กลุ่มชนที่ลืมตัวเอง....?
  จำนวนคนเข้าชม  9712

 

กลุ่มชนที่ลืมตัวเอง....?


“ พวกเจ้าใช้ผู้คนให้กระทำความดี โดยที่พวกเจ้าลืมตัวของพวกเจ้าเองกระนั้นหรือ? และทั้งๆที่พวกเจ้าอ่านคัมภีร์กันอยู่  แล้วพวกเจ้าไม่ใช้ปัญญาดอกหรือ ? ”              

(ซูเราะฮฺ อัล-บะกะเราะฮฺ : 44)

        กลุ่มชนบะนีอิสรออีล หนึ่งในกลุ่มชนที่อัลลอฮ์ ติเตียนพวกเขาจากการประพฤติที่ออกนอกลู่นอกทาง กระทำสิ่งที่ไม่ชอบด้วยสติปัญญา และไม่ชอบด้วยบัญญัติศาสนา นั่นคือใช้ให้ผู้อื่นทำความดี แต่ตัวเองกลับไม่กระทำ พระองค์ทรงติเตียนเพื่อให้พวกเขาเลิกประพฤติผิดดังกล่าว

         อนึ่ง พวกที่อ้างอยู่เสมอว่า พวกเขาประเสริฐกว่าประชาชาติอื่น  เพราะพวกเขาได้รับคัมภีร์จากพระผู้เป็นเจ้านั้น สมควรที่พวกเขาจะประพฤติตนตามบัญญัติ ซึ่งปรากฏอยู่ในคัมภีร์อย่างเคร่งครัด แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้อ่านคัมภีร์ด้วยความใคร่ครวญ ดังนั้นความศรัทธาของพวกเขาจึงมีเปอร์เซ็นต่ำ ดังตัวอย่างจากนักปราชญ์ และนักบวชซึ่งเป็นผู้ที่ทำหน้าที่แนะนำสั่งสอน มักไม่ยอมกล่าวความจริง นอกจากที่พ้องกับความต้องการของเขาเองเท่านั้น หรือไม่ก็อุปโลกน์เรื่องขึ้นเอง โดยไม่คำนึงถึงบทบัญญัติที่แท้จริง
 
 เกี่ยวกับลักษณะของท่านนบีมุฮัมมัด นั้นมีปรากฏอยู่ในคัมภีร์ไบเบิ้ลเดิม ตอนหนึ่งว่า 

“แท้จริงพระองค์จะทรงให้มีนะบี คนหนึ่งจากพี่น้องของพวกเขา ซึ่งเขาจะธำรงไว้ซึ่งความจริง” 

  และปรากฏในพระบัญญัติบทที่ 18 วรรคที่ 17 ความว่า

“พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสแก่ฉัน (มูซา) ว่า พวกเจ้าจงทำให้ดี ในสิ่งที่พวกเจ้าพูด”
  

         พวกบนีอิสรออีลได้บิดเบือนข่าวเกี่ยวกับท่านนบี มุฮัมมัด โดยให้พ้องกับความต้องการของพวกเขา ความจริงพวกอิสรออีลมีวันสำคัญทางศาสนาหลายวันที่ให้รำลึกถึงความกรุณาของอัลลอฮ์  และส่งเสริมให้ธำรงไว้ซึ่งศาสนา แต่วันเวลาอันเนิ่นนาน  ทำให้หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้าง   และหันเหออกจากคำสอนของศาสนา

    ความที่ว่า “ พวกเจ้าใช้ให้ผู้คนกระทำความดี  โดยที่พวกเจ้าลืมตัวของพวกเจ้าเองกระนั้นหรือ ?”

          มีรายงานจากท่านอิบนิอับบ๊าสว่า  อายะฮ์นี้ถูกประทานลงมาเกียวกับนักปราชญ์ยิวแห่งนครมะดีนะฮ์  เนื่องจากพวกเขาได้แนะนำบางคนเป็นการลับๆให้ศัทธาต่อท่านนบีมุฮัมหมัด   โดยที่พวกเขาเองไม่ยอมศัทธา

     อัซสุดีย์กล่าวว่า “ พวกเขาเคยกำชับประชาชนให้เชื่อฟังอัลลอฮ์  และห้ามปรามมิให้ฝ่าฝืนพระองค์  ทั้งๆที่พวกเขาเองกระทำในสิ่งที่พวกเขาห้าม”

     คำว่า “ ลืมตัวเอง “ นั้น  หมายถึงละเลยตัวเองเนื่องจากความหย่อนยานต่อการศัทธา  เพราะตามปกตินั้นมนุษย์ย่อมจะไม่ลืมตัวเองในประโยชน์ที่ตนจะได้รับ  แต่ที่พระองค์ทรงใช้คำนี้ เพื่อสกิดใจให้สำนึกในสิ่งอันเป็นหน้าที่ที่ตนจะต้องปฏิบัติ  คล้ายกับพระองค์ทรงกล่าวแก่พวกเขาว่า 

“ถ้าพวกเจ้าเชื่อมั่นในคำสั่งของคัมภีร์ที่ให้กระทำความดี  ละเว้นความชั่ว  จนกระทั่งแนะนำผู้อื่นให้ปฏิบัติแล้วไซร้  เหตุไฉนพวกเจ้าเองไม่ปฏิบัติเล่า?”

     ข้อความดังกล่าวนี้  เป็นการตำหนิอย่างรุนแรง เพราะผู้ที่ใช้ให้คนอื่นกระทำในสิ่งที่ตนไม่กระทำนั้น  นับเป็นการสร้างหลักฐานมัดตัวเองด้วยลมปากของตน 

ความว่า “ ทั้งๆที่พวกเจ้าอ่านคัมภีร์กันอยู่  แล้วพวกเจ้าไม่ใช้ปัญญาดอกหรือ ?”

          หมายถึง พวกนักปราชญ์  และบักบวชของอิสรออีลย่อมรู้ดีว่า  อะไรถูกและอะไรผิด  ยิ่งกว่านั้นพวกเขารู้อีกว่า  ถ้าพวกเขาไม่ปฏิบัติสิ่งอันเป็นหน้าที่ที่จำเป็นแล้ว  จะเกิดอะไรขึ้นแก่พวกเขา  ทั้งนี้เนื่องจากพวกเขาอ่านคัมภีร์กันอยู่  แต่แทนที่พวกเขาจะปฏิบัติในฐานะผู้รู้  กลับเฉยเมยเสีย  แล้วใช้ให้ผู้อื่นปฏิบัติ

       ส่วนความที่ว่า “ แล้วพวกเจ้าไม่ใช้ปัญญาดอกหรือ ?” เป็นคำถามในเชิงปฏิเสธ เพื่อย้ำว่าการกระทำของพวกเขานั้น  มิใช่อื่นใดแต่เป็นความมุ่งหมายของคัมภีร์หากแต่เป็นการกระทำที่จงใจฝ่าฝืน  ทั้งๆที่รู้  เพราะว่าเห็นแก่ทรัพย์และเกียรติที่บรรดาลูกน้องผู้งมงายหยิบยื่นให้สำคัญกว่าคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้า  และมีค่าเหนือกว่าสิ่งที่พระองค์ทรงเตรียมไว้ตอบแทน

   
       อนึ่ง  ข้อความของอายะฮ์ดังกล่าว  แม้ว่าจะมุ่งหมายในชาวยิว  แต่ก็เป็นบทเรียนแก่ผู้คนทั่วๆไปด้วย  ดังนั้นประชาชาติใดก็ตาม  สิ่งใดๆทั้งที่เป็นส่วนบุคคล  และส่วนรวมย่อมจะต้องระมัดระวัง  อย่าให้เป็นเช่นสภาพของยิว  เพราะจะทำให้ตกอยู่ในฐานะเดียวกัน  ทั้งนี้เพราะการตอบแทนของอัลลอฮ์ ขึ้นอยู่กับผลงาน  หาใช่ขึ้นอยู่กับผู้หนึ่งผู้ใด  หรือชนชาติหนึ่งชนชาติใดโดยเฉพาะก็หาไม่
  


คัดจาก วารสารสายสัมพันธ์ ( อัร-รอบิเฏาะฮ์ )