ธรรมชาติที่พระองค์อัลลอฮฺทรงสร้าง
โดย...อ. อับดุลเราะมัน เจะอารง
ในสูเราะฮ์ อัล-อันกะบูตเป็นที่รู้กันว่าเป็นสูเราะฮ์แห่งการทดสอบ เพราะในสูเราะฮ์นี้พระองค์ทรงได้เล่าถึงการทดสอบบรรดาเราะสูลของพระองค์ทั้ง 5 ท่าน และประชาชาติก่อน ๆทั้งหมดถึง 3 กลุ่มด้วยกัน คือ
1. ชนชาวอ๊าด
เป็นหมู่ชนที่อาศัยอยู่บริเวณภูเขา อะฮก๊อฟ ที่อยู่ระหว่างประเทศเยเมนกับประเทศโอมาน เป็นชนที่มีร่างกายกำยำ สูงใหญ่โต แข็งแรง พวกเขามีชื่อเสียในเรื่องงานฝีมือ โดยเฉพาะในเรื่องการสร้างอาคารสูงที่มีหอคอยตระหง่าน ชาวอ๊าดมีความเหนือกว่าชาติอื่นในเรื่องอำนาจและทรัพย์สิน ไม่มีใครมีกำลัง ความสามารถทัดเทียม มีเคหะสถาน ป้อมปราการสูงตระหง่าน มั่นคง พวกเขาไม่เชื่อว่าจะมีการฟื้นคืนชีพ หรือการตอบแทนชำระบัญชีใด ๆ พวกเขาปฏิเสธการเคารพสักการะพระองค์อัลลอฮ์แต่พวกเขากลับเคารพบูชาสักการะรูปปั้นต่าง ๆ นี่คือบาปอย่างหนึ่งซึ่งพระองค์ไม่ทรงให้อภัย
พระองค์จึงทรงให้นบีฮูดมาจากกลุ่มนี้ ทำหน้าที่ตักเตือนชาวอ๊าด แต่สิ่งที่พวกชาวอ๊าดตอบกลับมา คือ การยโสดื้อดึงและท้าทาย อยากเห็นการลงโทษว่าเป็นจริงหรือไม่ พระองค์ได้ลงโทษพวกเขาโดยให้พวกเขาประสบกับความแห้งแล้งกันดาร ฝนหยุดตก 3 ปี กระทั่งวันหนึ่ง บนฟ้าปรากฏเมฆดำทะมึน พวกอ๊าดต่างคนต่างดีใจนึกว่าเจว๊ดของพวกเขาช่วยเหลือ หารู้ไม่ว่ามันคือ เมฆที่นำการลงโทษจากพระเจ้า มาทำลายล้างพวกเขาอย่างไม่เคยปรากฏที่ใดมาก่อน จากสภาพที่อากาศร้อนระอุกลับเปลี่ยนเป็นพายุที่หนาวเหน็บ พัดโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง จากเสียงกัมปนาท ทุกอย่างสั่นสะเทือน ที่กำบังพังทาย ลมพายุพัดเอาศีรษะของพวกเขาออกจากร่างกายประหนึ่งต้นอินทผาลัมที่ถูกถอนและถูกตัดยอดออกไป เพื่อเป็นนิทัศน์อุทาหรณ์และบทเรียนแก่บรรดาผู้อวดดี ทะนงตนและเย่อหยิ่งจองหอง
2. ชนชาวษะมูด
ในบรรดาประชาชาติต่าง ๆที่กล่าวไว้ในอัล-กุรอานนั้น ชาวษะมูดเป็นหนึ่งในประชาชาติที่เรามีข้อมูลความรู้มากที่สุดในปัจจุบัน หลักฐานทางประวัติศาสตร์ยืนยันว่า ชาวษะมูดนั้นมีอยู่จริง เป็นหมู่ชนตระกูลอาหรับ อาศัยอยู่ในดินแดนที่เรียกว่า อัล-หิจร์ อยู่ระหว่างปาเลสไตน์กับซาอุดีอารเบียทางทิศตะวันตก หรือในอาณาเขตประเทศจอร์แดนปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม มะดาอิน ศอและห์ พวกษะมูดมีเมืองที่อุดมสมบูรณ์ มีชลประทานคล่องตัว มีสวนผลไม้ที่ให้ผลดกเต็มต้น มีเครื่องนุ่งห่มจากขนสัตว์ มีที่พำนักสกัดจากภูเขาใหญ่โต งดงามและมีอายุยืนยาว
ท่านนบีศอและห์ทำหน้าที่เผยแผ่คำสอนของอัลลอฮ์ เตือนพวกเขาให้รำลึกถึงเหตุการณ์ที่บรรพบุรุษเคยประสบ แต่พวกษะมูดได้เยอะเย้ยและท้าทายท่านนบีศอและห์ อัลลอฮ์ทรงลงโทษพวกเขาโดยที่ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า เสียงกัมปนาทดังกึกก้อง แผ่นดินไหวสะท้าน คร่าชีวิตผู้ปฏิเสธในสภาพคุกเข่าล้มตายคาบ้านของพวกเขาเอง อัลลอฮ์ทรงเล่าเรื่องราวของทั้ง 2 กลุ่มนี้ไว้ความว่า
وعاداً وثَمودَ وقد تبَيَّنَ لكم مِن مساكِنِهِم وزَيَّنَ لهمُ الشيْطانُ أعمالَهم فصدَّهم عن السَّبيلِ وكانوا مسْتبْصِرين (العنكبوت/38)
“และชนอาดและษะมูดและได้เป็นที่ประจักษ์แก่พวกเจ้าแล้ว จากที่พำนักของพวกเขา
และมารชัยฏอนได้ทำให้การงานของพวกเขาเป็นที่เพริดแพร้วแก่พวกเขา
แล้วมันได้หันเหพวกเขาออกจากแนวทางโดยที่พวกเขาเป็นผู้มีสติปัญญาพิจารณา”
3. กษัตริย์ฟาโรห์และพรรคพวก
กษัตริย์ฟาโรห์แห่งอิยิปต์ได้เลี้ยงนบีมูซาเป็นลูกบุญธรรม เมื่อนบีมูซาโตขึ้น อัลลอฮ์ ทรงใช้ให้ท่านชักชวนกษัตริย์ฟาโรห์ยอมรับพระองค์อัลลอฮ์ แต่กษัตริย์ฟาโรห์แข็งกร้าวและดื้อรั้นไม่ยอมรับ พระองค์อัลลอฮฺจึงลงโทษเขาและพรรคพวกด้วยการจมในทะเลแดง พระองค์ทรงเล่าเหตุการณ์นี้ไว้ความว่า
وقارونَ وفِرعَونَ وهامانَ ولَقدْ جاءَهم موسى بالبيِّناتِ فاسْتَكْبَروا في الأرْضِ وما كانوا سابِقين (العنْكَبوت/39)
“และ(ได้ทำลาย) กอรูน(เจ้าของขุมทรัพย์มหาศาล) และฟิรเอาน์ และฮามาน(มุขมนตรีของฟิรเอาน์)
และโดยแน่นอน มูซาได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง แต่พวกเขาหยิ่งผยองในแผ่นดิน และพวกเขาก็หาได้รอดพ้นไปจากเราไม่”
จากบทความนี้สรุปได้ว่า
1. ธรรมชาติที่กล่าวทั้งหมดนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
2. คำสัญญาที่พระองค์อัลลอฮ์ได้ให้กับบรรดาเราะสูลของพระองค์และให้แก่บรรดาผู้ปฏิเสธคำสอนของพระองค์ทั้งหลายเป็นความจริงที่เกิดขึ้น พระองค์ไม่ทรงผิดสัญญาอย่างแน่นอน
3. วัตถุประสงค์ของการทดสอบในชีวิตนี้เพื่อคัดเลือกชีวิตที่บริสุทธิ์จากชีวิตที่ปนเปื้อน และชีวิตที่บริสุทธิ์จะคัดเลือกได้ในยามคับขันและยากลำบาก