แสดงละครสะท้อนสังคม ได้ไหม?
  จำนวนคนเข้าชม  8019

แสดงละครสะท้อนสังคม ได้ไหม?


คำถาม

         เมื่อมีการจัดงานมัสยิด หรืองานโรงเรียน จะมีการให้นักเรียนแสดงละครเพื่อสะท้อนสังคมในบทบาทต่างๆ เพื่อหวังให้ผู้ชมได้รับรู้ข้อคิดเกี่ยวกับศาสนาในการแสดงละครเรื่องนั้นๆ  สามารทำได้หรือไม่ ?


การสรรเสริญทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์แห่งอัลลอฮ์


คำตอบ

         การเรียกร้องเชิญชวนไปสู่อัลลอฮ์ (ดะวะห์)เป็นงานของบรรดานะบีและบรรดารอซูล  เป็นการอิบาดะห์ เป็นการเชื่อฟัง และเป็นการแสวงหาความใกล้ชิด กับอัลลอฮ์ แต่..การแสดงละครเป็นผลิตผลของตะวันตก  ถ้าสิ่งนี้มีผลดีกับมวลมุสลิม บรรดาซอฮาบะห์ของท่านนบี  คงทำไปก่อนหน้าพวกเราแล้ว

         การแสดงละครเกิดขึ้นครั้งแรกในสังคมมุสลิมโดยฝีมือของพวกคริสเตียน ดังท่าน เชคบักร อาบูเซด ได้ชี้แจงไว้ในวิทยานิพนธ์ของท่านในเรื่อง “การแสดง เนื้อแท้ของมัน และความเป็นมาของมัน” ในบทจบของวิทยานิพนธ์ ท่านได้สรุปไว้ว่า

        การแสดงละครนั้น เป็นอาชีพหนึ่ง เป็นการแสดงชนิดหนึ่ง  และเป็นวิธีการหาเงินอย่างหนึ่ง เป็นการแสดงโชว์รูปร่างหน้าตา เพื่อให้คนดู จึงไม่เป็นที่อนุญาต  เพราะถ้าการแสดงเป็นไปในเรื่องศาสนาก็เป็นอุตริกรรม เพราะไม่มีตัวบทใช้ให้ทำ และเป็นที่รู้กันว่าละครเกิดมาจากฝีมือของคริสเตียนชาวกรีก  หรือถ้าหากการแสดงไม่ใช่เรื่องของศาสนา มันก็เป็นเรื่องไร้สาระและฮารอม เพราะเป็นการเลียนแบบศาสนาอื่นอย่างชัดแจ้ง ขัดต่อบทบัญญัติของอิสลาม


เชคอิบนิอุซัยมีน กล่าวว่า

         “ฉันไม่ขอเตือนเรื่องการฝึกการแสดงละคร แต่บรรดานักวิชาการนั้นพวกเขาได้ชี้แจงให้ผู้คนได้รู้ถึงฮุก่ม(บทบัญญัติ)ต่างๆของอัลลอฮ และรอซูลของพระองค์และ การที่คนๆหนึ่งแต่งตัวเป็นคนนั้นเป็นคนนี้และบอกว่า ฉันคืออุมัร  ฉันคืออุสมาน หรือคนอื่นๆ แบบนี้เป็นเรื่องโกหกชัดๆไม่อนุญาตให้ทำอย่างเด็ดขาด"


        การแสดงละครนั้นจริงๆแล้วอันตรายมาก เพราะบางฉาก บางบท ทำให้ออกนอกอิสลาม(ตกศาสนา)โดยไม่รู้ตัว เช่นนักแสดงมุสลิมไปแสดงในบทกาเฟร ต้องพูดคำพูดเป็นการปฏิเสธ  สิ่งนี้ทำให้ตกศาสนาได้ และเคยได้ยินผู้แสดงบางคน แสดงในบทกาเฟร  เขาด่าทอศาสนาอิสลามและมุสลิม และบอกว่าเขานั้นไม่นับถืออิสลาม และไม่ใช่มุสลิม

ทุเรศ.....จริงๆ การเชิญชวนไปสู่อัลลอฮ ด้วยการด่าทออิสลาม และมุสลิม ถึงแม้จะเป็นแค่การแสดงก็ตาม


          อันตรายของการแสดงละครอีกอย่าง คือ ถ้าแสดงในบทพ่อมด หมอผี จะต้องพูดคำพูดที่เป็นชิริก เขาก็ตกเป็นมุชริก(ผู้ตั้งภาคี) แต่กับคิดว่ายังอยู่ในหนทางที่ถูกต้อง และคิดว่ากำลังช่วยเหลือศาสนา(ความคิดจากชัยฏอน)  แต่จริงๆแล้วเขาเป็นกาเฟร(ผู้ปฏิเสธ)เสียแล้ว(ขออัลลอฮ์คุ้มครอง)

         อีกหนึ่งอันตรายคือ การแสดงในบทคนดี เช่น บทนักวิชาการผู้ทรงความรู้ และที่แย่ไปกว่านั้นคือ การแสดงในบทบาทของซอฮาบะห์ ที่เลวร้ายที่สุดคือแสดงในบทของบรรดานบี เพราะการกระทำแบบนี้เป็นการดูถูกเหยียดหยามบุคคลเหล่านั้น

 


ในฟาตาวา อัลลุจนะห์ดาอีมะห์ของซาอุดี้อาระเบียบอกว่า

         ห้ามการแสดงในบทบาทของซอฮาบะห์ ไม่ว่าคนหนึ่งคนใด เพราะเป็นการเหยียดหยาม และทำลายชื่อเสียงของพวกเขา หากเขาแสดงได้ดีก็ดีได้แต่ไม่เหมือนจริง หรือหากเขาแสดงได้ไม่เหมือนเลยยิ่งต้องห้าม   และการแสดงที่เลวทรามอีกอย่างคือการเอาคนชั่วคนเลวไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายมาแสดงในบทบาทของซอฮาบะห์  สภานักวิชาการอาวุโสออกมติว่า ห้ามการแสดงในบทบาทของซอฮาบะห์

 

        ครั้งหนึ่งมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาบอกฉันว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมคิดถึงชีวประวัติของซอฮาบะห์ของท่านนบีบางท่าน ต้องคิดถึงดาราคนที่แสดงในบทของซอฮาบะห์ท่านนั้น เขากลับเอาภาพของซอฮาบะห์ และคนดีๆ อยู่ในภาพของดารานักแสดงที่ชั่วช้า หรือนักแสดงที่เป็นกาเฟร(ผู้ปฏิเสธ) (พอนึกถึงอุมัรมุกตารเรานึกถึงภาพใคร)

 


สภานักวิชาการอาวุโสได้ตั้งข้อสังเกตุในการประชุมเมื่อวันที่ 1/4/1393ฮ.ศ และมีมติว่า

         อัลลอฮนั้นยกย่องบรรดาซอฮาบะห์ และบอกถึงสถานะที่สูงส่งของพวกเขา การเอาชีวประวัติคนหนึ่งคนใดของพวกเขามาถ่ายทอดโดยผ่านการแสดงละคร หรือภาพยนต์ก็แสดงว่า พวกเขาปฏิเสธการยกย่องของอัลลอฮ์ต่อบรรดานบี และบรรดาศอฮาบะฮ์  และเป็นการดึงเขาเหล่านั้นให้ตกต่ำลงมาจากสถานะที่อัลลอฮ์มอบแด่พวกเขา


والله تعالى أعلم .

 


المجيب الشيخ/ عبدالرحمن السحيم

  ผู้แปล    شريف الريس