คำแนะนำสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการจะสังคมกับผู้คน
(ตอนที่ 1)
คำถาม
ผมไม่ชอบที่จะสังคมกับคนอื่น ๆ และผมชอบที่จะอยู่เพียงลำพัง ผมมีความรู้สึกกังวลเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น แต่ท่านนบีมุฮัมมัด ได้สั่งใช้ให้พวกเราทำการละหมาดในมัสยิด ผมควรจะทำเช่นไร เมื่อผมปรารถนาที่จะไม่ละหมาดมากกว่าการไปละหมาดที่มัสยิด
บรรดาการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์แด่พระองค์อัลลอฮฺ
อันดับแรก
ในสถานการณ์ของคุณนี้ ไม่เพียงแต่คุณจะต้องออกไปละหมาดที่มัสยิดแต่คุณยังต้องมีหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่คุณจะต้องออกไปทำนอกบ้านอีกด้วย เช่นการออกไปเชื่อมสัมพันธ์กับเครือญาติ การหาเงินสำหรับการเลี้ยงชีพ การออกไปแสวงหาความรู้ การเข้าร่วมกิจกรรมที่ดีๆ การหลีกห่างจากสิ่งที่ชั่วร้าย และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย
ท่านเชค อัล อิสลาม อิบนุ ตัยมิยะฮฺ (ขอพระองค์อัลลอฮฺ ทรงโปรดประทานความเมตตาแก่ท่านด้วยเทอญ) ได้กล่าวเอาไว้ว่า
ในความเป็นจริงการสังคมกับผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องถือปฏิบัติ แต่ในบางครั้งก็ต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังบ้าง ซึ่งนั้นก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการดำเนินชีวิต กล่าวคือ ถ้าการเข้าสังคมเพื่อกระทำในสิ่งที่ไปตามแนวทางที่ถูกต้อง เป็นไปตามหลักการศรัทธา การเข้าร่วมกับสังคมนี้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรจะกระทำ แต่ถ้าการเข้าสังคมนั้นเพื่อกระทำในสิ่งที่เป็นการผิดบาปและอยู่บนแนวทางที่ไม่ถูกต้องแล้ว การเข้าร่วมสังคมนี้ก็เป็นที่ต้องห้าม
ซึ่งการอยู่ร่วมกันกับพี่น้องมุสลิมนั้นถือเป็นการภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าในรูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการละหมาดร่วมกันห้าครั้งในหนึ่งวัน การละหมาดวันศุกร์ การละหมาดอีด การละหมาดเมื่อเกิดสุริยะคราส การละหมาดขอฝน และการละหมาดอื่น ๆ ซึ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พระองค์อัลลอฮฺ และท่านนบีมุฮัมมัด สั่งใช้ให้บรรดาผู้ศรัทธามีการปฏิบัติร่วมกัน
เช่นเดียวกันกับการออกไปประกอบพิธีฮัจญ์ ซึ่งพี่น้องมุสลิมก็ได้กระทำร่วมกัน และยังมีการรวมตัวกันเพื่อออกไปต่อสู้กับบรรดาพวกกุฟฟารและผู้ก่อกบฎ รวมถึงการต่อสู้กับหัวหน้าของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาหรือ ผู้ปฏิเสธศรัทธาเอง เช่นเดียวกันกับการรวมตัวกันของบรรดาผู้ศรัทธาเพื่อทำให้การศรัทธาของแต่ละคนเพิ่มขึ้น ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ที่ทำหน้าที่แนะนำตักเตือนผู้อื่น หรือเป็นผู้รับคำแนะนำตักเตือนจากผู้อื่น หรือในกรณีใด ๆ ก็ตาม (Majmoo’ al-Fataawa, 10/425)
ดังนั้นคุณอาจจะพบว่า รูปแบบที่คุณเป็นนั้น ในบางครั้งไม่ใช่แนวทางที่จะทำให้พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกทรงพอพระทัย ซึ่งคุณจะต้องมองดูสถานการณ์เสียใหม่และพึงตระหนักให้มากว่า สิ่งที่คุณกำลังเป็นอยู่นี้ว่าเป็นการล่อลวงมาจากชัยฏอน ซึ่งมันจะทำให้คุณรู้สึกว่าสิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่และพฤติกรรมที่ไม่ดีนี้ กลับทำให้คุณรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ดีงามสำหรับคุณ พึงระวังชัยฏอนและการล่อลวงของมันและเตรียมพร้อมที่จะต้องสู้กับมัน และพึงมอบความไว้วางใจต่อพระผู้เป็นเจ้าว่าพระองค์จะทรงช่วยเหลือท่าน ด้วยกับให้ท่านได้รับชัยชนะเหนือชัยฏอน
แปลโดย : นูรุ้ลนิซาอฺ