การผิดคำสาบาน
  จำนวนคนเข้าชม  34262

 

 

การผิดคำสาบาน


บทบัญญัติว่าด้วยการผิดคำสาบาน

          ส่งเสริมให้ยกเลิกคำสาบานเมื่อการยกเลิกนั้นเป็นสิ่งที่ดี  เช่น  ผู้ที่สาบานว่าจะกระทำสิ่งที่น่าตำหนิหรือละทิ้งสิ่งที่ส่งเสริมให้ปฏิบัติ (สุนัต)  ฉะนั้นให้เขาทำสิ่งที่ดีกว่าและให้จ่ายค่าชดเชย (กัฟฟาเราะฮฺ) ในการเลิกคำสาบาน  เพราะท่านนบี อะลัยฮิศศอลาตุวัสลาม กล่าวว่า

 «مَنْ حَلَفَ عَلَى يَـمِينٍ، فَرَأَى غَيْرَهَا خَيْراً مِنْـهَا، فَلْيَأْتِـهَا، وَلْيُكَفِّرْ عَنْ يَـمِينِـهِ»

ความหมาย  “ผู้ใดได้สาบานแล้วเขาเห็นว่าสิ่งอื่นดีกว่า  ดังนั้นเขาจงกระทำมัน (สิ่งที่ดีกว่า) และจงจ่ายค่าชดเชยจากการสาบานของเขา” 

(บันทึกโดยมุสลิม หมายเลขหะดีษ 1650)

          จำเป็นต้องยกเลิกคำสาบาน  เมื่อเขาสาบานว่าจะละทิ้งสิ่งที่เป็นวาญิบ  เช่น  การสาบานว่าจะไม่ติดต่อสัมพันธ์กับเครือญาติ  หรือสาบานว่าจะกระทำสิ่งที่ต้องห้าม (หะรอม)  เช่น  การสาบานว่าจะดื่มสุรา  ดังนั้นจำเป็นสำหรับเขาที่จะต้องยกเลิกคำสาบานและต้องจ่ายค่าชดเชย (กัฟฟาเราะฮฺ)

          เป็นที่อนุญาตให้ยกเลิกคำสาบาน  เช่น  เมื่อสาบานว่าจะกระทำหรือจะละทิ้งสิ่งที่เป็นอนุมัติ(มุบาหฺ) และให้เขาจ่ายค่าชดเชย (กัฟฟาเราะฮฺ)


เงื่อนไขจำเป็นต้องจ่ายค่าชดเชย (กัฟฟาเราะฮฺ)

           เงื่อนไขที่จำเป็นต้องจ่ายค่าชดเชย (กัฟฟาเราะฮฺ) มีกรณีดังต่อไปนี้

            1. การสาบานนั้นเป็นการสาบานที่สมบรูณ์  ของผู้ที่บรรลุศาสนภาวะมีสติสัมปชัญญะ  เป็นการสาบานต่อเรื่องที่เป็นอนาคตและสามารถเป็นไปได้  เช่น  การสาบานว่าจะไม่เข้าบ้านคนนั้นคนนี้

          2.  เป็นการสาบานโดยสมัครใจ หากเขาสาบานโดยถูกบังคับการสาบานของเขาถือว่าไม่ครบถ้วนสมบูรณ์

          3.  ตั้งเจตนาในการสาบาน  การสาบานโดยไม่ตั้งเจตนาถือว่าไม่สมบรูณ์  เช่น  คนที่เคยชินกับการสาบาน  (เช่นพูดว่า  ไม่, ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮฺ  เช่นนั้นแหละ, ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮฺ)  ดั่งที่กล่าวผ่านมาในหะดีษ

          4.  การผิดคำสาบาน  เช่น  กระทำตรงกันข้ามกับคำสาบาน  กระทำในสิ่งที่สาบานว่าจะละทิ้งหรือละทิ้งในสิ่งที่สาบานว่าจะกระทำ  เป็นการกระทำโดยสมัครใจและรู้สึกตัว


ลักษณะการจ่ายค่าชดเชย (กัฟฟาเราะฮฺ)

          ลักษณะการจ่ายค่าชดเชย (กัฟฟาเราะฮฺ) ให้เลือกปฏิบัติสิ่งต่อไปนี้

1.  แจกจ่ายอาหารให้แก่คนยากจนจำนวน 10 คนโดยให้แจกแต่ละคนครึ่งศออฺ  (ประมาณ  2 ลิตร)  เป็นอาหารหลักประจำวัน  เช่น  ข้าวสาร  อินทผลัม  ข้าวสาลี  ฯลฯ  หรือหากเขาประสงค์เลี้ยงอาหารเที่ยงหรืออาหารเย็นให้แก่คนยากจนจำนวน 10 คนก็ถือว่าเป็นการใช้ได้

2.  ให้อาภรณ์เครื่องนุ่งห่มแก่คนยาจนจำนวน 10 คน  เป็นเครื่องนุ่งห่มที่ใช้สวมใส่ละหมาดได้

3.  ให้ปล่อยทาสผู้ศรัทธา

          ให้เลือกปฏิบัติจาก 3 ประการที่กล่าวผ่านมา  หากเขาไม่สามารถปฏิบัติตามที่กล่าวมาได้ก็ให้ถือศีลอด 3 วัน  และไม่อนุโลมให้ถือศีลอดนอกจากว่าไม่มีความสามารถที่จะปฏิบัติตาม 3 อย่างที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว


บทบัญญัติว่าด้วยการจ่ายค่าชดเชย (กัฟฟาเราะฮฺ) ก่อนที่จะผิดคำสาบาน

          อนุญาตให้จ่ายค่าชดเชย (กัฟฟาเราะฮฺ) ก่อนที่จะผิดคำสาบานและอนุญาตให้จ่ายทีหลังได้ ดังนั้นหากจ่ายก่อนก็เป็นสิ่งที่อนุมัติ (หะลาล) ให้ผิดคำสาบาน  หากจ่ายทีหลังก็เป็นค่าชดใช้ในการผิดคำสาบาน  โดยที่อัลลอฮฺได้อธิบายกัฟฟาเราะฮฺไว้ว่า

ความหมาย:  “อัลลอฮฺจะไม่ทรงเอาโทษแก่พวกสูเจ้าด้วยถ้อยคำที่ไร้สาระในการสาบานของพวกสูเจ้า 

แต่ทว่าพระองค์จะทรงเอาโทษแก่พวกสูเจ้าด้วยถ้อยคำที่พวกสูเจ้าตั้งใจสาบาน 

ดังนั้นการชดใช้ของมันคือการแจกจ่ายอาหารให้แก่คนยากจนจำนวนสิบคนเป็นอาหารปานกลางจากสิ่งที่พวกสูเจ้าใช้เป็นอาหารแก่สมาชิกในครอบครัวของพวกสูเจ้า 

หรือไม่ก็ให้เครื่องนุ่งห่มแก่พวกเขา  หรือไถ่ทาสหนึ่งคนให้เป็นอิสระ  หากผู้ใดไม่พบ (ไม่สามารถกระทำได้) ให้ถือศีลอดสามวัน 

ดังกล่าวเป็นการชดใช้ในการสาบานของพวกสูเจ้าเมื่อพวกสูเจ้าได้สาบานไว้  และจงรักษาการสาบานของพวกสูเจ้าเถิด 

ในทำนองดังกล่าวอัลลอฮฺจะทรงแจกแจงบรรดาโองการต่างๆ ของพระองค์แก่พวกสูเจ้า  เพื่อว่าพวกสูเจ้าจักได้ขอบคุณ”

 (อัลมาอิดะฮฺ : 89)

         ส่วนหนึ่งจากหน้าที่ของมุสลิมที่มีต่อพี่น้องมุสลิม  คือ  การสาบานในการกระทำความดีเมื่อการสาบานนั้นไม่ได้อยู่ในการฝ่าฝืน

          เมื่อเขาสาบานว่าจะไม่กระทำสิ่งใด แล้วเขาได้กระทำโดยการลืม  โดนบังคับ  หรือไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เขาได้สาบานไว้ ไม่ถือว่าผิดคำสาบาน  กรณีนี้ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและการสาบานของเขายังคงอยู่ต่อไป

          เมื่อเขาสาบานกับอัลลอฮฺต่อคนคนหนึ่งที่มีเจตนาให้เกียรติแก่เขา ไม่ถือเป็นการว่าผิดคำสาบานในทุกกรณี  หากมีเจตนาว่าเขาบังคับตัวเองแต่เขาไม่กระทำถือว่าเป็นการผิดคำสาบาน

          กิจการงานทั้งหลายมีผลด้วยกับการตั้งเจตนา  ดังนั้นผู้ใดได้สาบานต่อสิ่งหนึ่งและเขาได้ ปกปิดเอาไว้ด้วยสิ่งอื่น  ดังนั้นจะพิจารณาจากการตั้งเจตนาของเขาไม่ได้พิจารณาจากคำพูดของเขา


แก่นแท้ของการสาบาน

          การสาบานนั้นขึ้นอยู่กับการตั้งเจตนาของผู้สั่งให้สาบาน  ดังนั้นเมื่อผู้พิพากษา (กอฎี) สั่งให้สาบานในเรื่องการฟ้องร้องหรือเรื่องอื่นๆ  ดังนั้นจำเป็นที่การสาบานนั้นต้องเป็นไปตามการตั้งเจตนาของผู้สั่งใช้ให้สาบานมิใช่ตามการตั้งเจตนาของผู้สาบาน  และหากว่าเขาสาบานโดยไม่ได้รับคำสั่งก็จะเป็นไปตามการตั้งเจตนาของผู้สาบาน


บทบัญญัติว่าด้วยผู้ที่ห้ามตัวเองจากสิ่งที่อนุมัติ (หะลาล) ยกเว้นกรณีการหย่าภรรยา

          ผู้ใดที่ห้ามตัวเอง (โดยการสาบาน)จะไม่แตะต้องในสิ่งที่เป็นที่อนุมัติ(หะลาล)แก่เขา - ยกเว้นกรณีการสาบานเพื่อหย่ากับภรรยา - ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารหรือเรื่องอื่นๆ การสาบานดังกล่าวก็ไม่เป็นที่ต้องห้ามแก่เขาแต่ประการใด  และหากเขาได้ผิดสาบานก็จำเป็นที่เขาต้องจ่ายค่าชดเชย (กัฟฟาเราะฮฺ)
 
ความหมาย:  “โอ้นบี ทำไมเจ้าจึงห้ามในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงอนุมัติแก่เจ้าเพื่อแสวงหาความพึงพอใจบรรดาภริยาของเจ้า  และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตา 

แน่นอนอัลลอฮฺได้ทรงกำหนดแก่พวกเจ้าแล้วในการแก้คำสาบานแก่พวกเจ้า  และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงคุ้มครองพวกเจ้าและพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ” 

(อัตตะหฺรีม : 1-2)


บทบัญญัติว่าด้วยผู้ที่สาบานในสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืน

           ผู้ใดที่ได้สาบานว่าจะไม่กระทำความดี  ดังนั้นไม่เป็นที่อนุญาตให้เขายืนกรานในการสาบานเช่นนั้น  แต่ทว่าให้เขาสาบานกระทำความดีและจ่ายค่าชดเชย (กัฟฟาเราะฮฺ)  อัลลอฮฺตะอะลาตรัสว่า

ความหมาย: 

“และพวกเจ้าจงอย่าให้อัลลอฮฺเป็นอุปสรรคขัดขวางเนื่องจากการสาบานของพวกสูเจ้า

ในการที่พวกสูเจ้าจะกระทำความดีและที่จะมีความยำเกรง 

และในการที่จะประนีประนอมระหว่างผู้คน  และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้” 

(อัลบะเกาะเราะฮฺ :  224 )

 


มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม อัตตุวัยญิรีย์


แปลโดย : ยูซุฟ อบูบักรฺ / Islam House