ความพยายามของศอฮาบะฮ์ในการรวบรวมอัลฮะดิษ 1
โดย...อับดุลกอเดร พลสะอาด
คำนำ
الحمد لله الذي من على المسلمين بإنزال القرآن الكريم وتكفل بحفظه في الصدور والسطور إلى يوم الدين وجعل من تتمة حفظه حفظ سنة سيد المرسلين والصلاة والسلام على نبينا محمد الذي أوكل الله إليه تبيان ما أراده من التنزيل الحكيم بقوله تعالى وَأَنْزَلْنَا إِلَيْكَ الذِّكْرَ لِتُبَيِّنَ لِلنَّاسِ مَا نُزِّلَ إِلَيْهِمْ وَلَعَلَّهُمْ يَتَفَكَّرُونَ (44) سورة النحل الآية 44
"และเราได้ให้อัลกุรอานแก่เจ้าเพื่อเจ้าจะได้ชี้แจง (ให้กระจ่าง) แก่มนุษย์ซึ่งสิ่งที่ได้ถูกประทานมา แก่พวกเขาและเพื่อพวกเขาจะได้ไตร่ตรอง"
(ซูเราะฮฺ อันนะฮลฺ : ๔๔)
ภายหลังจากที่มหาบุรุษ นาม มุฮัมมัด อิบนุ อับดิลลาฮฺ ได้ถือกำเนิดขึ้น บนคาบสมุทรอาหรับ แดนดินซึ่งอบอวลไปด้วยความมืดมนแห่งการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ ยุคแห่งความโหดร้ายป่าเถื่อน ยุคแห่งความอวิชา ที่ถูกเรียกขานกันว่า ญาฮิลียะฮฺ ความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติ ก็ได้เกิดขึ้นที่นั่น ความสว่างไสวแห่งอัลอิสลามเข้ามาขับไล่ความมืดมนแห่งยุคอวิชาไปจนสูญสิ้น และในยุคนั้นเอง เหล่าวีรบุรุษที่ประวัติศาสตร์มิอาจลืมเลือนก็ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างมากมาย
ท่านนบีมุฮัมมัด ได้ใช้ความพยายามอย่างที่สุด ในการถ่ายทอดบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ให้แก่เหล่าสหายของท่าน สร้างความเข้าใจให้แก่พวกเขาถึงที่มาของอัลอิสลาม ซึ่งหมายถึงพระดำรัสของอัลลอฮฺ และซุนนะฮฺหรือแบบฉบับของท่านเอง ท่านได้ทำหน้าที่เรียกร้องเชิญชวนประชาชาติของท่าน ให้กลับคืนสู่การตั้งมั่นอยู่ในการเคารพภักดี ต่ออัลลอฮฺ เพียงองค์เดียว ท่านได้เผยแผ่ศาสนาของอัลลอฮฺ ได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งได้เร่งเร้าบรรดาศอฮาบะฮฺ ให้มีความกระหายในการศึกษาบทบัญญัติที่จะนำพาพวกเขาไปสู่ชัยชนะอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ทั้งยังกระตุ้นให้พวกเขาได้สานต่อเจตนารมณ์ ด้วยการเผยแผ่บทบัญญัติแห่งพระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดความสามารถ จนกระทั่งอิสลามได้ขจรกระจายไปทั่วทุกมุมโลก
ด้วยความสำนึกถึงภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่จากพระเจ้า บรรพชนยุคแรก จึงเอาใจใส่กับซุนนะฮฺหรือแบบฉบับ ของท่านนบี เหมือนกับที่พวกเขา เอาใจใส่ อัลกุรอ่าน พระดำรัสของอัลลอฮฺ เนื่องจากพวกเขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่า ไม่สามารถแยกสองสิ่งนี้ออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด เพราะพวกเขาไม่มีทางเข้าถึงเจตนารมย์อันแท้จริงของอัลกุรอ่านได้ หากไม่ได้รับการอธิบายจากท่านนบี เนื่องจากอัลลอฮฺ ทรงส่งท่านมาเพื่อเป็นผู้ชี้แจง อธิบาย พระดำรัสของอัลลอฮฺ
وَأَنْزَلْنَا إِلَيْكَ الذِّكْرَ لِتُبَيِّنَ لِلنَّاسِ مَا نُزِّلَ إِلَيْهِمْ وَلَعَلَّهُمْ يَتَفَكَّرُونَ (44)
“ และเราได้ให้อัลกุรอานแก่เจ้าเพื่อเจ้าจะได้ชี้แจง (ให้กระจ่าง) แก่มนุษย์ซึ่งสิ่งที่ได้ถูกประทานมาแก่พวกเขาและเพื่อพวกเขาจะได้ไตร่ตรอง”
(ซูเราะฮฺ อันนะฮฺล อายะฮฺ ๔๔)
พวกเขาได้รับมรดกอันล้ำค่ามาจากท่านนบี และเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ด้วยความทะนุถนอม พวกเขาเก็บเล็กเก็บน้อยในทุกรายละเอียดที่มีอยู่ในตัวของท่านนบี ด้วยความเชื่อมั่นว่า มันคือสิ่งที่มีค่า ที่จะเกิดขึ้นกับตัวพวกเขาเองและประชาชาติของท่านนบี ยุคต่อๆไป สิ่งนี้บ่งบอกถึงการเป็นคนมองการณ์ไกลได้เป็นอย่างดี พวกเขาได้เก็บเกี่ยวและถ่ายทอดรายละเอียดแม้ในยามที่ท่านนบี พำนักอยู่กับที่และระหว่างการเดินทาง ทั้งในยามศึกสงครามและยามสงบศึก ทั้งในยามโกรธและยามที่ท่านนบี มีความพอใจ แม้กระทั่งรายละเอียดส่วนตัวของท่านนบี ขณะที่ท่านใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับบรรดาภรรยาของท่าน รวมทั้งเรื่องที่ละเอียดอ่อนกว่านั้น ก็ได้รับการถ่ายทอดจากบรรดาศอฮาบะฮฺ ดังเช่นที่ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ มัสอูด กล่าวว่า
"ฉันเห็นท่านรอซูลุลลอฮฺ หัวเราะ จนกระทั่ง เห็นฟันกรามของท่าน" ¹
ท่านอบูซัร อัลฆิฟารีย์ ได้กล่าวว่า
"แท้จริง เราได้ทิ้งท่านรอซูล (คือเราได้จากท่านรอซูล ) โดยไม่มีนกตัวใดที่ขยับสองปีกของมันในอากาศ
นอกจากได้ถูกบอกให้เราได้ทราบ เป็นความรู้แก่พวกเรา"
แล้วท่านอบูซัรก็กล่าวต่อว่า ท่านรอซูล จึงได้กล่าวว่า
: مَا بَقِيَ شَيْءٌ يُقَرِّبُ مِنَ الْجَنَّةِ ، ويُبَاعِدُ مِنَ النَّارِ ، إِلا وَقَدْ بُيِّنَ لَكُمْ.
"ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เข้าไกล้สวรรค์ และทำให้ออกห่างจากนรก หลงเหลืออีกแล้ว เว้นแต่ (ทุกสิ่งนั้น) ถูกชี้แจงแก่พวกท่านหมดแล้ว " ²
และมันเป็นสิ่งยืนยันความจริงดังที่ท่านนบี ได้กล่าว ในหะดีษที่รายงานโดย อัลอิรบาฎ อิบนิ สาริยะฮฺ ว่า
قَالَ قَدْ تَرَكْتُكُمْ عَلَى الْبَيْضَاءِ لَيْلُهَا كَنَهَارِهَا لَا يَزِيغُ عَنْهَا بَعْدِي إِلَّا هَالِكٌ
“แท้จริง ฉันได้ละทิ้ง (ศาสนาและแบบอย่างของฉัน) ไว้แก่พวกท่านบนความชัดเจนยิ่ง กลางคืนของมันชัดเจนเสมือนกลางวัน
จะไม่มีผู้ใดเบี่ยงเบนออกจากมันหลังจากฉัน นอกจากผู้ที่หายนะ” ³
ทั้งๆที่วันเวลาผันผ่านมาเนินนาน ศตวรรษแล้วศตวรรษเล่า ผ่านยุคสมัยต่างๆยุคแล้วยุคเล่า และทั้งๆที่มีกลุ่มไม่หวังดีต่ออิสลาม อย่างมากมายที่พยายามสร้างความเคลือบแคลงสงสัยในฮะดีษหรือซุนนะฮฺของท่านนบี แต่ทว่าอัลลอฮฺ ทรงรักษาซุนนะฮฺของท่านไว้ให้ปลอดภัยจากการแก้ไขดัดแปลง ผ่านความอุตสาหพยายามอย่างยิ่งยวดของเหล่าบรรดาอิหม่ามผู้ยิ่งใหญ่ในทุกยุคสมัยดูแลรักษาและเอาใจใส่ ดังเช่นที่มันเคยเป็นมาในยุคของศอฮาบะฮฺ ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงความประเสริฐของยุคที่ท่านนบี ได้รับรองไว้
จากอับดุลลอฮฺ บิน มัสอูด เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ จากท่านนะบี ได้กล่าวว่า :
خَيْرُ النَّاسِ قَرْنِي، ثُمَّ الَّذِينَ يَلُونَهُمْ، ثُمَّ الَّذِينَ يَلُونَهُمْ، ....
“ผู้คนที่ประเสริฐที่สุด คือ คนในศตวรรษของฉัน ถัดมาคือศตวรรษต่อจากนั้น ถัดมาก็คือศตวรรษต่อจากนั้นอีก....” 4
แล้วมรดกเหล่านั้นก็ได้รับการถ่ายทอดต่อๆกันมา จนกระทั่งถึงมือของพวกเรา แล้วก็จะถูกถ่ายทอดต่อไปในยุคลูกหลานเรา ตราบจนวันกิยามะฮฺ นี่คือความเมตตาอันยิ่งใหญ่จากอัลลอฮฺ ต่อประชาชาตินี้
1. ศอเฮี๊ยะฮฺ มุสลิม บาบ อาคิรุ อะฮฺลินนาร คุรูญัน หมายเลข ๑๘๖
2. อัลมุอฺญัม อัลกะบีร (ฏ็อบรอนีย์) บาบ วะมินเฆาะรออิบ มุสนัด อะบีซัร เราะฮิมะฮุลลอฮฺ , เล่ม ๒ หน้า ๑๕๕ หมายเลข ๑๖๔๗
3. อัลญามิอฺ อัลกะบีร (สุนัน อัตติรมิซีย์) เล่ม ๔ บาบ มาญาอา ฟิลอัคซิ บิซซุนนะฮฺ วัญตินาบิล บิดะอฺ หมายเลข ๒๖๗๖ , สุนัน อิบนิ มาญะฮฺ บาบ อิตติบาอฺ ซุนนะติล คุลาฟาอฺ อัรรอซิดีน อัลมะฮฺดียีน หมายเลข ๔๒
4. มุตตะฟะกุน อะลัยฮิ ศอเฮี๊ยะฮฺ บุคอรีย์ กิตาบ อัชชะฮาดาต บาบ ลายัชฮะดุ อะลา ชะฮาดะตี เญาเร็น อิซา อุชฮิด หมายเลข : 2652 สำนวนนี้เป็นของท่าน, ศอเฮี๊ยะฮฺ มุสลิม กิตาบ ฟะฎออิล อัศศอฮาบะฮฺ บาบ ฟัฎลุซศอฮาบะฮฺ ฯ หมายเลข 2533