แสดงละครสะท้อนสังคม ได้ไหม?
คำถาม
เมื่อมีการจัดงานมัสยิด หรืองานโรงเรียน จะมีการให้นักเรียนแสดงละครเพื่อสะท้อนสังคมในบทบาทต่างๆ เพื่อหวังให้ผู้ชมได้รับรู้ข้อคิดเกี่ยวกับศาสนาในการแสดงละครเรื่องนั้นๆ สามารทำได้หรือไม่ ?
การสรรเสริญทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์แห่งอัลลอฮ์
คำตอบ
การเรียกร้องเชิญชวนไปสู่อัลลอฮ์ (ดะวะห์)เป็นงานของบรรดานะบีและบรรดารอซูล เป็นการอิบาดะห์ เป็นการเชื่อฟัง และเป็นการแสวงหาความใกล้ชิด กับอัลลอฮ์ แต่..การแสดงละครเป็นผลิตผลของตะวันตก ถ้าสิ่งนี้มีผลดีกับมวลมุสลิม บรรดาซอฮาบะห์ของท่านนบี คงทำไปก่อนหน้าพวกเราแล้ว
การแสดงละครเกิดขึ้นครั้งแรกในสังคมมุสลิมโดยฝีมือของพวกคริสเตียน ดังท่าน เชคบักร อาบูเซด ได้ชี้แจงไว้ในวิทยานิพนธ์ของท่านในเรื่อง “การแสดง เนื้อแท้ของมัน และความเป็นมาของมัน” ในบทจบของวิทยานิพนธ์ ท่านได้สรุปไว้ว่า
การแสดงละครนั้น เป็นอาชีพหนึ่ง เป็นการแสดงชนิดหนึ่ง และเป็นวิธีการหาเงินอย่างหนึ่ง เป็นการแสดงโชว์รูปร่างหน้าตา เพื่อให้คนดู จึงไม่เป็นที่อนุญาต เพราะถ้าการแสดงเป็นไปในเรื่องศาสนาก็เป็นอุตริกรรม เพราะไม่มีตัวบทใช้ให้ทำ และเป็นที่รู้กันว่าละครเกิดมาจากฝีมือของคริสเตียนชาวกรีก หรือถ้าหากการแสดงไม่ใช่เรื่องของศาสนา มันก็เป็นเรื่องไร้สาระและฮารอม เพราะเป็นการเลียนแบบศาสนาอื่นอย่างชัดแจ้ง ขัดต่อบทบัญญัติของอิสลาม
เชคอิบนิอุซัยมีน กล่าวว่า
“ฉันไม่ขอเตือนเรื่องการฝึกการแสดงละคร แต่บรรดานักวิชาการนั้นพวกเขาได้ชี้แจงให้ผู้คนได้รู้ถึงฮุก่ม(บทบัญญัติ)ต่างๆของอัลลอฮ และรอซูลของพระองค์และ การที่คนๆหนึ่งแต่งตัวเป็นคนนั้นเป็นคนนี้และบอกว่า ฉันคืออุมัร ฉันคืออุสมาน หรือคนอื่นๆ แบบนี้เป็นเรื่องโกหกชัดๆไม่อนุญาตให้ทำอย่างเด็ดขาด"
การแสดงละครนั้นจริงๆแล้วอันตรายมาก เพราะบางฉาก บางบท ทำให้ออกนอกอิสลาม(ตกศาสนา)โดยไม่รู้ตัว เช่นนักแสดงมุสลิมไปแสดงในบทกาเฟร ต้องพูดคำพูดเป็นการปฏิเสธ สิ่งนี้ทำให้ตกศาสนาได้ และเคยได้ยินผู้แสดงบางคน แสดงในบทกาเฟร เขาด่าทอศาสนาอิสลามและมุสลิม และบอกว่าเขานั้นไม่นับถืออิสลาม และไม่ใช่มุสลิม
ทุเรศ.....จริงๆ การเชิญชวนไปสู่อัลลอฮ ด้วยการด่าทออิสลาม และมุสลิม ถึงแม้จะเป็นแค่การแสดงก็ตาม
อันตรายของการแสดงละครอีกอย่าง คือ ถ้าแสดงในบทพ่อมด หมอผี จะต้องพูดคำพูดที่เป็นชิริก เขาก็ตกเป็นมุชริก(ผู้ตั้งภาคี) แต่กับคิดว่ายังอยู่ในหนทางที่ถูกต้อง และคิดว่ากำลังช่วยเหลือศาสนา(ความคิดจากชัยฏอน) แต่จริงๆแล้วเขาเป็นกาเฟร(ผู้ปฏิเสธ)เสียแล้ว(ขออัลลอฮ์คุ้มครอง)
อีกหนึ่งอันตรายคือ การแสดงในบทคนดี เช่น บทนักวิชาการผู้ทรงความรู้ และที่แย่ไปกว่านั้นคือ การแสดงในบทบาทของซอฮาบะห์ ที่เลวร้ายที่สุดคือแสดงในบทของบรรดานบี เพราะการกระทำแบบนี้เป็นการดูถูกเหยียดหยามบุคคลเหล่านั้น
ในฟาตาวา อัลลุจนะห์ดาอีมะห์ของซาอุดี้อาระเบียบอกว่า
ห้ามการแสดงในบทบาทของซอฮาบะห์ ไม่ว่าคนหนึ่งคนใด เพราะเป็นการเหยียดหยาม และทำลายชื่อเสียงของพวกเขา หากเขาแสดงได้ดีก็ดีได้แต่ไม่เหมือนจริง หรือหากเขาแสดงได้ไม่เหมือนเลยยิ่งต้องห้าม และการแสดงที่เลวทรามอีกอย่างคือการเอาคนชั่วคนเลวไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายมาแสดงในบทบาทของซอฮาบะห์ สภานักวิชาการอาวุโสออกมติว่า ห้ามการแสดงในบทบาทของซอฮาบะห์
ครั้งหนึ่งมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาบอกฉันว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมคิดถึงชีวประวัติของซอฮาบะห์ของท่านนบีบางท่าน ต้องคิดถึงดาราคนที่แสดงในบทของซอฮาบะห์ท่านนั้น เขากลับเอาภาพของซอฮาบะห์ และคนดีๆ อยู่ในภาพของดารานักแสดงที่ชั่วช้า หรือนักแสดงที่เป็นกาเฟร(ผู้ปฏิเสธ) (พอนึกถึงอุมัรมุกตารเรานึกถึงภาพใคร)
สภานักวิชาการอาวุโสได้ตั้งข้อสังเกตุในการประชุมเมื่อวันที่ 1/4/1393ฮ.ศ และมีมติว่า
อัลลอฮนั้นยกย่องบรรดาซอฮาบะห์ และบอกถึงสถานะที่สูงส่งของพวกเขา การเอาชีวประวัติคนหนึ่งคนใดของพวกเขามาถ่ายทอดโดยผ่านการแสดงละคร หรือภาพยนต์ก็แสดงว่า พวกเขาปฏิเสธการยกย่องของอัลลอฮ์ต่อบรรดานบี และบรรดาศอฮาบะฮ์ และเป็นการดึงเขาเหล่านั้นให้ตกต่ำลงมาจากสถานะที่อัลลอฮ์มอบแด่พวกเขา
والله تعالى أعلم .
المجيب الشيخ/ عبدالرحمن السحيم
ผู้แปล شريف الريس