การกตัญญูและการเนรคุณต่อผู้บังเกิดเกล้า
  จำนวนคนเข้าชม  6181

 

การกตัญญูและการเนรคุณต่อผู้บังเกิดเกล้า


โดย อาจารย์ ดารี บิน อะหฺมัด


จากโองการแห่งอัลกุรอาน พระองค์อัลลอฮ์ ตรัสความว่า


“และสูเจ้าทั้งหลายจงเคารพสัการะอัลลอฮ์ และอย่าให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีพระองค์ และจงทำดีแก่ผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง

(ซูเราะฮ์ อัน-นิซาอฺ :36)


“จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ท่านทั้งหลายจงมา  ฉันจะอ่านให้ฟังสิ่งที่พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงห้ามแก่พวกท่านไว้

คือ ท่านทั้งหลายจะต้องไม่ให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ และจงทำดีแก่ผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง

(ซูเราะฮ์ อัล-อันอาม :151)


“และพระเจ้าของเจ้าได้บัญญัติไว้ว่า สูเจ้าทั้งหลายจะต้องไม่เคารพสักการะ นอกจากพระองค์เท่านั้น และจงทำดีแก่ผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง

บางทีอาจจะคนใดในสองคน หรือทั้งสองคนบรรลุวัยชราอยู่ที่เจ้า ก็จงอย่าได้กล่าวแก่เขาทั้งสองว่า อุฟ (เป็นคำที่แสดงถึงถึงความรำคาญ และรังเกียจ) 

และจงอย่าขับไล่เขาทั้งสอง และจงกล่าวแก่ทั้งสองอย่างสุภาพและอ่อยโยน และจงน้อมกายแห่งการถ่อมตนลงแก่เขาทั้งสองอันเนื่องจากความเอ็นดู เมตตา

และจงกล่าวว่า “ ข้าแต่พระเจ้าแห่งข้าพระองค์ โปรดเอ็นดู เมตตา แก่เขาทั้งสองด้วยเถิด เช่นเดียวกับที่เขาทั้งสองได้เลี้ยงดูข้าพระองค์มาตั้งแต่เยาว์วัย 

พระเจ้าของสูเจ้าทั้งหลายนั้นทรงเป็นผู้รู้ยิ่งในสิ่งที่อยู่ในจิตใจของสูเจ้าหากสูเจ้าทั้งหลายจะเป็นคนดีแล้ว

 แน่นอนพระองค์นั้นทรงเป็นผู้ทรงอภัยโทษแก่บรรดาผู้กลับเนื้อกลับตัวเสมอ”

(ซูราะฮ์ อัล-อิสรออฺ :23-25)

 

จากฮะดีสของท่านเราะซูล


จากรายงานของท่านอะบีฮุร็อยเราเราะฮ์ว่า  ท่านเราะซูลุลลอฮ์  ได้กล่าวว่า 

“ ไม่มีบุตรคนใดจะตอบแทนผู้บังเกิดเกล้าของเขา (ให้ครบถ้วนได้) นอกจากว่าเขาได้พบผู้บังเกิดเกล้าของเขาเป็นทาส

 แล้วขาก็ซื้อผู้บังเกิดเกล้าของเขากลับคืน เพื่อปลดปล่อยเขาเป็นอิสระ” 

( เล่าโดย มุสลิม และอะบูดาวุด)


จากรายงานของท่านอับดุลลอฮ์บุตรของอัมรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ว่า

ได้มีชายคนหนึ่งมาหาท่านเราะซูล และกล่าวว่า “ ฉันมาทำสัตยาบันแก่ท่านในการอพยพ และฉันได้ละทิ้งบิดา  และมารดาของฉันไว้ในสภาพที่ทั้งสองกำลังร้องไห้อยู่”

แล้วเราะซูลุลลอฮ์ได้กล่าวว่า  “  เจ้าจงกลับไปหาท่านทั้งสองเถิด แล้วจงทำให้ท่านทั้งสองหัวเราะ เช่นเดียวกับที่เจ้าได้ทำให้ท่านทั้งสองร้องไห้”

( เล่าโดย อะบูดาวุด)


จากรายงานของอับดุลลอฮ์บุตรของมัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ว่า 

“ ฉันได้ถามท่านเราะซูล ว่า  งานใดเป็นที่โปรดปรานแก่อัลลอฮ์ยิ่ง?”

ท่านได้กล่าวว่า  “ คือการละหมาดตามเวลาของมัน ”

ฉันได้กล่าว่า “ แล้วก็งานใดอีก ” 

ท่านกล่าวว่า “ การทำดีต่อผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง ”

ฉันได้กล่าวว่า “ แล้วก็งานใดอีก” 

ท่านกล่าวว่า “ การต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ์ ”

(เล่าโดย อัล-บุคอรีย์ และมุสลิม)


จากรายงานของอะบีฮุร็อยเราะฮ์ ว่า มีชายคนหนึ่งมาหาท่านนบี  โดยที่จะขออนุญาตท่านในการญิฮาด (การสู้รบเพื่อป้องกันศาสนา)

แล้วท่านได้กล่าวว่า “ผู้บังเกิดเกล้าของเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือ?

เขากล่าวว่า “ ครับ”  ( หมายถึงยังมีชีวิตอยู่)

ท่านได้กล่าวว่า “ เจ้าจงดิ้นรนต่อสู้เพื่อเขาทั้งสองเถิด”

(เล่าโดย มุสลิม และ อะบูดาวุด)


 จากรายงานของอัสมาอฺ บินติ อะบีบักรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ว่า

“ มารดาของฉันได้มาหาฉันขณะที่ท่านเป็นหญิงมุชริกอยู่ในสมัยกุร็อยชฺ แล้วฉันได้ขอให้ท่านเราะซูล ชี้ขาด โดยกล่าวว่า

“ มารดาของฉันได้มาหาฉันในฐานะผู้ปรารถนา (ความช่วยเหลือ) ฉันจะติดต่อกับมารดาของฉันได้ไหม? ”

ท่านกล่าวว่า “ จงติดต่อกับมารดาของเจ้าเถิด  ”

( เล่าโดย อัล-บุคอรีย์ และมุสลิม)


จากรายงานของอะบีอุมามะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า

“ แท้จริงมีชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า ยา เราะซูลุลลอฮ์ ! “ อะไรคือสิทธิของผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองที่อยู่เหนือบุตรของเขา”  

ท่านได้กล่าวว่า “ ทั้งสองนั้น คือสวรรค์ของเจ้าและนรกของเจ้า” 

(เล่าโดย อิบนุฮิบบาน)

 

 


คัดจาก วารสารสายสัมพันธ์ ( อัร-รอบิเฏาะฮ์ )