ถึงเวลาแล้วหรือยัง !
อาจารย์ อาลี เพ็ชรทองคำ
พี่น้องมุสลิมที่รัก พึงเกรงกลัวอัลลอฮฺ เพราะการเกรงกลัวอัลลอฮฺ เป็นเสบียงที่ดียิ่งสำหรับพวกท่านทั้งหลาย ทั้งในโลกดุนยาและในโลกอาคิเราะฮฺ
พี่น้องมุสลิมที่รัก อัลลอฮฺ ได้ประทาน อายะฮฺลงมาอายะฮฺหนึ่ง ซึ่งเป็นอายะฮฺที่เป็นคำถามที่พระองค์ทรงถามบรรดาผู้ที่ศรัทธาทั้งหลายว่า
أَلَمْ يَأْنِ لِلَّذِينَ آمَنُوا أَن تَخْشَعَ قُلُوبُهُمْ لِذِكْرِ اللَّـهِ وَمَا نَزَلَ مِنَ الْحَقِّ وَلَا يَكُونُوا كَالَّذِينَ أُوتُوا الْكِتَابَ مِن قَبْلُ فَطَالَ عَلَيْهِمُ الْأَمَدُ فَقَسَتْ قُلُوبُهُمْ ۖوَكَثِيرٌ مِّنْهُمْ فَاسِقُونَ ﴿١٦﴾ سورة الحديد
“พระองค์ทรงถามบรรดาผู้ศรัทธาว่า ถึงเวลาหรือยัง ได้เวลาสำหรับพวกที่ศรัทธาหรือยัง ในการที่พวกเขานั้นจะนอบน้อม มีตักวา
ที่หัวใจของเขาจะนอบน้อมด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮฺ และด้วยสิ่งที่พระองค์ทรงประทานลงมานั่นคืออัลกุรอ่าน”
คำถามนี้เป็นคำถามที่พระองค์ทรงถามพวกเราทั้งหลายว่า....เรานั้นเกิดมาเป็นมุสลิมมุอฺมินแล้ว ได้เวลาหรือยังในการที่พวกเรานั้นจะมีหัวใจที่รำลึกถึงอัลลอฮฺ มีความเกรงกลัวต่อพระองค์ ด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮฺด้วยการกล่าวซิกรุ้ลลอฮฺ ด้วยการขอดุอาอฺและด้วยสิ่งที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์อัลกุรอ่าน ซึ่งในอัลกุรอ่านนั้นมีแต่ความจริงทั้งหมด
พระองค์ทรงห้ามเรา อย่าได้เป็นเหมือนกับบรรดาผู้ที่มาก่อนหน้า หมายถึงพวกยะฮูดและพวกนะศอรอ อย่าได้เป็นอย่างพวกที่ได้รับคัมภีร์ก่อนหน้า ซึ่งเวลาที่ยาวนานทำให้หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้างอันเนื่องมาจากพวกเขาละทิ้งคำสั่งของอัลลอฮฺ ละทิ้งแนวทางของร่อซูลของพระองค์ และทำให้การตักเตือนที่เกิดขึ้นในระหว่างพวกเขาไม่มีผลใดๆอันเนื่องมาจากหัวใจของพวกเขาห่างจากการรำลึกถึงอัลลอฮฺ ห่างจากคัมภีร์ของพระองค์ ห่างจากแนวทางของพระองค์ ดังนั้นเมื่อมีคำเตือน เมื่อมีคำชักจูงแนะนำ เขาก็จะไม่ได้รับผลดีจากสิ่งเหล่านั้น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการสัญญาถึงการตอบแทนของอัลลอฮฺ ที่จะได้สวนสวรรค์ในวันกิยามะฮฺ หรือ ในทางตรงกันข้ามคือจะมีการขู่ลงโทษด้วยไฟนรกในวันกิยามะฮฺ พวกเขาไม่รู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นจะมากระทบจิตใจของพวกเขา ให้ได้รับสิ่งที่เป็นความดี ในทางที่หนักไปกว่านั้นพวกเขายังเปลี่ยนแปลงศาสนาด้วยมือของพวกเขาเอง
พวกเราก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ในหมู่พวกเรามีการเปลี่ยนฟัรดูการละหมาด 5 เวลาให้เป็นการละหมาดซุนนัตไปได้ โดยการทำบ้างไม่ทำบ้าง ทำครบบ้างไม่ครบบ้าง นี่คือการเปลี่ยนศาสนา บทบัญญัติของอัลลอฮฺแล้วก็พูดคุยกันในแวดวงที่มีความสนุกสนาน สิ่งเหล่านี้คือการทำให้ตัวของพวกเขาออกห่างจากศาสนา แล้วเมื่อออกห่างมากๆหัวใจของพวกเขาก็จะดื้อด้าน ไม่ยอมรับฟังในสิ่งที่เป็นความดี ความถูกต้องหรือแนวทางของอัลลอฮฺ ที่หนักไปกว่านั้นอีก ยังแลกเปลี่ยนศาสนาของอัลลอฮฺ ด้วยกับคุณค่าที่เล็กน้อย
ดังนั้นอายะฮฺนี้จึงเป็นอายะฮฺที่ทำให้รู้ได้ว่าอย่าได้ทำตามอย่างผู้ที่อยู่ก่อนหน้า(เหมือนยิวและคริสต์) โดยพวกเขาได้แสดงออกถึงอารมณ์ของพวกเขา ทำตามอารมณ์ ทำตามหรือเลียนแบบผู้คนทั้งหลาย นี่คือลักษณะของพวกยะฮูดและพวกนะศอรอ แล้วพระองค์ก็ทรงห้ามเราไว้ว่าอย่าได้ปฏิบัติสิ่งเหล่านั้น
وَكَثِيرٌ مِّنْهُمْ فَاسِقُونَ
“ส่วนมากของพวกเขานั้นเป็นผู้ที่ฝ่าฝืน เป็นผู้ที่อยู่นอกลู่นอกทาง นอกแนวทางที่ถูกต้อง”
เราได้รับคำสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กว่าอย่าทำชิริกต่ออัลลอฮฺ พอโตขึ้นเราก็เห็นผู้คนในสมัยนี้ทำชิริกต่ออัลลอฮฺได้อย่างหน้าตาเฉยโดยไม่มีการเคอะเขินหรือว่าละอายแม้แต่เล็กน้อย เพียงเพื่อต้องการที่จะได้ชื่อ ได้หน้า ได้ตา ได้คะแนน ได้สิ่งที่เขาอยากได้ โดยไม่ได้นึกว่าสิ่งเหล่านั้นคือสิ่งที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง เป็นสิ่งที่เป็นศัตรูต่ออัลลอฮฺ ซึ่งเป็นสิ่งที่รุนแรงมากและเขาก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำของเขา พระองค์ได้ทรงบอกว่า
إِنَّ السَّمْعَ وَالْبَصَرَ وَالْفُؤَادَ كُلُّ أُولَـٰئِكَ كَانَ عَنْهُ مَسْئُولًا ﴿٣٦﴾ سورة الإسراء
“ไม่ว่าจะเป็นหูของเขา ไม่ว่าจะเป็นตาของเขา ไม่ว่าจะเป็นการได้ยินของเขาหรือการเห็นของเขา
หรือจิตใจของเขาทั้งหมดต้องถูกสอบสวน ต้องถูกซักถาม”
แล้วท่านจะเอาเหตุผลข้อใดไปตอบกับอัลลอฮฺ แม้แต่พวกเราที่นั่งฟังคุตบะฮฺกันอยู่ ก็ยังมีบางคนที่พูด ยังมีบางคนที่คุย ยังมีบางคนที่ทำในสิ่งที่ผิดต่อหลักเกณฑ์ของการนั่งฟังคุตบะฮฺ เพราะว่าการกระทำดังกล่าวทำให้การละหมาดของเรานั้นเสียหมด ใช้ไม่ได้เลย ดังนั้นสิ่งที่เป็นความถูกต้อง สิ่งที่เป็นความจริง เมื่อเราได้ยิน เราได้รู้แล้ว เราต้องเอามาใส่ไว้ในใจ แล้วต้องคิด คิดกลับไปมาว่าเราจะเป็นมุอฺมินตามที่อัลลอฮฺ ถามว่า “ถึงเวลาหรือยังที่เราจะนอบน้อม ถึงเวลาหรือยังที่เราจะเชื่อ จะศรัทธา ถึงเวลาหรือยังที่เราจะเอาศาสนาของอัลลอฮฺ ทั้งหมด” ไม่ใช่เอามาเพียงบางส่วนแล้วก็ทิ้งบางส่วน เหมือนกับพวกก่อนหน้าเราคือพวกยะฮูดและพวกนะศอรอ ซึ่งพวกเราก็ขออยู่ในซูเราะฮฺอัลฟาติฮะฮว่า
صِرَاطَ الَّذِينَ أَنْعَمْتَ عَلَيْهِمْ غَيْرِ الْمَغْضُوبِ عَلَيْهِمْ وَلَا الضَّالِّينَ ﴿٧﴾ سورة الفاتحة
“ไม่ใช่ทางของพวกยะฮูดและพวกนะศอรอ เราขอต่ออัลลอฮฺ ให้อยู่ในทางที่เที่ยงตรง”
ดังนั้นเมื่อเราได้รับคำตักเตือน ได้รับความรู้ ได้รับหนทางที่ถูก เราก็ต้องยึดมันไว้ แล้วก็เอามาปฏิบัติ แล้วเราขอทุกเวลาละหมาด แต่เราก็ไม่รู้ว่าเราขออะไร เราขอว่าอย่าให้ตัวของพวกเรานั้นอยู่ในทางของพวกยะฮูดและพวกนะศอรอ แล้วอายะฮฺนี้อัลลอฮฺ ก็ตรัสเช่นเดียวกัน ทรงเตือนพวกเราในสองประเด็นคือ อย่าได้ปฏิบัติตามพวกเขาอันเนื่องมาจากเวลาที่เนิ่นนาน ยุคเราก็เนิ่นนาน แต่เรายังมีการสั่งสอน มีการร่ำเรียนกันอยู่ตลอด เพราะว่าท่านร่อซูล ของเราเป็นนบีท่านสุดท้าย หลังจากท่านนบีมุฮัมมัด ก็จะไม่มีท่านนบีอื่นอีกแล้ว ก็มีแต่พวกเราที่จะต้องทำหน้าที่ในการที่จะบอก ในการที่จะสอน ในการที่จะเผยแพร่ ในการที่จะทำให้สังคมนั้นอยู่ได้ด้วยความถูกต้อง
ดังนั้นอายะฮฺที่ผมอ่านมานี้ก็เป็นอายะฮฺที่เป็นคำถาม ที่อัลลอฮฺ ทรงถามพวกท่าน ว่า “ถึงเวลาแล้วหรือยัง” อายุ 40 ถึงเวลาแล้วหรือยัง 50 ถึงเวลาแล้วหรือยัง ยังมีเวลาอยู่ไม่มากเท่าไหร่ ที่เราจะหวนกลับมาสู่อายะฮฺ โองการ แนวทางของศาสนาอิสลาม อัลลอฮฺ ได้ทรงกล่าวไว้ในโองการที่บอกลักษณะของบรรดาผู้ศรัทธาที่อัลลอฮฺ จะทรงตอบแทนให้
إِنَّ الْمُسْلِمِينَ وَالْمُسْلِمَاتِ وَالْمُؤْمِنِينَ وَالْمُؤْمِنَاتِ وَالْقَانِتِينَ وَالْقَانِتَاتِ وَالصَّادِقِينَ وَالصَّادِقَاتِ وَالصَّابِرِينَ وَالصَّابِرَاتِ وَالْخَاشِعِينَ وَالْخَاشِعَاتِ وَالْمُتَصَدِّقِينَ وَالْمُتَصَدِّقَاتِ وَالصَّائِمِينَ وَالصَّائِمَاتِ وَالْحَافِظِينَ فُرُوجَهُمْ وَالْحَافِظَاتِ وَالذَّاكِرِينَ اللَّـهَ كَثِيرًا وَالذَّاكِرَاتِ
أَعَدَّ اللَّـهُ لَهُم مَّغْفِرَةً وَأَجْرًا عَظِيمًا ﴿٣٥﴾ سورة الأحزاب
( ในตอนท้ายของอายะฮฺ)
“และบรรดาผู้ที่นอบน้อม ผู้ที่ยอมจำนน ผู้ที่เกรงกลัวอัลลอฮฺนั้น อัลลอฮฺ ทรงเตรียมไว้ให้เขาซึ่งการอภัยโทษและรางวัลอันยิ่งใหญ่ สำหรับคนที่นอบน้อม “
ที่จริงแล้วอายะฮฺนี้บอกถึงมุสลิม มุอฺมิน ผู้ที่จงรักภักดี ผู้ที่อดทน ผู้ที่นอบน้อมถ่อมตน ยอมจำนนต่อโองการของอัลลอฮฺ มีการศรัทธา มีการตักวาต่ออัลลอฮฺ อัลลอฮฺก็จะทรงเตรียมไว้ให้ซึ่งการอภัยโทษ แน่นอนความผิดของเราต้องมีอยู่แล้ว พระองค์ก็จะทรงอภัยให้ ไม่ใช่แค่อภัยโทษให้อย่างเดียว พระองค์จะทรงตอบแทนรางวัลให้ หมายถึงการเข้าไปอยู่ในสวรรค์ของอัลลอฮฺ นี่คือหลักเกณฑ์ง่ายๆไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้นเวลาเราประสบเหตุการณ์อะไรก็ตามให้เราสำนึกหรือว่านึกถึงบทบัญญัติของอัลลอฮฺ หรือว่าแนวทางของอัลลอฮฺ คำสั่งคำสอนของพระองค์และแนวทางของท่านนบีมุฮัมมัด ให้มาเป็นเรื่องเดียวกัน อิสลามไม่ได้แยก อิสลามถือว่าทุกอย่างคือศาสนา
ไม่ว่าคุณจะหายใจ ไม่ว่าคุณจะนั่ง ไม่ว่าคุณจะนอน ไม่ว่าคุณจะเล่น ไม่ว่าคุณจะอ่านหนังสือ จะเรียน จะอะไรก็ตาม ทุกอย่างเป็นศาสนาหมด ทุกอย่างเป็นอิบาดะฮฺหมด ทุกการกระทำของมุอฺมิน มุสลิมนั้นเป็นอิบาดะฮฺ อันเนื่องมาจากการตั้งเจตนาของเขาให้เป็นอิบาดะฮฺ นั่งฟังคุตบะฮฺก็เป็นอิบาดะฮฺ ละหมาดก็เป็นอิบาดะฮฺ อ่านกุรอ่านก็เป็นอิบาดะฮฺ แม้แต่การนอนหลับก็เป็นอิบาดะฮฺได้ เพียงแต่ว่าเราจะทำให้มันเป็นหรือไม่เท่านั้นเอง ดังนั้นถามว่า ถึงเวลาหรือยังที่จะทำให้การกระทำของเราทุกอย่างนั้นเป็นอิบาดะฮฺ มันเป็นสิ่งที่จะทำให้เราได้ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ หรือจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราอยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง
เดี๋ยวนี้มันมีสิ่งที่มันแปลกปลอมเข้ามา พอเราเห็นแล้วให้เราเอาออกไป ให้เราชี้ได้ว่านั่นถูก นั่นผิด นั่นใช่ นั่นไม่ใช่ศาสนาของเรา บางคน บางพวกก็รู้ว่าตัวเองเป็นมุสลิมแต่ก็พยายามที่จะให้ได้มาซึ่งปัจจัย เลยยอมทำทุกอย่างเหมือนกับพวกยะฮูดพวกนะศอรอ ยอมทำทุกอย่างแม้แต่การจะเปลี่ยนแปลงโองการของอัลลอฮฺ แม้แต่การจะปิดบังโองการของอัลลอฮฺ แม้แต่การจะทำทุกอย่างที่จะทำให้ตัวเองนั้นอยู่ในโลกนี้ด้วยความสุขความสบายโดยไม่มีการเชื่อ การศรัทธาหรือการยอมรับในพระเจ้า ในทุกเรื่อง ก็ขอฝากไว้ ให้ได้รับรู้ไว้ด้วยว่าสิ่งไหนคือถูก สิ่งไหนคือไม่ถูก
พี่น้องมุสลิมที่รัก พึงเกรงกลัวอัลลอฮฺ อย่างจริงจังและท่านทั้งหลายต้องมั่นใจว่าท่านจะตายในฐานะผู้นอบน้อมยอมจำนนต่อบทบัญญัติของพระองค์โดยสิ้นเชิง และท่านทั้งหลายจงยึดศาสนาของพระองค์โดยพร้อมเพรียงกัน และจงอย่าแตกแยกกัน แท้จริงคำพูดที่ดีที่สุด คือ คำพูดที่มาจากกิตาบุลลอฮฺ และแนวทางที่ดีที่สุดนั้นคือแนวทางที่ได้จากท่านนบีมุฮัมมัด และการงานที่ชั่วร้ายที่สุดนั้นคือการงานที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่ โดยไม่มีแบบแผนจากกิตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺของท่านนบีมุฮัมมัด และการงานที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่นั้นถือเป็นการหลงทาง
คุตบะฮ์วันศุกร์ มัสยิดดารุลอิห์ซาน