การศรัทธาต่อวันปรโลก
อาจารย์ ดารี บิน อะหฺมัด
ความคลุมเครือของผู้ปฏิเสธการฟื้นคืนชีพ
ได้มีผู้คนหลายกลุ่มมองความจริงอันนี้ว่าเป็นสิ่งที่ห่างไกล โดยอ้างว่ามันค้านกับกฎสภาวะการณ์ที่พวกเขาเคยชินอยู่ และเห็นว่าเป็นสิ่งที่ห่างไกลแก่การที่จะเกิดขึ้นได้ และเป็นเรื่องใหญ่โตเกินกว่าสติปัญญาจะรับไว้ได้ เพราะปัญญาของพวกเราไม่เชื่อในเรื่องที่ชีวิตจะกลับมาสู่ร่างกายได้หลังจากที่มันเน่าเปื่อย และผุพังเป็นผุยผงไปแล้ว
อนึ่งเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า มนุษย์นั้นเมื่อตายไปแล้ว ก็จะเปลี่ยนสภาพไปเป็นดิน แล้วดินก็จะเปลี่ยนสภาพไปเป็นพืช แต่แล้วมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือที่เกิดขึ้นมาใหม่ ก็จะบริโภคพืชเหล่านั้นเป็นอาหาร แล้วเขาก็ตายไปในที่สุด มนุษย์จะเป็นไปดังสภาพที่ได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งส่วนประกอบของร่างกายแต่ละคน ต่างก็คลุกเคล้าและปะปนกันจนไม่รู้ว่าส่วนใดเป็นของใคร แล้วอย่างไรเล่ามนุษย์จะถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่
ความคลุมเรือนี้มีมาตั้งแต่บรรพกาลแล้ว และก็ยังวกวนอยู่ในใจของมนุษย์อีกมากมาย อัล-กุรอานได้ระบุความคลุมเครืออันนี้ ขณะเดียวกันก็ได้แก้ไขข้อข้องใจไว้พร้อมกันดังข้อความต่อไปนี้:-
“ และเขาเหล่านั้นได้กล่าวว่า มันมิใช่อื่นใด นอกจากชีวิตความเป็นอยู่ของเราแห่งโลกนี้เท่านั้น
ซึ่งเราจะตายและเราจะเป็น และไม่มีอะไรที่จะทำให้เราพินาศไปได้ นอกจากกาลเวลาเท่านั้น
พวกเขาหามีความรู้ใดๆในเรื่องนั้นไม่ พวกเขาไม่มีอะไรอื่น นอกจากนึกคิดเอาเท่านั้น
และเมื่อโองการของเราถูกอ่านให้เขาฟังโดยชัดเจน ก็มิปรากฏว่าพวกเขามีหลักฐานอันชัดใด (ข้อโต้แย้ง)
นอกจากพวกเขาได้กล่าวว่า “ จงนำบรรพบุรุษของพวกเรามาหากพวกท่านเป็นผู้พูดจริง
จงกล่าวเถิด( มูฮัมมัด ) ว่าอัลลอฮ์นั้นทรงให้พวกท่านมีชีวิตขึ้นแล้วก็ทรงให้มีชีวิต
แล้วก็จะทรงรวบรวมพวกท่านสู่วันกิยามะฮ์โดยปราศจากการสงสัยใดๆในวันนั้นแต่ทว่ามนุษย์ส่วนมากไม่รู้”
(45:24-26)
บรรดาผู้ปฏิเสธการฟื้นคืนชีพเหล่านี้ อัลลอฮ์ ทรงตอบโต้พวกเขาว่า การที่พวกเขาเห็นว่ามันห่างไกลนั้น ไม่มีข้อมูลใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ และเดชานุภาพของพระองค์ ตลอดจนไม่รู้ในความรอบรู้อันไม่มีขอบเขตของพระองค์และความมุ่งหมายของพระองค์ ขณะเดียวกันพวกเขาก็มองไม่เห็น หรือมิได้มองสิ่งที่อยู่ในตัวของตนเองด้วย ทั้งๆที่สิ่งนั้นเป็นหลักฐานอันสำคัญ และแข็งแรงที่จะยืนยัน และตอบโต้การปฏิเสธการฟื้นคืนชีพของเขา
อัลลอฮ์ได้ทรงให้พวกเขามีชีวิตขึ้น แล้วให้เขาตายไป เดชานุภาพของพระองค์ในการให้เป็นให้ตายนั้นยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่ ฉะนั้นในการที่จะให้พวกเขามีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และชุมนุมพวกเขาไว้ในวันกิยามะฮ์นั้น เป็นการห่างไกลในข้อไหนหรือ ?
“ และพระองค์นั้นคือผู้ที่ทรงให้มีมนุษย์ขึ้น แล้วก็จะทรงให้มนุษย์กลับขึ้นมาอีก และมันเป็นสิ่งง่ายดายยิ่งแก่พระองค์
และพระองค์นั้นทรงมีคุณลักษณะอันสูงล้ำ ทั้งในชั้นฟ้า และในพิภพ พระองค์คือผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ ”
(30:27-28)
ความแตกต่างของมนุษย์ในขณะฟื้นคืนชีพ
มนุษย์ขณะที่ฟื้นคืนชีพนั้นมีสภาพแตกต่างกันมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลงานของพวกเขา บรรดาผู้ที่หลักการเชื่อมั่นของพวกเขาถูกต้อง และการงานของพวกเขาดี มีใจบริสุทธิ์สะอาด พวกเขาจะมีสภาพที่สมบูรณ์ทั้งในทางร่างกายและจิตใจ ส่วนบรรดาผู้ที่ผลงานของเขาเลว มีหลักการเชื่อมั่นที่เหลวไหล พวกเขาจะมีสภาพบกพร่องทั้งในทางร่างกายและจิตใจ
จากรายงานของท่านอบี ฮุร็อยเราะห์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ แท้จริงท่านเราะซูล ศ็อลลศ็อลลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
“ มนุษย์นั้นจะถูกชุมนุมในวันกิยามะห์เป็นสามประเภทด้วยกัน คือ:-
ประเภทหนึ่งเป็นพวกเดินด้วยเท้า และอีกประเภทหนึ่งเป็นพวกเดินด้วยเข่า และอีกประเภทหนึ่งเนด้วยใบหน้าของพวกเขา”
มีผู้ถามขึ้นว่า “ ยาเราะซูลุลลอฮ์! เขาเหล่านั้นจะเดินด้วยใบหน้าของพวกเขาได้อย่างไร?”
ท่านได้กล่าวว่า “ แท้จริงผู้ที่ทรงให้พวกเขาเดินด้วยเท้าของพวกขาได้นั้น ย่อมสามารถที่จะให้พวกเขาเดินด้วยใบหน้าของพวกเขาได้
พวกเขาจะไม่สามารถระวังใบหน้าของพวกเขาให้พ้นจากโขดหินทุกชนิด และหนามทุกประเภทกระนั้นหรือ?”
( บันทึกโดย อัต-ติรมีซีย์)
และมีปรากฏในในฮะดีส ซึ่งเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“ ในวันกิยามะห์นั้น บรรดาผู้ที่ยโส และบรรดาผู้โอหัง จะถูกชุมนุมอยู่ในสภาพที่เล็ก โดยที่มนุษย์จะเหยียบย่ำพวกเขา เพราะพวกเขาดูถูกอัลลอฮ์”
และมุสลิมได้รายงานจาก ญาบิรว่า
“ ฉันได้ยินท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “ บ่าวทุกคนจะถูกฟื้นคืนชีพในสภาพที่เขาตายไป”
หมายความว่า ใครตายไปในขณะที่กำลังอยู่ในสภาพที่ดี เขาก็จะถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นในสภาพที่ปิติยินดี และใครตายไปในขณะที่เขาอยู่ในสภาพที่ชั่ว เขาก็จะถูกให้ฟื้นคืนชีพมาในสภาพที่น่าเกลียด ทั้งๆที่ การฟื้นคืนชีพของมนุษย์นั้นกอร์ปไปด้วยร่างกายและวิญญาณ แต่พลังแห่งวิญญาณก็สามารถดำเนินการใดๆ ให้ร่างกายปฏิบัติไปตามความปรารถนาของมันได้ ในการนี้มันจะสามารถเดินทางไกลในเวลาอันสั้น และจะสามารถสนทนาระหว่างชาวสวรรค์ และชาวนรกได้
คัดจาก วารสารสายสัมพันธ์ (อัร-รอบิเฏาะฮ์)