การละทิ้งละหมาดอัศร์ และ การรีบร้อนเหนืออัลลอฮฺ
สิ่งที่ทำให้การงานที่ดีต่างๆ เป็นโมฆะ 5
ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์
สิ่งที่สี่ การละทิ้งละหมาดอัศร์
อัลลอฮฺตรัสความว่า
﴿ حَٰفِظُواْ عَلَى ٱلصَّلَوَٰتِ وَٱلصَّلَوٰةِ ٱلۡوُسۡطَىٰ﴾ [البقرة: ٢٣٨]
“พวกเจ้าจงรักษาบรรดาละหมาดไว้ และละหมาดที่อยู่กึ่งกลาง”
(สูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ 238)
มีรายงานจากท่านบุร็อยดะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«مَنْ تَرَكَ صَلَاةَ الْعَصْرِ حَبِطَ عَمَلُهُ» [البخاري برقم 594]
“ใครที่ละทิ้งละหมาดอัศร์ การงานของเขานั้นจะไร้ผล”
(เศาะฮีหฺ อัล-บุคอรีย์ 1/200 หมายเลข 594)
สิ่งที่ห้า คือ รีบร้อนเหนืออัลลอฮฺ
รายงานจากท่าน ฎ็อมฎ็อม บิน เญาสิน อัล-ยะมามีย์ กล่าวว่า “ฉันได้เข้าไปในมัสยิดมะดีนะฮฺแล้วมีคนชราคนหนึ่ง ร้องเรียกฉันว่า “โอ้ ยะมามีย์จงมาที่นี่” ฉันไม่ได้รู้จักเขา
ชายชราคนนั้นกล่าวว่า “ท่านอย่ากล่าวแก่ผู้อื่นว่า ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ อัลลอฮฺจะไม่ให้อภัยท่านอีกแล้ว (หรือ) อัลลอฮฺจะไม่ให้ท่านเข้าสวรรค์เด็ดขาด”
ฉันก็กล่าวว่า “ท่านเป็นใคร ขออัลลอฮฺโปรดเมตตาท่านเถิด?”
ชายชราคนนั้นตอบว่า “ฉันคือ อบู ฮุร็อยเราะฮฺ”
ท่านฎ็อมฎ็อมกล่าวว่า “แท้จริง คำพูดเช่นนี้ พวกเรามักจะกล่าวแก่คนในครอบครัวหรือภรรยาเมื่อมีการโกรธกัน”
เขา(อบูฮุร็อยเราะฮฺ)กล่าวว่า “แท้จริง ฉันได้ยินท่าน เราะสูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«كَانَ رَجُلَانِ فِي بَنِي إِسْرَائِيلَ مُتَحَابَّيْنِ، أَحَدُهُمَا مُجْتَهِدٌ فِي الْعِبَادَةِ، وَالْآخَرُ كَأَنَّهُ يَقُوْلُ مُذْنِبٌ، فَجَعَلَ يَقُولُ : أَقْصِرْ أَقْصِرْ عَمَّا أَنْتَ فِيْهِ. فَيَقُوْلُ: خَلِّنِي وَرَبِّي، قال: حَتَّى وَجَدَهُ يَوْمًا عَلَى ذَنْبٍ اسْتَعْظَمَهُ، فقال: أَقْصِرْ. فَقَالَ: خَلِّنِي وَرَبِّي، أَبُعِثْتَ عَلَينَا رَقِيبًا، فَقَالَ: وَاللَّهِ! لَا يَغْفِرُ اللَّهُ لَكَ أَبَدًا، وَلَا يُدْخِلُكَ اللَّهُ الْجَنَّةَ أَبَدًا. قَالَ فَبَعَثَ اللَّهُ إِلَيْهِمَا مَلَكًا فَقَبَضَ أَرْوَاحَهُمَا فَاجْتَمَعَا عِنْدَهُ، فَقَالَ لِلْمُذْنِب : ادْخُلْ الْجَنَّةَ بِرَحْمَتِي، وَقَالَ لِلْآخَرِ : أَتَسْتَطِيْعُ أَنْ تَحْظُرَ عَلَى عَبْدِيْ رَحْمَتِيْ؟ فَقَالَ : لَا يَا رَبّ. قَالّ: اذْهَبُوا بِهِ إِلَى النَّارِ» [شرح السنة : 14، 384، 385، وصححه الألباني في صحيح وضعيف سنن أبي داود : 4901]
“ชายสองคนในหมู่บนี อิสรออีลมีความรักใคร่สนิทสนมกัน คนหนึ่งเป็นคนที่ขยันทำอิบาดะฮฺ ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นคล้ายๆ ว่า ท่าน(นบี)จะกล่าวว่า เป็นคนทำบาป
คนแรกมักจะกล่าวแก่คนที่สองว่า “จงละทิ้ง จงละทิ้ง บาปที่ท่านทำอยู่”
ท่านกล่าวว่า แล้วอีกคนก็จะตอบว่า “ปล่อยฉันกับพระเจ้าของฉัน(เถิด)”
ท่านเล่าต่อว่า “จนกระทั่งวันหนึ่งชายคนแรกพบว่าเพื่อนของเขากำลังทำบาปหนึ่งซึ่งเขาถือว่าเป็นบาปใหญ่”
เขา(ชายที่ดี)ก็กล่าวว่า “จงละทิ้งมันเสีย”
เขา(ชายที่ทำบาป)ก็ตอบว่า “ปล่อยฉัน และพระเจ้าของฉัน เขาส่งท่านมาเป็นผู้สอดส่องหรือ?”
เขา(ชายที่ดี)ก็กล่าวว่า “ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ อัลลอฮฺจะไม่ให้อภัยท่านอีกแล้ว อัลลอฮฺจะไม่ให้ท่านเขาสวรรค์อีกแล้ว”
ท่านนบีกล่าวว่า “แล้วอัลลอฮฺได้ส่งมะลาอิกะฮฺท่านหนึ่งมาหาพวกเขาแล้วปลิดวิญญานของเขาทั้งสอง แล้วทั้งสองก็อยู่ร่วมกัน ณ อัลลอฮฺ
อัลลอฮฺก็กล่าวแก่คนทำบาปว่า “ท่านจงเข้าสวรรค์ด้วยความเมตตาของฉัน”
แล้วพระองค์กล่าวกับอีกคนว่า “ท่านสามารถขัดขวาง(ห้าม)บ่าวของฉันจากความเมตตาของฉันได้หรือ?
เขากล่าวว่า “ไม่ โอ้พระเจ้าของฉัน”
อัลลอฮฺกล่าว(แก่บรรดามะลาอิกะฮฺ)ว่า “พวกท่านจงนำเขาไปยังไฟนรก”
อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า “ขอสาบานด้วยผู้ที่ชีวิตฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ เขาได้กล่าวคำที่ทำลายทั้งดุนยาและอาคีเราะฮฺของเขา”
(ดู ชัรฮุ อัส-สุนนะฮฺ หน้า 14, 384, 385)
แปลโดย : อิสมาน จารง / Islam House