เราจะนำวิถีชีวิตของบรรดาศ่อฮาบะฮฺมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้อย่างไร?
โดย...อาบีดีณ โยธาสมุทร
หลายท่านอยากจะดำเนินชีวิตตามบรรดาศอฮาบะฮ์ แต่ก็ยังไม่ได้รู้จักบรรดาศอฮาบะฮ์ดีพอ หรือไม่ได้ศึกษาชีวะประวัติของท่านเหล่านั้นอย่างเข้าใจ การที่จะนำวิถีชีวิตของบรรดาศอฮาบะฮ์มาปรับใช้กับชีวิตของเราจึงต้องมีขั้นตอน เพื่อให้ได้เข้าถึงเป้าหมายที่แท้จริง
ขั้นที่หนึ่ง
เราจะต้องรู้ก่อนว่า เราทำไปทำไม? ทำเพื่ออะไร? เป็นคำถามง่ายๆ ที่สำคัญ เพราะเป็นคำถามที่ถามถึงจุดมุ่งหมายของสิ่งที่เรากำลังจะทำ ถ้าหาจุดมุ่งหมายกับสิ่งที่เรากำลังจะทำไม่ได้คงต้องตกลงไปอยู่ในหลุมแห่งวลีที่ว่า ”เสียแรงเปล่า” อย่างแน่นอน ลองถามตัวเองดูครับว่าทำไม่เราถึงอยากดำเนินชีวิตเหมือนบรรดาศ่อฮาบะฮฺ ? ถ้าคำตอบออกมาว่า ”ไม่รู้เหมือนกัน เห็นเค้าอยากเป็นกัน ก็ตามไปด้วย” แบบนี้ก็แย่หน่อย แต่ถ้าคำตอบออกมาว่า “ก็เพราะอยากเข้าสวรรค์จริงๆ อยากให้อัลลอฮฺโปรดปราน เลยอยากทำตัวให้เหมือนคนที่อัลลอฮฺโปรดปรานและยกย่องให้เป็นกลุ่มชนที่ดีที่สุดบ้าง” ถ้าคำตอบของคุณออกมาแบบนี้ ก็ อั้ลฮัมดุลิลลาครับ เริ่มก้าวสู้ขั้นที่สองได้เลย
ขั้นที่สอง
ต้อง”รู้” เราอยากมีชีวิตแบบบรรดาศ่อฮาบะฮฺเราต้องรู้ว่าบรรดาศ่อฮาบะฮฺเค้าใช้ชีวิตกันยังไง ? เพราะถ้าเราทำไปโดยไม่รู้หรือคิดเอาเอง สิ่งที่ทำมันก็จะไม่ได้อะไรเหมือนที่ได้บอกไปข้างต้น คือ”เสียแรงเปล่า” แล้วชีวิตแบบศ่อฮาบะเป็นแบบไหนกัน ?
“....จากนั้นอุ้รวะฮฺก็ได้กลับไปหาพรรคพวกของเขาแล้วกล่าวว่า ฉันสาบานต่ออัลลอฮฺว่า ฉันไม่เคยเห็นกษัตริย์คนใดมาก่อน ที่บริวารของเขาให้เกรียติเขา ดังที่พวกพ้องของมูฮัมหมัด ได้ให้เกียรติมูฮัมหมัด และเมื่อเขาได้สั่งใช้สิ่งใดพวกเขาเหล่านั้นก็ต่างพากันรีบเร่งปฏิบัติตามคำสั่งของเขา....”
(ศ่อฮีฮุ้ล บุคอรีย์ /2731)
“มุฮัมหมัดคือผู้ส่งสาสน์ของอัลลอฮฺ และบรรดาผู้ที่อยู่ร่วมกับเขานั้น ต่างแข็งกร้าวต่อบรรดาผู้ปฏิเสธ เมตตาต่อกันและกัน
ท่านจะเห็นพวกเขา ในสภาพก้มรุกั้วะ ซุญูด โดยหวังความโปรดปรานและความพอพระทัยจากอัลลอฮฺ.....”
(อัลฟัตฮฺ 29)
สรุปว่าศ่อฮาบะฮฺคือคนที่รู้จักตนเอง รู้จักว่าตนเองเป็นทาสไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่จากไหนที่อยากทำอะไรก็ทำ รู้จักและเชื่อมั่นว่าอัลลอฮฺ เป็นพระเจ้าที่แท้จริงแต่เพียงผู้เดียว ยอมจำนนและเชื่อฟังพระองค์ รู้และศรัทธาว่าท่านร่อซู้ล เป็นผู้ที่นำคำสั่งและข้อมูลต่างๆที่พระเจ้าได้บอก มาบอกต่อให้พวกเขารับทราบ พวกเขาจึงรีบเร่งน้อมรับโดยไม่รีรอหรือสงสัยเคลือบแคลงในสิ่งที่ได้รับฟัง ดังนั้นถ้าเราอยากมีชีวิตแบบพวกท่านเราต้องทำยังไง ? ก็ต้องมาสู้ขั้นที่สามที่จะกล่าวต่อไปนี้
ขั้นที่สาม
“ทำ”ตามที่ได้รู้มา ซึ่ง”ทำ” ไม่ได้ถูกจำกัดไว้เพียงด้านร่างกายเท่านั้น แต่มันต้องเริ่มต้น”ทำ”ตั้งแต่หัวใจ ถ้าอยากมีชีวิตแบบศ่อฮาบะฮฺก็ต้องเริ่มทำตามพวกท่านตามข้อมูลที่เราได้เรียนรู้มา เริ่มจากหัวใจ เชื่อเหมือนที่พวกท่านเชื่อ บรรดาศ่อฮาบะฮฺ รู้จักและเชื่อมั่นในอัลลอฮฺและร่อซู้ล และ เชื่อในข้อมูลที่พระองค์และร่อซู้ลของพระองค์ ได้บอกไว้ทุกเรื่องโดยไม่มีคำว่ายกเว้น เราจึงจำเป็นต้องรู้จักและเชื่อมั่นในอัลลอฮฺและร่อซู้ล และเชื่อในข้อมูลที่พระองค์และร่อซู้ลของพระองค์ ได้บอกไว้ทุกเรื่องโดยไม่มีคำว่ายกเว้นเช่นกัน
ตามมาด้วยคำพูดและร่างกาย ศ่อฮาบะฮฺยกคำพูดของอัลลอฮฺ และร่อซู้ลของพระองค์ ขึ้นเหนือทุกอย่าง พวกท่านจะรีบเร่งน้อมรับคำสั่ง ของอัลลอฮฺและร่อซู้ลของพระองค์โดยไม่มีคำว่า”แต่” ทำตามที่สั่ง ในรูปแบบที่ถูกสั่ง ไม่อาจหาญคิดว่าตนมีอำนาจ มีความรู้ มากกว่าอัลลอฮฺและร่อซู้ลของพระองค์ จนกล้าประดิษฐิ์หลักความเชื่อ ความคิด หรือพิธีกรรมใดๆที่เกินไปกว่าที่พระองค์และร่อซู้ลของพระองค์ ได้บอกไว้ได้ ถ้าเราอยากมีชีวิตแบบพวกท่าน มันก็ไม่ยาก ก็แค่ทำตามพวกท่าน เชื่อเหมือนที่พวกท่านเชื่อ เข้าใจศาสนาตามที่พวกท่านเหล่านั้นเข้าใจ และทำตามคำสั่งของอัลลอฮฺและร่อซู้ลของพระองค์ ตามแบบที่พวกท่านได้ทำและได้ถ่ายทอดส่งต่อจนมาถึงพวกเรา เท่านี้ก็เพียงพอ วัลลอฮุอะอฺลัม
“และใครที่ฝ่าฝืนรอซูล หลังจากที่แนวทางอันถูกต้องได้ประจักษ์ชัดแก่เขาแล้ว และไปปฏิบัติตามทางที่ไม่ใช่ทางของบรรดาผู้ศรัทธา
เราก็จะให้เขาหันไปตามที่เขาได้หันไปและเราจะให้เขาเข้าสู่ ญะฮันนัม และมันเป็นที่กลับไปที่เลวร้ายยิ่ง”
(อันนิสาอฺ 115 )
จบท้าย
เมื่อตัดสินใจที่จะเดินทางสู่อัลลอฮฺ แล้ว ก็จงตั้งมั่นอดทน ขยันบากบั่น และมอบหมายต่ออัลลอฮฺ ตลอดจนขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เพราะเราไม่ได้สามารถ “ดี” ได้ด้วยตัวเราเอง เราไม่สามารถมีชัยได้ด้วยความสามารถหรือผลงานของเราเพียงอย่างเดียว หากแต่อัลลอฮฺเท่านั้นที่เป็นผู้ครอบครองและมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง
“จงกล่าวเถิด (ร่อซู้ล)ว่า ด้วยกับความโปรดปรานของอัลลอฮฺและความเมตตาของพระองค์ ด้วยกับสิ่งดังกล่าวนี้เท่านั้น
พวกเขาจงดีใจกับมันเถิด มันดีกว่าสิ่งที่พวกเขาได้สะสมไว้กันเสียอีก”
(ยูนุส 58)