วางแผนเพื่ออาคิเราะฮ์
  จำนวนคนเข้าชม  24732

  

วางแผนเพื่ออาคิเราะฮ์


อนีส  เพ็ชรทองคำ


           พี่น้องมุสลิมที่รักทั้งหลายครับ พึงยำเกรงอัลลอฮฺเพราะการยำเกรงอัลลอฮฺเป็นทางเดียวที่จะทำให้ท่านรอดพ้นจากอะซาบของอัลลอฮฺ ได้ การยำเกรงอัลลอฮฺจะต้องเป็นไปอย่างแท้จริง พยายามใกล้ชิดอัลลอฮฺเท่าที่ท่านมีความสามารถ

          ความสุขในโลกนี้กับความสุขในโลกอาคิเราะห์ เราไม่สามารถนำมาเทียบเคียงกันได้เลย จากฮะดีสที่ว่า เอานิ้วมือจุ่มลงไปในมหาสมุทร แล้วน้ำที่ติดมือขึ้นมานี่เหละ คือความสุขในโลกดุนยานี้ เพราะฉะนั้น  มันเทียบไม่ได้เลยกับโลกอาคิเราะห์ การที่เราขวนขวายในเรื่องของการงานหรือในเรื่องชีวิตประจำวันก็ดี ต้องให้ศาสนานั้นนำหน้าให้เป็นมาตรฐานของเรา แล้วเอาเรื่องชีวิตประจำวันมาอยู่ข้างใต้ หมายความว่าเราจะมีความสุขได้นั้น ต้องดำรงในสิ่งที่อัลลอฮฺ  ทรงใช้ และออกห่างจากสิ่งที่พระองค์ทรงห้ามอย่างจริงจัง

           เวลาที่เราทำอิบาดะห์ เราจะรู้สึกถึงพลังที่หาไม่ได้จากที่ไหน เราหากำลังใจจากที่อื่นก็ไม่เท่ากับเวลาที่เราอ่านกุรอานแล้วเรารู้ความหมาย เพราะนั่นคือขุมพลังที่เราสามารถหากำลังใจได้ เพื่อที่จะนำมาประกอบศาสนกิจและหน้าที่ต่างๆ ของเราในโลกดุนยา

           อัลลอฮฺไม่ได้บังคับท่านก่อนที่ท่านจะมาเป็นมุสลิม แต่อัลลอฮฺจะบังคับท่านหลังจากที่ท่านเป็นมุสลิมแล้ว ทันทีที่เราเปล่งวาจาว่า  وأشهدأن محمدا رسول الله     أشهد أن لا إله إلله  นั่นแสดงว่ากฎเกณฑ์ของอัลลอฮฺ  ถูกบังคับใช้กับตัวของท่านเองแล้ว เปรียบเทียบง่ายๆ อย่างเช่นว่า ถ้ามีนักเรียนคนหนึ่งเปิดเทอมแล้วแต่ยังไม่ได้ไปสมัครเรียนที่ไหน เดินอยู่รอบๆ เวลาเขาเรียนกัน ก็ไม่มีใครจะสามารถบังคับเขาได้ เพราะเขาไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของโรงเรียน แต่ทันทีที่สมัครเข้าโรงเรียนแล้ว เขาเรียนกันแต่เราไปเดินเที่ยวห้าง กฎเกณฑ์ของโรงเรียนถูกบังคับใช้กับเขาแล้ว เช่นเดียวกันหากเรายังไม่ได้ศรัทธา อัลลอฮฺบอกไว้ชัดเจนเลยว่า

﴾  فَمَنْ شَاءَ فَلْيُؤْمِنْ و َمَنْ شَاءَ فَلْيَكْفُر ﴿

“ใครประสงค์ที่จะศรัทธาก็ศรัทธา ใครประสงค์ที่จะปฏิเสธก็ปฏิเสธ”

 เพราะฉะนั้น สิ่งที่อัลลอฮฺ ทรงเตรียมไว้ให้ก็คือ ไฟนรก

﴾ إِنَّا أَعْتَدْنَا لِلظَّالِمِينَ نَارًا  ﴿

“แท้จริง เราได้ตระเตรียมไฟนรกไว้สำหรับบรรดาผู้อธรรม”

 

          หมายความว่าการไม่รับศาสนาคือการอธรรมต่อตัวเอง พระองค์จึงเตรียมไฟไว้ให้  เพราะฉะนั้น ถ้าศรัทธาก็ได้สวรรค์ ถ้าไม่ศรัทธาก็ได้นรก ทุกอย่างมีคำตอบอยู่แล้ว เฉลยมาแต่ต้น อยู่ที่วิธีการเท่านั้นเองว่า เรามีวิธีการอย่างไรให้ได้เป้าหมายนั้นมา ถ้าไม่ศรัทธาก็ไม่ต้องถามวิธีการ แต่ถ้าศรัทธาก็ต้องมีการวัด วิธีการจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีการวางแผน จะทำธุรกิจอะไรขึ้นมาสักอย่าง แน่นอนต้องมีการวางแผน แล้วนำไปสู่การปฏิบัติจริง และนำไปสู่ความสำเร็จ วงเล็บนิดหนึ่ง ด้วยกับการอนุมัติของอัลลอฮฺ เพราะฉะนั้น ชีวิตของมุอฺมิน ทำงานแล้วต้องวางแผน ต้องขอดุอา อัลลอฮฺจะให้ใครหรือไม่ให้ใครขึ้นอยู่กับพระองค์ สิ่งที่อยู่เหนือจากความคิดของเราอยู่ที่อัลลอฮฺจัดการ

         สิ่งที่เราต้องทำ คือ  1. เราต้องวางแผนให้ดีที่สุด  2. ต้องทำสุดความสามารถ  3. ต้องมอบหมายต่ออัลลอฮฺ  นั่นคือวิถีทางที่เราจะต้องปฏิบัติ


           ท่านพี่น้องมุสลิมที่รัก มุสลิมจะต้องเป็นคนที่มองการณ์ไกลและต้องเป็นคนที่วางแผน ในเรื่องศาสนาก็เหมือนการทำธุรกิจ ที่เป้าหมายหลักของธุรกิจ คือ ความอยู่รอดบวกกับผลกำไร เช่นเดียวกันกับศาสนา 50 ปี 60 ปี ที่เราอยู่ในโลกนี้มันเป็นการลงทุน ผลที่ตอบกลับมาในโลกนี้อาจมีบ้าง แต่มันเป็นแค่เล็กน้อย แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าอยู่ที่อาคิเราะห์ มันก็เหมือนกับธุรกิจอย่างหนึ่งที่เราต้องลงแรงก่อน ต้องวางแผนก่อน แต่เป้าหมายหลักของเราคือความอยู่รอด รอดจากไฟนรก อยู่รอดบวกกับผลกำไร นั่นก็คือ สวรรค์ของอัลลอฮฺ นั่นเอง พระองค์ได้กล่าวถึงสวรรค์ของพระองค์ บรรยายถึงสิ่งที่พระองค์ทรงเตรียมไว้ให้ ไม่ใช่การโฆษณาชวนเชื่อ แต่เป็นโฆษณาควรเชื่อ พระองค์บอกไว้ในฮะดีสกุดซีย์ว่า 


 
قال الله عز وجل: أعددت لعبادي ما لا عين رأت، ولا أذن سمعت، ولا خطر على قلب بشر.

“ข้าได้เตรียมไว้ให้ สิ่งที่ตาไม่เคยเห็น หูไม่เคยได้ยิน และไม่เคยอยู่ในความคิดของมนุษย์”

 

         ของที่อัลลอฮฺเตรียมไว้ให้มันยิ่งใหญ่มาก เพราะฉะนั้น การที่จะรับของอะไรที่มันยิ่งใหญ่ มันจะต้องออกแรง ต้องลงทุน เพื่อจะได้ผลกำไรที่ยิ่งใหญ่กลับมา สวรรค์จึงเหมือนกับสินค้า ท่านนบีมุฮัมมัด  กล่าวไว้ในฮะดีสว่า

ألا أن سلعة الله غاليه,ألا أن سلعة الله هى الجن

“พึงรู้เถิดว่า แท้จริงสินค้าของอัลลอฮฺนั้นมีราคาแพง พึงรู้เถิดว่า แท้จริงสินค้าของอัลลอฮฺนั้น คือ สรวงสวรรค์” 

         พูดมาถึงตรงนี้จึงอยากสรุปว่า ถ้าหากท่านจะหาหนทางที่จะเข้าสวรรค์ของอัลลอฮฺ ท่านจะต้องวางแผน วางแผนในที่นี้ คือ วางแผนที่จะตายนั่นเอง เราไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่  ท่านร่อซู้ล   บอกไว้ในฮะดีสว่า

“ถ้าอัลลอฮฺจะให้บ่าวถึงอะญัลเมื่อไหร่ อัลลอฮฺจะให้เขามีธุระที่นั่น”

 

พอไปถึงแล้วก็ต้องมีเหตุให้ตาย การเตรียมตัวเข้าสวรรค์ของมุอฺมินกับการเตรียมตัวตายความหมายเหมือนกันเลย  วางแผนในดุนยาได้แต่ต้องควบคู่ไปกับวางแผนอาคิเราะห์ พอตายแล้วตัดทรัพย์สินไปเลย เพราะอัลลอฮฺเอาระบบมรดกคิดแทนให้เราหมดแล้ว ทุกอย่างจัดการไว้หมดแล้ว มีลูกชายก็เอาไป 2 ส่วน ผู้หญิง 1 ส่วน  อิสลามเป็นศาสนาที่สมบูรณ์ที่สุด และวางแผนให้เราหมดแล้ว ท่านร่อซู้ลกล่าวว่า

‏ ‏من آمن بالله وبرسوله وأقام الصلاة وصام رمضان كان حقا على الله أن يدخله الجنة

 “ใครก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและร่อซู้ลของพระองค์ แล้วเขาดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และถือศีลอดในเดือนรอมฎอน

 ถือเป็นสิทธิของอัลลอฮฺที่จะให้เขาผู้นั้นได้เข้าสววรค์”

  

 เราต้องวางแผนยังไงบ้าง

     1. ต้องตรวจสอบอกีดะห์ก่อน เพราะถ้าอกีดะห์ผิดก็คือจบ ต้องเป็นแนวทางที่มาจากคัมภีร์ของอัลลอฮฺและซุนนะห์ของท่านร่อซู้ล   ที่ถูกต้อง อย่าได้มาด่าว่าซอฮาบะฮฺ

( لا تسبوا أصحابي لا تسبوا أصحابي فوالذي نفسي بيده لو أن أحدكم أنفق مثل أحد ذهبا
ما أدرك مد أحدهم ولا نصيفه )

 “พวกท่านอย่าได้ด่าว่าบรรดาซอฮาบะห์ของฉัน  พวกท่านอย่าได้ด่าว่าบรรดาซอฮาบะห์ของฉันขอสาบานต่อผู้ซึ่งชีวิตของฉันอยู่อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์

 หากว่าคนหนึ่งคนใดในพวกท่านบริจาคทองคำเท่ากับภูเขาอุฮุด ก็ยังเทียบไม่ได้กับ 1 มุด (กอบมือ) ของพวกเขา หรือแม้แต่เพียงครึ่งเดียว”

 

     2. อิบาดะห์  เราละหมาดครบไหม บวชครบไหม ถ้าทำหมดแล้ว เสริมซุนนะห์เข้าไป มีเยอะแยะมากมาย ดูให้สมบูรณ์ ถ้าสมบูรณ์แล้วเปลี่ยนการกระทำในชีวิตประจำวันทั้งหมดให้เป็นอิบาดะห์ เปลี่ยนยังไง เหนียตไงครับ เหนียตนี่แหละที่จะทำให้การกระทำในชีวิตประจำวันของเรา ให้ทุกอย่างเป็นอิบาดะห์หมดเลย อย่างเช่น การแปรงฟัน การกินอาหาร ถ้าเรากินอยู่ทุกวัน สิ่งที่อัลลอฮฺอนุญาตให้กินก็กินเข้าไป กับกินเพื่อให้มีกำลังในการทำอมั้ลอิบาดะห์ การกินอาหารของเราก็จะเป็นอิบาดะห์ มันเปลี่ยนแค่ความคิดเท่านั้นเอง

 

     3.  อมานะห์ ความรับผิดชอบของเรา ท่านร่อซู้ล  กล่าวว่า

كلكم راع وكلكم مسئول عن رعيته

“พวกท่านทุกคนเป็นผู้รับผิดชอบ และจะถูกถามในสิ่งที่พวกท่านรับผิดชอบ”

เงินใช้ในทางไหน หามาได้อย่างไร ชีวิตวัยรุ่นเป็นอย่างไร ปัจจุบันเป็นอย่างไร  พ่อแม่เลี้ยงลูกอย่างไร

  

ลำดับต่อไป เป็นการวางแผนหลังจากที่ตายแล้ว คือ

     1. ศ่อดาเกาะห์ญารียะห์ ทานที่ไหลเข้ามาหาเราหลังจากที่เราเสียชีวิตไปแล้ว บริจาคสร้างมัสยิด สร้างโรงเรียน การเสาะแสวงหาที่ๆ จะบริจาคก็เหมือนกับการเสาะหาที่ๆ เราจะไปลงทุนในดุนยา  เหมือนกันก็ต้องหาสถานที่ๆ จะลงทุนเพื่ออาคิเราะห์ก็เหมือนกัน
 
     2.  ความรู้ที่ยังประโยชน์ เวลาที่สอนคนอื่นให้เขาทำดีแล้วเขาทำ เราก็จะได้รับความดีนั้นด้วย ความดีก็จะวนมาไม่จบไม่สิ้นหลังจากที่เราตายไปแล้ว
 
     3.  ลูกที่ซอและห์ที่จะขอดุอาอฺให้กับเรา ศาสนาถึงได้ส่งเสริมให้เรารีบแต่งงาน พอแต่งแล้วก็ให้รีบผลิตบุคลากรขึ้นมาเป็นผู้แทน ผู้สืบทอดในแผ่นดิน ให้เขามีความรู้เรื่องศาสนา ให้เขาได้ขอดุอาให้เราเวลาที่เราตาย ทั้งหมดนี้มันเป็นการลงทุนหมดเลย ทั้งทรัพย์สิน แรงกายและแรงใจ และเป็นการลงทุนที่ไม่ได้ยาก

 

          เพราะฉะนั้น สิ่งที่ผมพูดทั้งหมดนี้ต้องระวังในทางกลับกันด้วย ถ้าสมมติว่าเราไปวางแนวทางอะไรที่มันไม่ดีเอาไว้ แล้วคนอื่นมาดำเนินตามแนวทางนั้น เราก็จะได้รับบาปนั้นไปด้วย ไปสร้างที่ให้คนมาร้องเพลงมาเต้นรำ บาปก็จะมาถึงเราไปเรื่อยๆ
 

          พี่น้องมุสลิมที่รัก ถ้าหากว่าพวกท่านนึกคำว่าตลอดกาลได้ ลองคิดดูสภาพของคนๆ หนึ่งที่มีความสุขตลอด นอนก็ด้วยความรู้สึกนั้น ตื่นเช้ามาก็ด้วยความรู้สึกนั้น วนเวียนไปเรื่อยๆ ตลอดไป เขาจะมีความสุขขนาดไหน นั่นแหละคือสวรรค์ของอัลลอฮฺ กลับกันถ้าลองนึกถึงคนที่ป่วยตลอด นอนก็เจ็บตื่นขึ้นมาก็เจ็บตลอด นั่นคือนรกของอัลลอฮฺ มันไม่มีเวลาพักผ่อนเลย ไม่ได้หลับไม่ได้นอน อาหารก็คือ น้ำเหลืองน้ำหนอง ลองหลับตาคิดนิดนึงว่า สิ่งที่จะเจอต่อไปนี้คือตลอดกาล ท่านจะรับได้ไหมล่ะครับ

 
          พี่น้องมุสลิมที่รัก การวางแผนเพื่ออาคิเราะห์ ก็เหมือนเป็นการวางแผนธุรกิจอย่างหนึ่งเหมือนกัน วางแผนขายตัวเองเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าที่มีราคาแพงของอัลลอฮฺเป็นการลงทุนระยะยาวกว่า เป็นการลงทุนที่มีผลกำไรมากกว่า เพราะฉะนั้น เริ่มวางแผนตั้งแต่วันนี้ อะไรที่ผิดก็รีบเตาบัต อัลลอฮฺ  ทรงตอบรับการขออภัยโทษของบ่าวตราบใดที่ยังไม่ใช่การขออภัยโทษจากลมหายใจเฮือกสุดท้าย พระองค์จะทรงอภัยโทษให้ในความผิดที่หลงลืมหรือผิดพลาด แต่พระองค์จะไม่ทรงอภัยในความผิดที่เรารู้ว่าผิดแต่ว่ายังตะแบงทำ

         อย่าได้เอาตัวอย่างของคนรุ่นก่อนในกุรอาน อย่างษะมู๊ดที่อัลลอฮฺ ทรงส่งนบีมา ให้อูฐมาตัวหนึ่งเป็นสัญญาณของอัลลอฮฺ ห้ามไม่ให้เข้าใกล้ ให้อูฐดื่มน้ำวันหนึ่ง แล้วพวกท่านก็ดื่มอีกวันหนึ่ง วันที่อูฐดื่มท่านก็ดื่มจากน้ำที่ตักเก็บเอาไว้  ถ้าไม่พอก็ไปรีดนมอูฐได้ แต่อย่าไปดื่มวันที่เป็นของอูฐ พวกนี้สุดท้ายก็ฆ่าอูฐ ท่านนบีซอและห์บอกเชิญมีความสุขกันไป 3 วัน พวกที่ไม่เชื่อมารวมตัวกันนั่งจนเย็นวันแรกหน้าเหลือง ผ่านไปวันหนึ่งยังไม่มีอะไร ยังไม่เชื่อวันรุ่งขึ้นมารวมตัวใหม่ ใบหน้าพวกเขาเป็นสีแดง รู้ว่าจะถูกลงโทษแต่ไม่ยอมขออภัยโทษ วันที่สามหน้าเป็นสีดำ มองไปทุกทิศทุกทางว่าการลงโทษของอัลลอฮฺจะมาจากทางไหน พอดวงอาทิตย์ขึ้นปุ๊ป อัลลอฮฺให้เสียงกัมปนาททั้งข้างบนและข้างล่างประกบ สุดท้ายก็นอนตายพังพาบ บางคนก็ตายในบ้าน นั่งตายเหมือนหมดอาลัยตายอยาก

         เพราะฉะนั้น ก็หวังว่าสิ่งที่นำเสนอไปจะเป็นจุดเริ่มต้นให้แก่พวกท่านในการที่จะวางแผนการมีชีวิตในโลกนี้และในโลกอาคิเราะห์ เพราะวันที่เราฟื้นคืนชีพสิ่งที่อัลลอฮฺจะเรียกดูก็คือบัญชีของพวกท่าน บางคนเห็นแล้วก็ดีใจรับด้วยมือขวา บางคนเศร้าใจรับด้วยมือซ้าย

 
 
“และบันทึกจะถูกวางไว้  ดังนั้น เจ้าจะเห็นผู้กระทำผิดทั้งหลายหวั่นกลัวสิ่งที่มีอยู่ในบันทึกและพวกเขาจะกล่าวว่า โอ้ความวิบัติของเราเอ๋ย บันทึกอะไรกันนี่

มันมิได้ละเว้นสิ่งเล็กน้อยและสิ่งใหญ่โต เว้นแต่ได้บันทึกไว้อย่างครบครัน และพวกเขาได้พบสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้ปรากฏอยู่ต่อหน้า

 และพระผู้เป็นเจ้าของเจ้ามิทรงอธรรมต่อผู้ใดเลย”


อัลลอฮฺ ได้บอกไว้ในฮะดีสกุ๊ดซีย์ว่า

يا عِبادي إنما هي أعمالكم أحصيها لكم ، ثم أوفيكم إياها ،
فمن وجد خيرا فليحمد الله، ومن وجد غير ذلك فلا يلومن إلا نفسه


“โอ้ปวงบ่าวของข้า มันเป็นการงานของพวกท่านที่เราจะคิดบัญชี และเราจะตอบแทนตามที่พวกท่านกระทำ

ใครที่พบว่ามันดี ก็จงสรรเสริญอัลลอฮฺ และใครที่พบว่ามันเป็นอย่างอื่น ก็จงอย่าไปโทษใครนอกจากตัวของเขาเอง

 

 

คุตบะฮ์วันศุกร์  มีสยิดดารุลอิห์ซาน