วะลีมะตุนนิกะห์ คนจนมีสิทธิ์ไหมครับ?!
โดย.... อ.มุนีร มะหมัด
วะลีมะตุนนิกะห์ คือ งานเลี้ยงที่จัดขึ้นเพื่อแสดงออกถึงความยินดี เนื่องในโอกาสที่มีการนิกะห์(แต่งงาน) ซึ่งเป็นซุนนะฮฺที่นบี มุฮัมมัด สนับสนุนให้จัดขึ้น ดังที่ท่านอนัส อิบนิมาลิก ร่อฏิยัลลอฮุอันฮฺ ว่า
ท่านนบี เห็นอับดุรเราะห์มาน อิบนิเอาฟ์ มีร่องรอยสีเหลืองท่านจึงกล่าวว่า “นี่คืออะไร”
อับดุรเราะห์มานกล่าวว่า “ฉันแต่งงานกับสตรีนางหนึ่ง ด้วยทองคำก้อนหนึ่ง"
ท่านนบี กล่าวว่า " بَارَكَ اللهُ لَكَ ، أوْلِمْ وَلَوْ بِشَاةٍ " “ขออัลลอฮฺทรงประทานความจำเริญแด่ท่าน ท่านจงจัดวะลีมะห์เถิด แม้ด้วยแกะเพียงตัวเดียว”
(บันทึกโดย บรรดานักบันทึกหะดีษ )
ส่วนการจัดวะลีมะฮฺของนบี มุฮัมมัด ปรากฏในหะดีษหลายบท เช่น
- ท่านอนัส อิบนิมาลิก ร่อฎิยัลลอฮุอันฮฺ ท่านนบี มิได้จัดวะลีมะฮฺผู้ใดในบรรดาภรรยาของท่าน เหมือนกับท่านจัดแก่นางซัยนับ ท่านจัดวะลีมะห์โดยเชือดแกะ ๑ ตัว
หะดีษมุตตฟะกุนอะลัยฮฺ
- ท่าน อนัสร่อฎิยัลลอฮุอันฮฺ ท่านร่อซูลุลลอฮฺ จัดวะลีมะฮฺ เมื่อท่านได้นิกะห์กับนางซัยนับ บินติ ญะห์ช์ " โดยที่ท่านได้เลี้ยงคนทั้งหลายด้วยขนมปังและเนื้อสัตว์จนอิ่ม”
หะดีษมุตตะฟัก อลัยฮฺ
- ท่านอนัสร่อฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า
"ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ได้ปล่อยนางซอฟียะฮฺให้เป็นอิสระ และทำให้การปล่อยนางให้เป็นอิสระเป็นมะฮัรของนาง และท่านได้จัดวะลีมะห์แก่นางด้วยอาหารทำจากอินทผลัม นมข้น และเนย”
หะดีษมุตตะฟัก อลัยฮฺ
- ท่านอนัส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า
“ท่านนบี พักอยู่ระหว่างตำบลคอยบัร และมะดีนะฮฺเป็นเวลา ๓ คืน โดยมีการจัดนิกาห์นางซ่อฟียะฮฺกับท่าน ฉันได้เชื้อเชิญบรรดามุสลิมมาร่วมงานวะลีมะฮฺของท่าน โดยมีแต่ขนมปัง ไม่มีเนื้อสัตว์ และไม่มีสิ่งใดนอกจากแผ่นหนังที่ถูกกางออก แล้วนำอินทผลัม นมข้น และเนยใส่ลงไป”
บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ (๔๒๑๓)
- ท่านหญิง ซอฟียะฮฺ บินติ ชัยบะฮฺ رضي الله عنها กล่าวว่า “ท่านนบี จัดวะลีมะห์แก่ภรรยาของท่านบางคน ด้วยข้าวบาร์เลย์จำนวน ๒ มุด”
บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ (๕๑๗๒)
จากหะดีษข้างต้น เป็นแบบอย่างการจัดวะลีมะห์ของท่านนบี ไม่มีกำหนดตายตัวว่าจะต้องเป็นอาหารประเภทหนึ่งประเภทใดเป็นการเฉพาะ จะน้อยหรือมาก จะเป็นเนื้อสัตว์ หรือเป็นอาหารประเภทอื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละครอบครัวและธรรมเนียมของแต่ละท้องถิ่น ถ้าไม่ขัดกับหลักการของศาสนา เช่น มิได้จัดงานวะลีมะห์ เพื่อโอ้อวด เพื่อชื่อเสียง เพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ มีอำนาจ บารมี หากแต่จัดเพื่อเลี้ยงแขกเหรื่อ ซึ่งเป็นญาติพี่น้อง มิตรสหาย เพื่อนบ้าน และคนรู้จักโดยทั่วไป ไม่เจาะจง เชื้อเชิญเฉพาะผู้ร่ำรวยมีฐานะ มีชื่อเสียง มีตำแหน่ง ไม่สนใจผู้ด้อยฐานะ คนยากจน เด็กกำพร้า อนาถา ซึ่งเป็นที่รู้จักมักคุ้นกัน
บรรยากาศในการจัดเลี้ยง จะต้องไม่มีการรื่นเริงที่หะรอม หรือบริการอาหารและเครื่องดื่มที่หะรอม
ดังนั้น บางคนเข้าใจว่า การจัดวะลีมะตุนนิกะห์ให้เลี้ยงเพียงนม ๑ แก้ว อินทผลัม ๑ ผล โดยเชื่อว่าเป็นแบบอย่างของท่านร่อซูล หรือการนิกะห์ที่เฉพาะเจาะจงต้องให้เชคที่ตัวเองนับถือเป็นผู้ทำพิธีให้ หรือนิกาห์เป็นหมู่เฉพาะพวกของตน ความเข้าใจเช่นนี้คงจะไม่ถูกต้อง อีกทั้งยังอาจปลุกกระแสให้เกิดความหลงใหล คลั่งไคลในตัวบุคคล และแปรความหมายของซุนนะฮฺไปในเจตนารมณ์อย่างอื่น.....
มูลนิธิ ชี้นำสู่สันติสุข