ผู้นำกับความอธรรม
وَإِذِ ابْتَلَى إِبْرَاهِيمَ رَبُّهُ بِكَلِمَاتٍ فَأَتَمَّهُنَّ قَالَ إِنِّي جَاعِلُكَ لِلنَّاسِ إِمَامًا قَالَ وَمِن ذُرِّيَّتِي قَالَ لاَ يَنَالُ عَهْدِي الظَّالِمِينَ
คำแปล
และจงรำลึกถึงขณะที่พระผู้อภิบาลของอิบรอฮีมได้ทดสอบท่านด้วยพระบัญชาบางประการแล้วท่านก็ได้สนองตามพระบัญชานั้นโดยครบถ้วน
พระองค์อัลลอฮ์ตรัสว่า “แท้จริง ข้าจะตั้งให้เจ้าเป็นผู้นำสำหรับมนุษย์ ”
อิบรอฮีมกล่าว่า “และจากลูกหลานของข้าพระองค์ด้วย ”
พระองค์ตรัสว่า “สัญญาของข้าจะไม่ได้แก่บรรดาผู้อธรรม ”
(อัล-บะเกาะเระฮ์:124)
ความหมาย
หลังจากที่อัลลอฮ์ ได้ประท้วงการเชื่อถือผิดๆ ของอะฮ์ลุลกิตาบพร้อมกับได้ชี้แจงให้พวกเขาทราบว่า พวกเขากำลังปฎิเสธการศรัทธาต่อนบีที่พวกเขากำลังรอคอยอยู่ตามที่ได้ระบุเป็นข่าวดีในคัมภีร์ของพวกเขานั้น พระองค์ได้ทรงแจ้งให้พวกเขาทราบในอายะฮ์นี้อีกว่า รากฐานที่อิสามตั้งมั่นอยู่นั้น คือ แนวทางของท่านนบีอิบรอฮีม และเชื้อสายที่ชาวยิวและอาหรับมุชริกยกย่องและสืบเผ่าพันธุ์มา ก็คือเชื้อสายของท่านนบีอิบรอฮีมนั่นเอง ดังนั้นชาวยิวจึงย่อมไม่มีความดีเด่นอะไรเหนือชาวอาหรับ ในการที่อ้างว่าพวกเขาสืบเชื้อสายมาจากท่านนบีอิบรอฮีม และเจริญรอยตามศาสนาของท่าน ทั้งนี้ก็เพราะว่าชาวอาหรับก็สืบเชื้อสายมาจากท่านนบีอิบรอฮีมเหมือนกัน และนับถือศาสนาอันเป็นแนวทางของท่านด้วย จึงกล่าวได้ว่าทั้งชาวยิวและอาหรับนั้นมีเชื้อสายและศาสนาอันเดียวกัน
ที่อัลกุรอานได้ตอบโต้อะฮ์ลุลกิตาบนั้น เพื่อปรับปรุงและแก้ไขศาสนาของพวกเขา ในส่วนที่พวกเขาบิดเบือน ต่อเติม และหลงลืมเท่านั้น นอกจากนี้อัลกุรอานยังได้พิสูจน์ยืนยันในเอกภาพของอัลลอฮ์ และให้ความบริสุทธิ์แด่พระองค์อีกด้วย ส่วนที่อัลกุรอานได้ตอบโต้พวกที่สักการะเจว็ดนั้น เพื่อขจัดการปฏิบัติเช่นนั้นให้หมดสิ้นไป เพราะเป็นการปฏิบัติที่งมงาย ทั้งนี้เป็นการตอบโต้ด้วยหลักฐานที่เกี่ยวกับการใช้สติปัญญาบ้าง และที่เกียวกับสิ่งที่อยู่ในจักรวาลบ้าง ซึ่งหลักฐานเหล่านั้นปรากฏอยู่ทั่วไปในซูเราะฮ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในบรรดาซูเราะฮ์มักกียะฮ์
อธิบาย
“ และจงรำลึกถึงขณะที่พระผู้อภิบาลของอิบรอฮีมได้ทดสอบท่านด้วยพระบัญชาบางประการ แล้วท่านก็ได้สนองตามพระบัญชานั้นโดยครบถ้วน “
คือ มุฮัมมัด จงรำลึกและกล่าวแก่พวกของเจ้าที่เคารพสักการะเจว็ดและบุคคลทั่วๆไปให้ทราบ ขณะที่อัลลอฮ์ ทรงทดสอบท่านนบีอิบบรอฮีม โดยที่ท่านได้รับคำสั่งให้ประกอบกิจการบางอย่าง แล้วท่านก็ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นอย่างครบถ้วนด้วยความเรียบร้อย ดังที่พระองค์ทรงชมเชยท่านไว้ ซึ่งมี ความว่า
“ และอิบรอฮีมผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยสมบูรณ์……”
อัล-นัจญฺมุ:37
ในการใช้ให้รำลึกถึงเวลาของสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตนั้น หมายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นโดยตรง ทั้งนี้ก็เพราะเวลาเป็นส่วนประกอบอันสำคัญของเหตุการณ์ เมื่อได้รำลึกถึงเวลาก็ย่อมทำให้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นได้โดยละเอียด ประหนึ่งว่าเขากำลังมองสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นด้วยตาของเขาเอง
อัลกุรอานมิได้เจาะจงว่า พระบัญชาบางประการนั้นคืออะไรบ้าง ในการนี้จึงทำให้มีความเห็นแตกต่างกันไป บางท่านกล่าวว่า พิธีกรรมฮัจญ์ บางท่านก็ว่า บรรดาดวงดาว ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ที่นบีอิบรอฮีมเห็นซึ่งท่านเข้าใจในตอนแรกว่า มันเป็นพระผู้เป็นเจ้า แต่เมื่อมันต่างโคจรลับแสงไป จึงทำให้ท่านสามารถรู้ถึงพระผู้เป็นเจ้าอันแท้จริง และการมีเอกภาพของพระองค์ ชาวอาหรับสมัยที่อายะฮ์นี้ถูกประทานมาย่อมรู้ความหมายของพระบัญชาดังกล่าวนี้ดีว่า หมายถึงอะไร เพราะมิปรากฏว่ามีใครถามท่านนบีมุฮัมมัด เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
“ พระองค์ตรัสว่า แท้จริง ข้าจะตั้งให้เจ้าเป็นผู้นำสำหรับมนุษย์”
คือ อัลลอฮ์ จะแต่งตั้งให้นบีอิบรอฮีมให้เป็นรอซูลนำมนุษย์ไปสู่ทางอันเที่ยงตรง โดยทำหน้าที่ชี้แจงแนะนำและประพฤติตนให้เป็นตัวอย่างอันดีงาม ซึ่งเขาเหล่านั้นจะเชื่อฟังและเจริญรอยตามท่านต่อเนื่องกันไปจนกระทั่งถึงวันกิยามะฮ์ แล้วนบีอิบรอฮีมก็ทำการเชิญชวนมนุษย์ให้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และให้เอกภาพแด่พระองค์ ตลอดจนเทิดพระองค์ไว้เหนือการตั้งภาคีใดๆทั้งสิ้น
คำเชิญดังกล่าวนี้ยังคงถือปฏิบัติสืบต่อเนื่องกันตลอดมา ในหมู่ลูกหลานของท่านทั้งนี้เนื่องจากไม่เคยมีศาสนาใดที่ให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์ พระองค์ได้ทรงกล่าวยืนยันว่า อิสลามนั้นเป็นแนวทางของท่านนบีอิบรอฮีม
“ ท่านกล่าวว่า และจากลูกหลานของข้าพระองค์ด้วย”
คือ นบีอิบรอฮีมได้วิงวอนต่ออัลลอฮ์ ให้ทรงแต่งตั้งลูกหลานของท่านให้เป็นรอซูลด้วย ทั้งนี้เนื่องจากนบีอิบรอฮีมเป็นปุถุชนซึ่งตั้งอยู่บนวิถีทางแห่งธรรมชาติ ก็ย่อมปรารถนาที่จะให้ลูกหลานของท่านได้รับความดีงามทั้งในร่างกาย สติปัญญา และความประพฤติซึ่งมิใช่ของแปลกแต่ประการใด เพราะมนุษย์ย่อมปรารถนาที่จะให้ลูกหลานของตนดีกว่ายิ่งๆขึ้นไปเสมอ
“ พระองค์ตรัสว่า สัญญาของข้าจะไม่ได้แก่บรรดาผู้อธรรม”
คือ อัลลอฮ์ ทรงสัญญากับนบีอิบรอฮีมว่า พระองค์จะให้เป็นไปตามที่ท่านปรารถนา ก็เฉพาะแต่ลูกหลานของท่านที่เป็นคนดีเท่านั้น เพราะผู้อธรรมย่อมไม่เหมาะสมที่จะเป็นแบบอย่างแก่มนุษย์ด้วยประการทั้งปวง
ในการกล่าวถึงความอธรรมซึ่งเป็นสิ่งขัดขวางการเป็นผู้นำหรือเป็นรอซูลนั้น เพื่อต้องการให้ลูกหลานของนบีอิบรอฮีมระมัดระวังตัวและอบรมลูกๆของตนให้ห่างไกลจากความอธรรม จะได้ไม่ตกอยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะสมแก่ตำแหน่งอันสำคัญนี้ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สูงส่งและประเสริฐยิ่ง นอกจากนี้ ยังไม่ต้องการให้พวกเขาไปปะปนกับพวกอธรรมอีกด้วย
สรุปแล้ว การเป็นผู้นำหรือรอซูลนั้น ผู้ทีมีจิตใจอธรรมมีความประพฤติไม่ดีงามย่อมไม่เหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าว และไม่มีทางที่จะได้รับเกียรติให้ดำรงตำแหน่งนั้นได้ เพราะงานที่สำคัญยิ่งของผู้นำนั้นคือการขจัดความอธรรม และการบ่อนทำลายให้หมดสิ้นไป แต่ถ้าผู้มีอำนาจเป็นผู้อธรรมและทำการบ่อนทำลายเสียเองแล้ว เขาย่อมไม่พึงปรารถนาที่จะจัดการตัวเองเป็นแน่
คัดจาก วารสารสายสัมพันธ์ ( อัร-รอบิเฏาะฮ์ )