สตรีวันนี้กับบทบาทที่พึงทบทวน
  จำนวนคนเข้าชม  12069

 

 

สตรีวันนี้กับบทบาทที่พึงทบทวน

 โดย มุคลิส บินยูซุฟ

 

          หากเราติดตามข่าวสารจากสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ นิตยสาร วารสาร หนังสือพิมพ์และอินเตอร์เน็ท เราจะพบกับปรากฏการณ์หนึ่ง นั่นคือ สตรีเป็นจำนวนมากในยุคปัจจุบันถูกนำไปใช้เป็นสัญลักษณ์ทางเพศ และไม่เคยพบว่า พวกเธอถูกนำไปใช้เป็นสัญลักษณ์ในด้านอื่นๆ สตรีได้ถูกนำมาเป็นเป้าล่อสายตาของสาธารณชนและสิ่งยั่วยวนทางสายตาของบุคคลที่มีจิตใจโสมมและต่ำทราม  หื่นกระหายและมัวเมากับกามารมณ์ นอกจากนั้นสตรียังถูกนำไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการโฆษณาสินค้าต่างๆเพื่อจูงใจให้สนใจและบริโภคสินค้าของตน  ด้วยเหตุนี้สตรีจึงถูกชักจูงให้เข้าไปมีบทบาทในทางที่เสื่อมเสีย  โดยพวกเธอละทิ้งและละเลยบทบาทหน้าที่ดั้งเดิมของพวกเธอ  พวกเธอถูกตีค่าเป็นเพียงสินค้าชนิดหนึ่งเท่านั้น

       วัฒนธรรมอันจอมปลอม ได้ชักนำสตรีสมัยใหม่ให้ออกไปทำงานและมีบทบาทในทุกสาขา เช่น ธุรกิจการค้า อุตสาหกรรม การบริการ ศิลปกรรม และการเกษตร ซึ่งความจริงแล้ว งานบางประเภทไม่เหมาะสมกับสภาพทางสรีระของสตรี ไม่ว่าในด้านกายภาพหรือด้านจิตใจก็ตาม  ทั้งหมดที่กล่าวมานี้   ล้วนอยู่ในบริบทของการทอดทิ้งบทบาทและหน้าที่ดั้งเดิมของสตรี   นั่นก็คือ หน้าที่ในครอบครัว หน้าที่ของความเป็นแม่และภรรยา

       ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด ก็คือ ปรากฏการณ์ดังกล่าวได้แพร่กระจายไปทั่ว  ไม่เว้นแม้กระทั่งในโลกมุสลิม  เหล่าสตรีมุสลิมได้ก้าวตามรอยเท้าของพวกตะวันตกก้าวแล้วก้าวเล่า จนเกิดความเคยชินและกลายเป็นกิจวัตร ชื่นชอบกับสภาพอันแสนจะวุ่นวายและไร้สาระเหล่านั้น  พวกเธอถูกมอมเมาให้หลงระเริงและเพลิดเพลินกับการใช้เครื่องสำอาง น้ำหอม แฟชั่นการแต่งกาย ซึ่งมักจะเน้นการโป๊และเปลือยกาย

       ความจริงสตรีมุสลิมหรือมุสลีมะฮฺควรจะมีจิตสำนึกต่อสิ่งเลวร้ายเหล่านั้น  และน่าจะวิเคราะห์หาเบื้องลึกที่แท้จริงของสตรีตะวันตก ทั้งในด้านจิตใจและด้านอื่นๆ  เพราะจากการศึกษาจะพบว่า ชีวิตของสตรีตะวันตกบางกลุ่มอยู่ในสภาพอ้างว้างเดียวดายและวิตกจริต  

       สตรีมุสลิมจึงต้องศึกษา ค้นคว้าและอ่านบทวิเคราะห์ บทความหรืองานเขียนต่างๆซึ่งชาวตะวันตกในทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ คณาจารย์ นักวิจัย ได้เขียนเกี่ยวกับสภาพสังคมตะวันตกอย่างถึงแก่นจริงๆ  บุคคลเหล่านี้ได้เปิดเผยให้เราทราบข้อมูลเกี่ยวกับความตกต่ำและเสื่อมทราม ซึ่งเป็นผลมาจากน้ำมือของชาวตะวันตกเอง และได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในประเทศของเขาเป็นอย่างมาก


       Dr.Klienk ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมัน ได้เปิดเผยข้อมูลในการสัมมนาครั้งหนึ่งว่า

     “มีสตรีในสังคมของเราจำนวนมากที่ไม่มีความสุขในชีวิต เพราะความต้องการทางจิตใจและร่างกายของพวกเธอเพิ่มขึ้นทุกวัน  ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงขอให้สาธารณชนได้ทราบโดยทั่วกันว่า   เป็นหน้าที่ของผู้บริหารประเทศของเรา จะต้องศึกษา วิจัยเกี่ยวกับโรคร้ายที่กำลังรุมเร้าสตรีของประเทศเราในขณะนี้ ด้วยความตระหนักและเอาจริงเอาจัง  ภัยร้ายนี้กำลังคุกคามคนของเราอีกมาก นั่นหมายความว่า ความหายนะและความเสียหายอย่างมหาศาลกำลังจะเกิดขึ้นกับคนของเรานับล้านคน”

 

       นักสังคมวิทยาชื่อดังคนหนึ่งชื่อ G.S. Yulark ได้เขียนบทความเกี่ยวกับวิกฤตที่ชาวตะวันตกกำลังประสบอยู่ ทั้งต่อบุคคลและสังคม   เขาได้กล่าวในบทความตอนหนึ่งว่า

        “ข้าพเจ้าได้สังเกตมานานหลายปีแล้ว  เห็นว่า  ความสงบสุขในชีวิตของเราในปัจจุบัน กำลังค่อยๆเลือนหายไปจากชีวิตของเราทีละน้อย  ด้วยเหตุนี้ ชีวิตของคนในปัจจุบันจึงไม่ค่อยรู้จักในเรื่องเกี่ยวกับความผูกพันและหน้าที่ความรับผิดชอบ  ซึ่งคนในสมัยก่อน จะรู้จักและให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก  ความจริงแล้ว คนสมัยนี้ กำลังตกเป็นเหยื่อและเครื่องมือของพวกวัตถุนิยม  ซึ่งมีความต้องการที่จะทำลายสายสัมพันธ์ของมนุษย์ในทุกรูปแบบ แม้กระทั่งความสัมพันธ์ในครอบครัว  ซึ่งเรารู้สึกเสียดายมาก ที่ต้องสูญเสียจิตวิญญาณของเราไปโดยไม่รู้ตัว เพื่อแลกกับความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี”

 

       ดังนั้น มุสลีมะฮฺหรือสตรีมุสลิมจึงต้องค้นคว้า หาข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการฆ่าตัวตายของชาวตะวันตก ซึ่งนับวันจะสูงขึ้นเป็นทวีคูณ  ทั้งนี้เป็นผลมาจากความวิตกกังวล ความอ้างว้างเดียวดาย ความสิ้นหวังและผิดหวังในชีวิต มีข้อมูลบางปีชี้ว่า เฉพาะประเทศอังกฤษประเทศเดียว มีการฆ่าตัวตายกว่า 5,000 รายต่อปี

          เพื่อให้เราได้เห็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น  กรุณาอ่านและวิเคราะห์เนื้อหาบางตอนของจดหมายซึ่ง มาริลิน มอนโร (Marilyn Mounroe) เขียนขึ้นก่อนที่เธอจะเสียชีวิต ซึ่งปัจจุบันจดหมายฉบับนี้ได้ถูกเก็บไว้ในตู้นิรภัยของธนาคารแมนฮัตตัน เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา   ข้อความในจดหมายดังกล่าว ทำให้เราได้คำตอบต่อข้อสงสัยข้อหนึ่งว่า เหตุใดเธอจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย ทั้งๆที่ในตอนนั้น เธอกำลังโด่งดังและเป็นดารานักแสดงยอดนิยม   ความตอนหนึ่งของจดหมายฉบับนี้กล่าวว่า

        “...ฉันนี่แหละคือสตรีที่ว่างเปล่าที่สุด   ฉันไม่สามารถจะเป็นแม่และแม่บ้านที่มีความสุขท่ามกลางสมาชิกของครอบครัวที่อบอุ่น ดีและบริสุทธิ์   ความจริงแล้ว ชีวิตครอบครัวเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขที่แท้จริงของมนุษย์ โดยเฉพาะสตรีทั้งหลาย   สาธารณชนได้ทำลายชีวิตของฉันจนป่นปี้   ความจริงอาชีพดารานักแสดงเป็นสินค้าราคาถูก แทบจะหาคุณค่าจากอาชีพนี้ไม่ได้เลย   ถึงแม้ว่าเราจะได้รับความนิยมสูงและมีชื่อเสียงโด่งดังซึ่งเป็นเรื่องมายาอันจอมปลอมทั้งสิ้น ”

          จากวิกฤตที่ชาวตะวันตกกำลังเผชิญอยู่ เช่น ความเสียใจ ความเปล่าเปลี่ยว อ้างว้างเดียวดาย ตลอดจนปัญหาความยุ่งยากต่างๆอันเป็นผลพวงจากน้ำมือที่พวกเขาได้ก่อขึ้น ทำให้เราสรุปได้ว่า วัฒนธรรมดังกล่าวกำลังอยู่ในช่วงสุดท้าย และเราไม่สามารถให้ความหวังได้เลยว่า วัฒนธรรมนี้จะสามารถให้คุณค่าทางศีลธรรมหรือจริยธรรม และจิตวิญญาณ ตลอดจนไม่สามารถปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของสตรีได้

 


สตรีในอารยธรรมอิสลาม

          สิ่งที่ตรงกันข้ามกับ สถานะอันตกต่ำและไร้เกียรติ ซึ่งชาวตะวันตกได้มอบให้แก่เพศหญิงนั้น  ก็คือ อิสลาม

       เป็นที่ทราบกันดีว่า สตรีในอิสลามจะอยู่ในสถานภาพ(ฟิตเราะฮฺ)ดั้งเดิมและมีความบริสุทธิ์ในชีวิต   เป็นสถานภาพซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีของสตรีได้รับการคุ้มครอง   และสามารถสนองภารกิจแห่งความเป็นมนุษย์ได้อย่างแท้จริง  นั่นคือ   ภารกิจในการสืบทอดอารยธรรมและสร้างคนรุ่นใหม่

       อิสลามปรารถนาให้สตรีอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ของการแต่งงาน ในฐานะที่เธอจะต้องเตรียมปัจจัยพื้นฐานในการเสริมสร้างความผาสุกในครอบครัว และการปรนนิบัติสามีและดูแลลูกๆให้อบอุ่นและมีความสุข

       อิสลามปราราถนาให้เธอมีบทบาทของความเป็นแม่ที่สมบูรณ์  สามารถให้ความรัก ความอบอุ่นและมุ่งมั่นที่จะอบรมเลี้ยงดูลูกให้เป็นนักคิด นักเขียน นักประดิษฐ์และเป็นวีรบุรุษหรือวีรสตรีในวันข้างหน้า   ส่วนในด้านอิสลาม  เธอจะต้องอบรมเลี้ยงดูและหล่อหลอมให้ลูกเป็นนักเผยแผ่ และริเริ่มในสิ่งที่ดีงาม กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอจะต้องฝึกอบรมลูกให้เป็นครูและผู้ชี้นำทางแก่มวลมนุษยชาติ

       สตรีในอิสลามมีภารกิจที่เท่าเทียมกับบุรุษ  ต้องอยู่ภายใต้หลักชารีอะฮฺอย่างเสมอภาคกับผู้ชาย  ซึ่งประวัติศาสตร์อิสลามทุกยุคทุกสมัยได้พิสูจน์ให้เราได้เห็นแล้ว เราจะเห็นว่า  สตรีมุสลิมในทุกยุคสมัยมีบทบาทสำคัญและสูงเด่นเคียงบ่าเคียงไหล่ผู้ชาย ในเรื่องการต่อสู้เพื่อเสริมสร้างสังคมตามหลักคุณธรรมและอารยธรรมอิสลาม  หรือในเรื่องการเผยแผ่อิสลาม  การอบรมขัดเกลาและการศึกษาอิสลาม  ตลอดจนการฟันฝ่าอุปสรรคและภัยคุกคามต่างๆในการเสริมสร้างสันติสุขและระเบียบโลก  ตามที่อัลลอฮฺทรงบัญชา

       สตรีมุสลิมจะไม่ถูกกักขังอยู่ในบ้านเหมือนกับวัตถุสิ่งของ ดังที่คนบางกลุ่มเข้าใจ  แต่ถึงกระนั้นก็ตาม อิสลามก็ไม่ปล่อยให้พวกเธอมีอิสระเสรีจนไม่มีขอบเขตและระเบียบกฏเกณฑ์  เหมือนเช่นสตรีในปัจจุบัน

 

       นักเขียนที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งชื่อ Anna Rod ได้เขียนบทความลงใน Eastern Mail ว่า

          “ หากผู้หญิงของเราทำงานที่บ้านของเธอเหมือนกับคนใช้ในบ้าน  เป็นสิ่งที่ดีและเบาภาระกว่าการที่เธอต้องออกไปทำงานนอกบ้าน  ซึ่งเธอมักจะโดนสนิมร้ายคอยกัดทำลายความเป็นผู้หญิงของเธอตลอดเวลา  จะเป็นการดีมากถ้าหากประเทศของเรา มีสภาพสังคมเหมือนกับประเทศมุสลิม  ซึ่งประชาชนจะมีความละอายและรักษาความบริสุทธิ์ของตนเองตลอดเวลา  คนใช้ในบ้านและทาสสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีเยี่ยงสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว  เกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์จะไม่ถูกละเมิดและทำลาย  หรือสร้างความเสื่อมเสีย....เป็นที่น่าละอายมาก

สำหรับประเทศอังกฤษของเรา ที่ได้ทำให้หญิงสาวหลงใหลในสิ่งชั่วร้าย  โดยปล่อยให้มีการใช้เวลาส่วนใหญ่กับการพบปะสังสรรค์  ติดต่อและคบค้าสมาคมกับผู้ชาย  ทำไมเราไม่พยายามให้ผู้หญิงของเราทำงานในสภาพที่เหมาะสมกับคุณลักษณะธรรมชาติทางสรีระของเธอ  โดยการให้พวกเธอทำงานที่บ้านและมอบงานนอกบ้านแก่ผู้ชาย  ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและรักษาเกียรติของพวกเธอ ”


ขอจบบทความนี้และสรุปด้วยข้อเขียนของ Joul Simon ซึ่งได้ตีพิมพ์บทความในนิตยสารฝรั่งเศสฉบับหนึ่งว่า

 

“หญิงที่ทำงานนอกบ้าน   เธอได้ทำในสิ่งที่ง่าย แต่เธอไม่ได้สนองบทบาทและหน้าที่ของสตรีอย่างแท้จริง”

 

 

www.e-daiyah.com