ทำให้ทุกๆนาทีมีค่า
  จำนวนคนเข้าชม  9676

ทำให้ทุกๆนาทีมีค่า


อาจารย์  ฮาซัน  เพชรทองคำ


         ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายจงยำเกรงอัลลอฮ์  อย่างจริงจัง เพราะการยำเกรงอัลลอฮ์ และเชื่อฟังในบทบัญญัติของพระองค์นั้นเป็นเสบียงที่ดียิ่งสำหรับพวกท่านทั้งในโลกดุนยาและอาคิเราะห์

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ ทุกวันนี้เราจะเห็นได้ว่ามนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบาย จนบางครั้งหลงลืมไปว่าเป้าหมายหลักของชีวิตพวกเราบนโลกดุนยานี้มิใช่เพื่อแสวงหาเงินทอง,มิใช่เกิดมาเพื่อหาความสุขให้แก่ตนเอง,มิใช่เกิดมาเพื่อทำแต่งานและมิใช่เพื่ออื่นๆอีกมากที่เรากำลังทำๆกัน  แต่ทว่าเป้าหมายหลักในโลกดุนยานี้คือนำชีวิตและร่างกายของเราให้ผ่านพ้นโลกดุนยานี้เพื่อไปมีชีวิตที่สุขสบายและถาวรในโลกอาคิเราะห์โดยการปฏิบัติอมัลอิบาดะห์ต่อพระองค์อย่างจริงจังและจริงใจ

อัลลอฮ์   ได้ตรัสไว้ในซูเราะห์อัซซาริยาตอายะห์ที่ 56 ความว่า

وَمَا خَلَقْتُ الْجِنَّ وَالإنْسَ إِلا لِيَعْبُدُونِ

 “และข้ามิได้สร้างญินและมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า”


          ดังนั้นพึงรู้เถิดว่าเป้าหมายหลักของพวกเราที่เป็นมุสลิม มุอฺมินในโลกดุนยานี้ คือการทำอิบาดะห์หรือเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์นั่นเอง ยังมีผู้เข้าใจผิดในเรื่องของอิบาดะห์อีกมาก เพราะคิดไปว่า การทำอิบาดะห์คือการทำการละหมาด การถือศีลอด การจ่ายซะกาต และไปทำฮัจย์ เท่านั้น  แต่ทว่าการทำอิบาดะห์นั้นเป็นชื่อที่ใช้เรียกในทุกๆสิ่งที่อัลลอฮ์ ทรงโปรดปรานไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำทั้งปวงทั้งที่เปิดเผยและซ่อนเร้น

          การทำอิบาดะฮ์ที่เปิดเผย เช่น การกล่าววาจาด้วยคำปฏิญาณตนทั้งสองประโยค,การทำละหมาด, การจ่ายซะกาต,การทำพิธีฮัจญ์,การทำญิฮาดในหนทางของอัลลอฮ์,การเชือด, การช่วยเหลือกันในการทำความดี,การห้ามปรามไม่ให้ทำชั่ว,การช่วยเหลือคนยากจน ขัดสน และอื่นๆอีกมากมาย

         การทำอิบาดะฮ์ในที่ซ่อนเร้น เช่น ความยำเกรงต่ออัลลอฮ์,ความกลัวต่อการลงโทษของอัลลอฮ์ ความรักต่ออัลลอฮ์,ความหวังในอัลลอฮ์,การมอบหมายต่ออัลลอฮ์,การขอพึ่งพาอัลลอฮ์,ความรักเพื่ออัลลอฮ์และโกรธเพื่ออัลลอฮ์ และอื่นๆ

           ฉะนั้นแล้วทุกๆสิ่งที่มนุษย์ทำไปเพื่อมอบให้อัลลอฮ์ ไม่ว่าจะเป็นการพูด การกระทำตามบทบัญญัติศาสนา ทั้งหมดล้วนนับได้ว่าเป็นการทำอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์ ทั้งสิ้น  แต่จะถูกตอบรับให้เป็นอิบาดะห์ที่ถูกรับจากพระองค์อัลลอฮ์หรือไม่นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไข 2 ประการดังต่อไปนี้


1.ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจพื่ออัลลอฮ์   

ดังที่พระองค์ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮ์ อัซซุมัรอายะฮ์ที่ 2-3 ความว่า

فَاعْبُدِ اللَّهَ مُخْلِصًا لَهُ الدِّينَ (٢)أَلا لِلَّهِ الدِّينُ الْخَالِصُ

 “ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาต่อพระองค์

พึงทราบเถิดว่าการอิบาดะฮ์โดยบริสุทธิ์ใจนั้นเป็นของอัลลอฮ์องค์เดียว”

และท่านนบีมูฮำหมัดได้กล่าวไว้ในฮะดีษบทหนึ่งว่า

   إِنَّمَا الأَعْمَالُ بِالنِّيَّاتِ     “แท้จริงกิจการงานต่างๆนั้นขึ้นอยู่กับเจตนารมณ์”

         จะขอยกตัวอย่างประกอบในเรื่องของการทำอิบาดะห์ที่เป็นกิจวัตประจำวันของพวกเราทุกๆคนเช่นการรับประทานอาหาร ซึ่งเป้าหมายหลักของทุกคนเวลารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำก็เพื่อให้หายจากอาการหิวหรือกระหายเท่านั้น ซึ่งจะไม่ได้รับผลตอบแทนอันใดนอกเสียจากความอิ่มที่เขาได้ตั้งเอาไว้  แต่มีใครเคยคิดหรือไม่ว่าการทานอาหารของเรานั้นจะนำมาซึ่งผลบุญหากเราทานอาหารมื้อนั้น แล้วตั้งเจตนาในการรับประทานว่าเราจะทานอาหารมื้อนี้ เพื่อให้เรามีพลังมีกำลังวังชาเพื่อที่เราจะได้มีแรงทำการละหมาด,มีแรงเดินไปมัสยิด,มีแรงช่วยเหลือผู้อื่น,หรือมีแรงที่จะทำงานให้สำเร็จ เท่านี้การรับประทานของเราก็จะเป็นอิบาดะห์หรือเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์แล้ว  เพราะการตั้งเจตนาในการรับประทานนั้นเป็นไปเพื่ออัลลอฮ์

          หรือจะเป็นการทำงานในออฟฟิต เมื่อผู้บังคับบัญชามอบหมายงานให้ทำ เราควรที่จะมุ่งมั่นทำงานให้เสร็จสมบูรณ์โดยเร็ว โดยตั้งเจตนาว่าจะทำให้ดีที่สุดเพราะถือเป็นอมานะห์ที่ผู้บังคับบัญชานั้นได้มอบหมายให้กับเรา  มิใช่ว่านั่งทำงานไปนั่งคุยกะเพื่อนไปด้วย เช่นนี้จะทำให้งานไม่เสร็จ หรือจะทำให้งานชิ้นนั้นออกมาไม่ดีไม่สมบูรณ์นำมาซึ่งการแก้ไขและเสียเวลา อันเนื่องมาจากความไม่ตั้งใจที่จะทำงาน ไม่มีสมาธิในการทำงานและไม่ให้ความสำคัญกับงานนั้นๆ  

          จะเห็นได้ว่าเป็นข้อได้เปรียบของพวกเรามุสลิมทุกคนที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม จะอยู่ในอิริยาบถไหนก็ตาม ไม่ว่าจะกิน นั่ง เดิน นอน หรือทำงาน ถ้าเราตั้งเจตนาที่ดีในการทำงานนั้น ตั้งเจตนาว่าทุกๆการงานที่เราทำนั้นมันเป็นอิบาดะห์แล้ว เราก็จะได้คุณงามความดีและผลบุญจากการงานที่ได้ทำไป ซึ่งจะมีข้อแม้อยู่เพียงเล็กน้อยนั่นก็คือ จะต้องทำด้วยความบริสุทธิ์ใจพื่ออัลลอฮ์ จริงๆ


2. การกระทำในสิ่งที่เป็นที่อนุมัติตามหลักที่ศาสนาได้บัญญัติไว้  

ดังที่ท่านนบี  ได้กล่าวว่า

من عمل عملاً ليس عليه أمرنا فهو رد 

“ผู้ใดที่ทำงานหนึ่งงานใด โดยที่มิได้มีคำสั่งของเรา การงานนั้นจะไม่ถูกตอบรับ”

(บันทึกโดยอิมามบุคอรีย์และอิมามมุสลิม)  

          การทำอิบาดะห์ที่เป็นคำสั่งใช้นั้นได้แบ่งออกเป็นสองประเภทด้วยกัน คือ  การอิบาดะห์ที่เป็นคำสั่งใช้ให้ปฏิบัติ ซึ่งจะต้องมีแบบแผนมาจากกิตาบุ้ลลอฮ์และซุนนะห์ของท่านนบี  เช่นการละหมาด การถือศีลอด และคำสั่งใช้ที่ไม่ได้บังคับ เพียงแต่ส่งเสริมให้กระทำ เช่นการแปรงฟัน การส่งเสริมกันให้ทำความดี การพูดคุยกันในเรื่องดีๆ  ดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้กระทำ 

สำหรับสิ่งที่เป็นข้อห้ามมิให้ปฏิบัติ เช่น ห้ามผิดประเวณี  หรือการห้ามที่เป็นการปราม แต่มิใช่เป็นเชิงบังคับ ถ้ากระทำถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเกลียด  เช่นการห้ามการจับกลุ่มคุยกันหลังละหมาดอิชาแล้ว การที่มุสลิมได้ละทิ้งสิ่งที่เป็นข้อห้าม ถือว่าเป็นการเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ ด้วยเช่นกัน การละทิ้งสิ่งที่เป็นที่ต้องห้าม และการปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮ์ ถือเป็นการปฏิบัติอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์ทั้งสิ้น


          เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าการทำอิบาดะห์ที่จะถูกตอบรับนั้นจะต้องประกอบด้วยความบริสุทธิ์ใจ การกระทำที่ขาดความบริสุทธิ์ใจ การงานนั้นจะไม่ถูกตอบรับ และถ้าไม่ตรงกับแนวทางของศาสนาก็จะไม่ถูกตอบรับเช่นเดียวกัน

อัลลอฮ์   ได้ตรัสไว้ในซูเราะห์อัลกะฮ์ฟิ อายะห์ที่ 110 ความว่า

فَمَنْ كَانَ يَرْجُو لِقَاءَ رَبِّهِ فَلْيَعْمَلْ عَمَلا صَالِحًا وَلا يُشْرِكْ بِعِبَادَةِ رَبِّهِ أَحَدًا

 “ ดังนั้นผู้ใดหวังที่จะพบพระผู้เป็นเจ้าของเขา ก็ให้เขาประกอบการงานที่ดี และอย่าตั้งผู้ใดเป็นภาคีในการเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขาเลย”

           ความบริสุทธิ์ใจในการปฏิบัติอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญและยากต่อการปฏิบัติซึ่งเราจะต้องใส่ใจในการปฏิบัตินั้นด้วยการใส่อัลเฮี๊ยหฺซานเข้าไปในการกระทำอิบาดะห์ของเราด้วย  อัลเฮี๊ยหฺซานหรือหลักการทำความดีคือ การที่เราจะต้องปฏิบัติภักดีต่ออัลลอฮ์ เสมือนว่าเราเรานั้นเห็นพระองค์อยู่ ถ้าหากเราไม่เห็นพระองค์ แน่นอนพระองค์นั้นทรงเห็นเรา

นี่คือหลักการง่ายๆที่จะพูด แต่เป็นสิ่งยากที่เราจะปฏิบัติ  ส่วนใหญ่แล้วเราจะใส่ใจในหลักอัลเฮี๊ยหฺซานก็ต่อเมื่อเราได้ทำอิบาดะห์ที่เป็นคำสั่งใช้ให้ปฏิบัติเท่านั้น      ส่วนอิบาดะห์ที่เป็นคำสั่งใช้ที่ไม่ได้บังคับ เพียงแต่ส่งเสริมให้กระทำ ส่วนใหญ่เราจะละเลยและเพิกเฉยกัน ซึ่งหากเราได้ให้ความสำคัญและใส่ใจด้วยแล้วจะทำให้ทุกๆการงานของเราในทุกๆวันนั้นเป็นอิบาดะห์ที่จะเกิดผลต่อเรา ทำให้เราได้รับคุณงามความดีจากการทำอิบาดะห์นั้นๆ


          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาครับ วันนี้ผมขอนำฮะดีษของท่านนบี ที่ได้พูดถึงการทำอิบาดะห์ที่ง่ายๆที่เราๆท่านๆสามารที่จะกระทำได้ในทุกๆวันมานำเสนอเพื่อว่าจะได้เพิ่มพูนคุณงามความดีให้กับเราดังฮะดีษที่ท่านนบีมูฮำหมัด ได้กล่าวไว้โดยรายงานมาจากท่านอบีมาลิก อัลอัชอารีย์ ได้เล่าว่าท่านร่อซุ้ล  ได้กล่าวว่า

الطهور شطر الإيمان ، والحمد لله تملأ الميزان ، وسبحان الله والحمد لله تملآن – تملأ – ما بين السماوات والأرض ، والصلاة نور ، والصدقة برهان ، والصبر ضياء ، والقرآن حجة لك أو عليك ، كل الناس يغدو ، فبائع نفسه ، فمعتقها أو موبقها

“ความสะอาดนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการศรัทธา และการกล่าว “อัลฮัมดุลิลลาฮ์” นั้นจะทำให้ตาชั่งเต็ม

การกล่าว “ซุบฮานัลลอฮ์และอัลฮัมดุลิลลาฮ์” จะทำให้ตาชั่งเต็มในระหว่างชั้นฟ้าและแผ่นดิน

การละหมาดนั้นเป็นรัศมีและการทำซอดากอฮ์นั้นเป็นหลักฐานยืนยันและความอดทนนั้นเป็นแสงสว่าง

และอัลกุรอานเป็นทางนำที่ดีให้แก่ท่านหากท่านปฏิบัติตามหรือเป็นอันตรายสำหรับท่านหากท่านผ่าฝืน มนุษย์ทุกคนจะต้องขวนขวาย

ดังนั้นผู้ใดที่มอบตัวของเขาให้กับอัลลอฮ์เขาก็จะได้รับการปลดปล่อยและผู้ใดที่มอบตัวของเขาให้กับชัยฏอนเขาก็จะได้รับความพินาศ”

(บันทึกโดยอิมามมุสลิม)


          จากฮะดีษข้างบนได้บอกให้เราทราบว่าการทำอิบาดะห์แต่ละอย่างนั้นไม่ได้ยากเกินความสามารถของเราเลย การมีความสะอาดไม่ว่าจะเป็นสะอาดในด้านร่างกายหรือจิตใจก็ตามเป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกถึงการมีศรัทธา ส่วนคำกล่าว“ซุบฮานัลลอฮ์และอัลฮัมดุลิลลาฮ์” จะทำให้ตาชั่งของผู้ที่กล่าวลำลึกถึงพระองค์นั้นเต็ม ซึ่งจะต้องมีความบริสุทธิ์ใจในการกล่าวด้วยมิใช่สักแต่ว่าจะอ่านให้ครบ 100 ครั้ง 1,000 ครั้ง ก็มิใช่เช่นนั้น    จะต้องอ่านพร้อมให้ความเกรียงไกรต่อพระองค์ด้วยจบท้ายฮะดีษด้วยการที่ท่านนบีได้บอก ไว้ว่ามนุษย์ทุกคนจะต้องขวนขวายหากเขาขวนขวายในสิ่งที่ถูกต้องและมอบตัวของเขาให้กับอัลลอฮ์ เขาก็จะได้รับการปลดปล่อยนั่นคือ ปลดปล่อยจากการถูกลงโทษในไฟนรกอันเจ็บแสบ และผู้ใดที่มอบตัวของเขาให้กับชัยฏอนเขาก็จะได้รับความพินาศทั้งในโลกดุนยาและอาคิเราะห์


          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาครับ มนุษย์เราทุกคนนั้นอยู่ในการขาดทุนนอกจากบุคคล 4 ประเภทด้วยกันนั่นคือ ผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์,และผู้ประกอบความดี,และผู้ที่เตือนกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรม,และผู้ที่อดทนเท่านั้น

          การที่จะทำให้เรานั้นไม่ขาดทุนในการใช้ชีวิตอยู่ในโลกดุนยานี้ นั่นก็คือการพยายามกระทำกิจวัติของเราในทุกๆเวลาทุกๆนาทีให้เป็นการอิบาดะห์ต่อพระองค์ เพื่อเราจะได้ใกล้ชิดกับพระองค์เสมือนกับว่าเรานั้นได้มองเห็นพระองค์ และจะทำให้เรานั้นออกห่างจากความเลวร้ายด้วย ทั้งนี้เนื่องมาจากเราได้ทราบแล้วว่าการงานที่ไม่เป็นที่อนุมัติและไม่มีแบบอย่างจากกิตาบุลลอฮ์นั้นมันมิได้เป็นอิบาดห์ที่จะถูกตอบรับจากพระผู้เป็นเจ้าแต่อย่างใดเลย ซึ่งมันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียสูญเสียและจะทำให้เราเป็นผู้ที่ขาดทุนบนผืนแผ่นดินในดุนยานี้

          ดังนั้นแล้วจึงสมควรที่เราจะใส่ใจในการงานทุกๆอย่างของเราให้เป็นการงานที่เพิ่มพูลผลประโยชน์ให้กับเราในทุกๆอิริยาบถ เพื่อที่เราจะได้ไม่เป็นผู้ที่ขาดทุนทั้งในโลกนี้และโลกหน้าและยังบรรลุเป้าหมายหลักของพวกเราทุกในโลกดุนยานี้ด้วยนั่นก็คือการทำอิบาดะห์หรือเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์นั่นเอง

 


 

คุตบะฮ์วันศุกร์ มัสยิดดารุลอิห์ซาน