คอลิด บิน อัล-วะลีด
  จำนวนคนเข้าชม  25571

ประวัติท่าน คอลิด บิน อัล-วะลีด


ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์


          มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิของอัลลอฮฺ ขอการเจริญพรและความสันติมีแด่ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ  ข้าขอปฏิญานว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และมุหัมมัดนั้นเป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์
 
         ต่อไปนี้เป็นเนื้อหาบางส่วนของประวัติผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งจากบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายในประชาชาติอิสลาม เป็นวีรบุรุษท่านหนึ่ง และเป็นสุดยอดอัศวินผู้กล้า  เขาเป็นเศาะหาบะฮฺที่ยิ่งใหญ่ของท่านศาสนทูต เราคัดประวัติส่วนหนึ่งท่านที่หอมกรุ่น แฝงด้วยข้อคิดและบทเรียนอันมากมายมากล่าว


ท่านคอลิดรับอิสลามในปีที่แปดฮิจญ์เราะฮฺ และเข้าร่วมสงความมากมายหลายครั้ง นักประวัติศาสตร์ได้กล่าวว่า

“เขาไม่เคยพ่ายแพ้ในสงครามใดเลย ทั้งสงครามก่อนที่เขาจะเข้ารับอิสลามและหลังจากที่เขาเข้ารับอิสลามแล้ว”

เขากล่าวถึงตัวเองว่า “ในวันสงครามมุอ์ตะฮฺนั้นดาบในมือฉันหักเก้าเล่ม ไม่เหลือในมือฉันนอกจาก โล่ห์ เท่านั้น” 

(เศาะฮีหฺ อัล-บุคอรีย์ 3/146  หมายเลข  4265)


        สิ่งนี้แสดงถึงความกล้าหาญอย่างมากของท่าน และความแข็งแรงอย่างมากที่อัลลอฮฺประทานให้กับร่างของท่าน ท่านยังเป็นผู้นำกองทัพมุสลิมในสงครามอัล-ญะมามะฮฺและสงครามยัรมูก สองสงความที่โด่งดัง และท่านพร้อมกับทหารของท่านเดินทางผ่านทะเลทรายตั้งแต่พรมแดนอิรักไปจนสุดแคว้นชามในเวลาเพียงห้าคืน และนี่เป็นหนึ่งในความประหลาดของแม่ทัพผู้นี้ ท่านนบี ได้ให้สมญานามท่านว่าเป็น ดาบของอัลลอฮฺที่ถูกชักออกมาจากฝัก ท่านนบี  บอกว่า เขาเป็นดาบของอัลลอฮฺที่อัลลอฮฺนำมาเพื่อปราบบรรดามุชริกีนและมุนาฟิกีน

(มุสนัด อิมาม อะห์หมัด 1/8)

         เขาคืออัศวินที่ชื่อว่า คอลิด บิน อัล-วะลีด บิน อัล-มุฆีเราะฮฺ อัล-กุเราะชีย์ อัล-มัคซูมีย์ อัล-มักกีย์  เป็นลูกของพี่สาวของท่านหญิงมัยมูนะฮฺ บินตี อัล-หาริษ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา (ภรรยาของท่านนบี) เขาเป็นชายร่างใหญ่ ไหล่กว้าง แข็งแรงบึกบึน คล้ายกับอุมัร บิน อัล-ค็อฏฏอบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ มากที่สุด เศาะหาบะฮฺท่านนี้มีเหตุการณ์สำคัญๆ มากมายที่แสดงถึงกล้าหาญของท่านและการทุ่มเทให้ความช่วยเหลือศาสนาอิสลามของท่าน เช่น ในสงครามมุอ์ตะฮฺที่โด่งดัง ซึ่งเกิดขึ้นในปีที่แปดฮิจญ์เราะฮฺ ปีเดียวกันกับคอลิดเข้ารับอิสลาม ทหารมุสลิมมีจำนวนสามพันคน ในขณะที่ทหารโรมันมีจำนวนถึงสองแสนคน เนื่องจากจำนวนไม่เหมาะสมกัน ทำให้เห็นความเป็นผู้นำรบที่ยิ่งใหญ่ในหมู่มุสลิม

           ท่านนบี  ได้แต่งตั้งผู้นำทัพให้แก่ ซัยด์ บิน หาริษะฮฺ หากเขาถูกฆ่า ก็ให้ท่านยะอฺฟัรฺ บิน อบี ฏอลิบ นำแทน และหากยะอฺฟัรฺตายก็ให้อับดุลลอฮฺ บิน เราะวาหะฮฺ นำทัพต่อ สุดท้ายทั้งหมดก็ตายชะฮีด หลังจากนั้นท่านษาบิต บิน อัรก็อม ได้คว้าธงรบชูไว้ แล้วถามบรรดาทหารมุสลิมว่า พวกท่านจงแต่งตั้งผู้นำทัพของเราหนึ่งคน  แล้วพวกเขาก็เลือกคอลิด บิน อัล-วะลีด  ตรงนี้เองความกล้าหาญยิ่งของท่านคอลิด และความฉลาดยิ่งของท่านจึงปรากฏชัดขึ้น ท่านได้เริ่มจัดขบวนทหารใหม่โดยให้ทหารที่รบด้านขวาย้ายไปด้านซ้ายและให้ทหารบางส่วนมาอยู่แนวหลังแล้วแสดงให้ดูเสมือนว่า มีกองหนุนเพิ่มมา เพื่อทำลายขวัญของสัตรู แล้วให้มุสลิมบุกหนัก เพื่อให้โรมันถอยและเสียขวัญ ตัวท่านเองก็ได้แสดงความกล้าหาญหลายอย่าง จนผู้กล้าและวีรบุรุษหลายคนไม่อาจเลียนแบบได้  และด้วยความฉลาดของท่าน ท่านได้ใช้วิธีการที่แยบยลในการถอยทัพอย่างเป็นระบบ และจบการสู้รบเพียงเท่านั้นเพราะท่านเห็นว่าไม่ควรสู้ต่อไปเพราะความไม่สมดุลของปริมาณทหาร และท่านนบีได้ให้สมญาการถอยทัพนี้ว่าเป็นชัยชนะ ท่านได้กล่าวขณะที่ท่านสดุดีเกียรติของแม่ทัพทั้งสามที่ตายไปว่า

“แล้วธงรบก็ถูกถือโดยดาบหนึ่งจากบรรดาดาบของอัลลอฮฺ จนกระทั่งอัลลอฮฺได้ให้ชัยชนะ”

(เศาะฮีหฺ อัล-บุคอรีย์ 3/33  หมายเลข  3757)


 

          ท่านคอลิดยังได้ร่วมในสงความปราบปรามกลุ่มพวกมุรตัด สงครามพิชิตอิรัก และบรรดานักประวัติศาสตร์มีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องสาเหตุที่ท่านถูกปลดจากการเป็นแม่ทัพในการเปิดประเทศชาม ที่ถูกต้องแล้วน่าจะเป็นสิ่งที่มีรายงานจากท่านอุมัรฺ บิน อัล-ค็อฏฏอบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าท่านกล่าวว่า

“ไม่เลย อย่างไรเสียฉันก็จะปลดคอลิดอย่างแน่นอน เพื่อที่ผู้คนจะได้รู้ว่า แท้จริง อัลลอฮฺสามารถที่จะช่วยเหลือศาสนาของพระองค์ให้ได้รับชัยชนะ แม้จะเป็นคนอื่นนำทัพแทนคอลิดก็ตาม”

(สิยัรฺ อะอฺลาม อัน-นุบะลาอ์ 1/378)

ส่วนหนึ่งจากบรรดาคำพูดของท่านที่โดดเด่นคือ ท่านกล่าวว่า

“คืนที่ฉันได้รับการมอบเจ้าสาวที่ฉันรัก ก็ยังไม่เป็นที่รักยิ่งสำหรับฉันมากกว่า คืนที่แสนจะหนาวเหน็บ มีหิมะตกแล้วฉันเดินอยู่พร้อมกับบรรดามุฮาญิรีนในขบวนทหารหนึ่งที่ถูกส่งไปสู้รบจนรุ่งเช้าเพื่อรบกับศัตรูของอิสลาม” 

(สิยัรฺ อะอฺลาม อัน-นุบะลาอ์ 1/375)


ท่านได้เขียนจดหมายไปยังชาวเปอร์เซีย ในนั้นท่านกล่าวว่า “แท้จริง ฉันได้นำกองทัพหนึ่งที่พวกเขารักความตาย(ในสนามรบ) เหมือนกับที่ชาวเปอร์เซียรักการดื่มสุรา”

และท่านก็อยส์ บิน อบี ฮาซิม ได้กล่าวว่าฉันได้ยินท่านคอลิดกล่าวว่า “การออกไปทำสงครามในหนทางของอัลลอฮฺได้ทำให้ฉันไม่มีเวลาในการเรียนรู้อัลกุรอาน”

(ท่านอัลหาฟิษ อิบนุ หะญัรฺ ได้กล่าวไว้ใน หนังสืออัลมะฏอลิบ อัล-อาลิยะฮฺ 4041)

 

ท่านอบู อัซ-ซินาด ได้กล่าวว่า 

"เมื่อใกล้สิ้นใจ ท่านคอลิดได้ร้องไห้ และรำพันว่า  "แท้จริงฉันได้ร่วมในสงครามนั้นสงครามนี้มากมาย และบนร่างกายฉันนี้ ไม่มีที่ว่างแม้คืบเดียวนอกจากจะมีรอยบาดแผลจากคมดาบ ธนูและหอก แล้วนี่ฉันต้องตายอยู่บนเตียงนอนเหมือนเช่นอูฐตายกระนั้นหรือ ตาของผู้ที่ขี้คลาดคงไม่หลับสนิทหรอก"  แท้จริงท่านคอลิดหวังที่จะตายชะฮีดในสนามรบ และเราหวังจากอัลลอฮฺว่าพระองค์จะให้ท่านจะได้รับผลบุญการตายชะฮีดดังที่หวัง”


เพราะมีรายงานจากท่านสะฮ์ลฺ บิน อบี อุมามะฮฺ บิน สะฮ์ลฺ บิน หะนีฟ จากปู่ของท่านว่า ท่านนบี ได้กล่าวว่า

“ผู้ใดที่ขอดุอาอ์จากอัลลอฮฺ ให้ได้รับการตายชะฮีดด้วยใจจริง อัลลอฮฺจะให้เขาได้บรรลุถึงระดับผู้ตายชะฮีด แม้เขาจะนอนตายอยู่บนที่นอนก็ตาม”

(เศาะฮีหฺ มุสลิม 3/1517  หมายเลข  1909)


          และในขณะที่ท่านคอลิดเสียชีวิตนั้นท่านไม่ได้ทิ้งสมบัติใดนอกจาก ม้ารบหนึ่งตัว ดาบหนึ่งเล่มและทาสหนึ่งนาย  ซึ่งท่านได้บริจาคให้เป็นทรัพย์สินในหนทางของอัลลอฮฺ เมื่อข่าวนี้ไปถึงยังท่านอะมีรุลมุอ์มินีน อุมัรฺ บิน อัล-ค็อฏฏอบ ท่านอุมัรฺได้กล่าวว่า

 “ขออัลลอฮฺเมตตาอบู สุลัยมาน (คอลิด) เขาเป็นดังที่เราคิดไว้จริงๆ”

 (สิยัรฺ อะอฺลาม อัน-นุบะลาอ์ 1/383)


และในหะดีษของท่านอุมัรฺ บิน อัล-ค็อฏฏอบในเรื่องซะกาต ท่านนบี ได้กล่าวว่า

“ส่วนคอลิดนั้น เขาได้มอบเสื้อเกราะและอาวุธต่างๆ ของเขาไว้เพื่อหนทางของอัลลอฮฺ”

(เศาะฮีหฺ อัล-บุคอรีย์ 1/447 หะดีษมุอัลลัก ในเรื่องสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับซะกาต)

 

ท่านคอลิดได้เสียชีวิตในปีที่ 21 ฮิจญ์เราะฮฺที่เมือง หิมศ์ (ฮอมส์) โดยมีอายุ 58 ปี (สิยัรฺ อะอฺลาม อัน-นุบะลาอ์ 1/383)


          ขออัลลอฮฺทรงเมตตพึงพอพระทัยในตัวท่านคอลิดและตอบแทนท่านแทนอิสลามและบรรดามุสลิมทั้งมวลด้วยการตอบแทนที่ดียิ่ง และรวบรวมเรากับท่านในสรวงสวรรค์ของพระองค์ด้วย อามีน

 

 

แปลโดย : อิสมาน จารง / Islam house