- เหตุร้ายแรงดังกล่าวจะไม่อุบัติขึ้นอย่างแน่นอน หากสมาชิกสังคมได้นำหลักการดำเนินชีวิตตามแบบอิสลามมาใช้

  

- ท่ามกลางรอยยิ้มของคนในสังคม แต่เบื้องหลังรอยยิ้ม คือ การคิดทำลายล้างซึ่งกันและกัน

 

- ในสิ่งก่อสร้างอันสวยงาม ประดับด้วยแสงสี เป็นอาคารอัครฐาน แต่ภายในมีแต่การกดขี่ ข่มเหง ความขมขื่น และการฆาตกรรม

 

- อาชีพที่ทำรายได้มหาศาล คือ อาชีพที่เกี่ยวกับการทำลายมนุษย์ เช่น อาชีพค้าสิ่งเสพติด อาชีพค้าประเวณี อาชีพรับจ้างฆ่าคน อาชีพรีดลูก(ทำแท้ง) อาชีพตั้งบ่อนการพนัน และตั้งซ่อง

 

         ในสังคมนี้มีแต่การหลอกลวง เสนอสิ่งของปลอมแปลง ปลอมปน ใครเผลอเรอจะถูกต้มตุ๋น ใครอ่อนแอจะถูกข่มเหง ใครโง่เขลาจะถูกหลอก ใครยากจนจะถูกสบประมาท ใครปฎิบัติตามหลักศาสนาจะถูกตราหน้าว่าล้าหลัง ใครร่ำรวยจะถูกยกย่อง แม้ร่ำรวยมาจากอาชีพทุจริตคดโกง ใครมีตำแหน่งทางสังคม จะเป็นผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ เป็นอภิสิทธิชนสามารถทำอะไรได้ทุกอย่างแม้จะผิดกฎหมาย กฎหมายถูกบิดผันไปตามเจตนาของผู้มีอำนาจบารมี คนทำความดีต้องเจียมตน ส่วนคนทำชั่วหยิ่งผยอง

        สมาชิกสังคมอยู่กันแบบตัวใครตัวมัน ไม่มีใครสนใจที่จะแนะนำตักเตือนกัน ต่างรู้สึกเห็นแก่ตัว เอาตัวรอด และไม่ใยดีจะช่วยกันปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาสังคมให้เจริญก้าวหน้า ต่างคิดแต่การสร้างตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงการสร้างสังคม

 

         สมาชิกสังคมปัจจุบัน หากจะสนใจกัน ก็สนใจในทางทำลายมากกว่าสร้างสรรค์ ดังนั้น สมาชิกสังคมจึงมีการดูถูกดูแคลน มีความอิจริษยา มีการจับผิด หยิ่งผยอง นินทา ใส่ร้าย ระแวง อคติ สบประมาท ล้อเลียน ประณาม ตำหนิติเตียน แบ่งแยก ถือยศ ถือตัว ส่อเสียด เสียดสี ประชดประชัน หน่ายแหนง อาฆาตแค้น ผูกใจเจ็บ โกรธ เกลียด ใจดำอำมหิต ระราน อธรรม ฉ้อโกง ลำเอียง เล่นพวก


        ความเลวร้ายทางสังคมเท่าที่ยกตัวอย่างมาทั้งหมดนี้ เราหาได้ไม่ยากนักจากสังคมปัจจุบัน ที่จริงแล้วเป็นสิ่งปกติของสังคมด้วยซ้ำ เพราะไม่มีใครรู้สึกรังเกียจที่จะแสดงอาการเลวร้ายเหล่านั้นต่อกัน ต่างก็ถือว่าเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ตนจะแสดงออก สิ่งเลวร้ายดังกล่าวจึงผนึกแน่นหนาอยู่ในสังคมของเรา จนยากที่จะขจัดออกไปได้


          โดยหลักการอิสลาม ได้กำหนดให้คนทุกคนในสังคมนี้ อยู่ร่วมกันแบบพี่น้อง จะแตกแยกออกจากกันมิได้ และมีข้อประพฤติที่ถูกบัญญัติไว้อย่างแน่นอน หากสมาชิกสังคมรับบทบัญญัติดังกล่าวมาปฏิบัติโดยสม่ำเสมอ ก็สามารถสร้างสรรค์ให้สังคมนี้ร่มเย็นเป็นสุข เปี่ยมล้นด้วยมิตรภาพ ไมตรีจิต และความหวังดีต่อกันโดยแท้จริง เพียงโองการที่ปรากฏในซูเราะฮฺอัลหุจร๊อต อายะฮฺที่ 10 - 12  ก็เป็นเครื่องประกันสำหรับสังคมนี้ได้เป็นอย่างดี


“แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นพี่น้องกัน  ดังนั้นพวกเจ้าจงไกล่เกลี่ยประนีประนอมกันระหว่างพี่น้องทั้งสองฝ่ายของพวกเจ้า

และจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด หวังว่าพวกเจ้าจะได้รับความเมตตา

โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย ! ชนกลุ่มหนึ่งอย่าได้เยาะเย้ยชนอีกกลุ่มหนึ่ง บางทีชนกลุ่มที่ถูกเยาะเย้ยนั้นจะดีกว่าชนกลุ่มที่เยาะเย้ย

และสตรีกลุ่มหนึ่งอย่าได้เยาะเย้ยจะดีกว่ากลุ่มที่เยาะเย้ย และพวกเจ้าอย่าได้ตำหนิตัวของพวกเจ้าเอง และอย่าได้เรียกกันด้วยฉายาที่ไม่ชอบ

ช่างเลวทรามจริง ๆ ที่บรรดาผู้ศรัทธาจะเรียกกันว่าเป็นผู้ฝ่าฝืน ภายหลังจากที่ได้มีการศรัทธากันแล้ว และผู้ใดไม่สำนึกผิด ชนเหล่านั้นคือบรรดาผู้อธรรม

โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย ! พวกเจ้าจงปลีกตัวให้พ้นจากส่วนใหญ่ของการสงสัย แท้จริงการสงสัยบางอย่างนั้นเป็นบาป 

และพวกเจ้าอย่าสอดแนม  และบางคนในหมู่พวกเจ้าอย่านินทาซึ่งกันและกัน 

คนหนึ่งในหมู่พวกเจ้านั้นชอบที่จะกินเนื้อพี่น้องของเขาที่ตายไปแล้วกระนั้นหรือ? พวกเจ้าย่อมเกลียดมัน 

และจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ"

 

 

          หากเราร่วมกันรับบทบัญญัติทางสังคมที่ปรากฏในอัลกุรอานที่นำมาอ้างอิงนี้อย่างจริงจังและเคร่งครัด แน่นอนที่สุด สังคมนี้จะน่าอยู่น่าอาศัยเป็นอย่างมาก ปัญหาสังคมทั้งหมดจะหมดสิ้นไปจากสังคมของเรา เยาวชนจะมีตัวอย่างที่ดี สิ่งเลวร้ายทั้งหลายจะถูกผลักดันออกไปจนหมดสิ้น และเราจะอยู่กันเหมือนครอบครัวเดียวกัน เป็นครอบครัวที่มีเอกภาพ มีความสุข สงบ และร่มเย็นอย่างแท้จริง

 

 


ที่มา: หนังสือคุตบะฮฺวันศุกร์ โดยสำนักจุฬาราชมนตรี  หน้า 13-18