ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจพึ่งพาระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศ GCC**
นิพล แสงศรี
การประกอบธุรกิจและการลงทุนกับกลุ่มประเทศ GCC วางอยู่บนหลักชารีอะฮฺ (Shariah) ซึ่งเป็นทั้งระบบกฎหมายและจริยธรรมที่มีความชัดเจน เอกลักษณ์ดังกล่าวทำให้ธุรกิจและการลงทุนกับกลุ่มประเทศ GCC มีความแตกต่างจากระบบธุรกิจและการลงทุนทั่วๆไป จนกลายเป็นระบบที่ได้รับการยอมรับและกระจายอยู่ทั่วโลกมุสลิม ตลอดจนเป็นสาเหตุที่ทำให้ตะวันออกกลางรอดพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก
ปัจจุบันพบกองทุนเพื่อความมั่นคงแห่งชาติอาหรับ (Sovereign Wealth Fund) เน้นการลงทุนในตะวันออกกลาง ก่อนจะเบนเข็มไปยังประเทศพัฒนาแล้วทั้งในสหรัฐและกลุ่มยุโรป หลังจากมีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการค้าน้ำมันและการลงทุนในสหรัฐและกลุ่มยุโรป ทุนอาหรับขยับขยายเป้าหมายการลงทุนมาทางเอเชีย เช่น จีน อินเดีย มาจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซีย โดยประเทศไทยเป็นปลายทางที่ทุนอาหรับกำลังไหลทะลักเข้ามา ด้วยเหตุนี้เราจึงพบว่า มาเลเซียพยายามผลักดันให้ตนเองกลายเป็นศูนย์กลางการเงินของโลกมุสลิมโดยมีการผลักดันนโยบายธุรกิจ การเงิน การลงทุน และธนาคารทั่วไปให้หันมาใช้หลักการทางการเงินอิสลามอย่างเต็มรูปแบบ เช่นเดียวกับประเทศอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ได้นำแนวคิดดังกล่าวไปประยุกต์ใช้เพื่อหาทางดึงทุนอาหรับเข้าประเทศ โดยอาศัยช่องทางที่สำคัญได้แก่
การลงทุนปัจจุบันการลงทุนแบบ al-Mdharabah และ al-Murabahah กำลังเป็นที่นิยมของลูกค้าทั่วไป เพราะลูกค้าร่วมลงทุนกับธนาคารอิสลามและสถาบันการเงิน หรือสามารถซื้อบ้าน ที่ดิน รถยนต์และอื่นๆแม้ว่าจะมีเงินไม่พอ โดยสามารถผ่อนชำระได้ภายหลังตามข้อตกลง การลงทุนทั้งสองแบบจึงเหมาะกับธนาคารอิสลามและสถาบันการเงินที่มีเงินทุนสำรองค่อนข้างสูง เพราะต้องลงทุนจ่ายเงินก้อนหนึ่งไปก่อนจะรับทุนคืนพร้อมกำไรภายหลัง ดังนั้นควรศึกษาและส่งเสริมระบบธุรกิจและการลงทุนแบบแบ่งปันผลกำไรแทนระบบดอกเบี้ย ซึ่งเป็นระบบที่ได้รับการยอมรับจากนักธุรกิจ นักลงทุน ตลอดจนสถาบันการเงินและธนาคารอิสลามขนาดใหญ่ในตะวันออกกลาง โดยอาจจะแต่งตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจตะวันออกกลางขึ้นมากำกับดูแลให้คำปรึกษา
เช่นเดียวกับการออกมาตรการบางประการเพื่อดึงเงินทุนจากตะวันออกกลาง โดยกำหนดมาตรการปกป้องนักลงทุนในตลาดการเงินอิสลาม ปรับเปลี่ยนระบบภาษีเพื่อดึงดูดนักลงทุนตะวันออกกลาง ตลอดจนจับมือกับสถาบันการศึกษาของประเทศมาเลเซียและเพื่อนบ้าน เพื่อผลักดันนโยบายให้ประสบความสำเร็จ
รวมถึงการเปิดโอกาสให้นักธุรกิจและนักลงทุนจากตะวันออกกลางเข้ามาลงทุนและถือหุ้นในช่องทางต่างๆที่กำลังได้รับความนิยมในประเทศไทย เช่น เปิดซื้อขายกองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ พันธบัตร หุ้นของบริษัท หุ้นบริษัทอสังหาฯ ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตะกาฟุลและธุรกิจประกันภัยอิสลาม บริการซุกูค (เช็ค) ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ท และโรงพยาบาล โดยเฉพาะกลุ่มผู้นำการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมหรู โรงแรมแบบประหยัด บ้านพักตากอากาศ เครือ al-Mulla Group หรือ al-Istithmar Hotels หรือ Dubai Investments Group ซึ่งมีฐานการลงทุนอยู่ในดูไบ หรือกลุ่มมาแรงที่สุดคือ al-Nakheel เจ้าของเมกะโปรเจ็กต์ปาล์มจูมีเราะห์และเบิร์กอัลอาหรับร่วมทุนกับกลุ่ม Rotana Hotels ตั้งเป้าเปิดโรงแรม 18 ประเทศ รวมทั้งมีความเป็นไปได้ที่ขยายเข้ามายังเมืองไทยภายใน 5 ปีข้างหน้า
นอกจากนั้นยังอาศัยการสนับสนุนการลงทุนร่วมกับอาหรับ เช่น การร่วมลงทุนก่อสร้างและบริหารโรงแรมใหม่ 4 แห่งรวมกว่า 2,000 ห้องของเครือดุสิตฯ การส่งไมเนอร์ฯ มุ่งโรงแรม-ร้านอาหาร การส่งอนันตรา-เดอะพิซซ่า บุกในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (U.A.E.) ส่วนบำรุงราษฎร์ชิมลางโรงพยาบาล 200 เตียง หลังพบตลาดเติบโตต่อเนื่องทุกปี
การเข้าไปลงทุนในเมืองดูไบและอะบูดาบีนั้น มีเงินหมุนเวียนเกินกว่าปีละ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และมีแรงงานไทยในปัจจุบันประมาณ 4,000 คน สิ่งเหล่านี้ทำให้คนไทยมีช่องทางธุรกิจอีกมาก โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเฟอร์นิเจอร์ การออกแบบอาคารโครงการ แรงงานคุณภาพ และพนักงานบริการด้านการโรงแรม
โอกาสทางการค้าของไทยในตลาดตะวันออกกลางที่ไทยมีศักยภาพสูงที่สุด 5 สาขา ได้แก่ การท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงพยาบาล สปาเพื่อสุขภาพ และการบริการด้านการออกแบบก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างงานให้กับบริษัทจากไทยเป็นอย่างมาก ขณะนี้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กำลังดึงทั้งแรงงานและท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ดังนั้นผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้ง 5 สาขา ต้องเตรียมปรับกลยุทธ์ไทยแบบฉับพลัน เนื่องจากพฤติกรรมของกำลังซื้อกลุ่มนิยมทัวร์เชิงศาสนา และเริ่มจะเดินทางแลกเปลี่ยนภายในแถบตะวันออกกลาง 8 ประเทศมากขึ้นเนื่องจากมีความเข้าใจวัฒนธรรม และวิถีชีวิตชาวมุสลิมด้วยกัน ส่วนเมืองไทยก็ยังเป็นทางเลือกของนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางที่พร้อมจะเดินทางเข้ามาช่วงฤดูฝน อัตราการเติบโตจำนวนนักท่องเที่ยวและการใช้เงินแต่ละครั้งสูงกว่าประเทศอื่น
สถาบันการเงินและธนาคารแม้ว่าประเทศไทยจะมีธนาคารอิสลาม แต่มูลค่าตลาดและการเงินยังเล็กเกินกว่าที่สถาบันการเงินและการลงทุนจากตะวันออกกลางจะให้ความสนใจ ดังนั้นรัฐบาลควรเข้ามาช่วยเหลือจัดการด้านตลาดเพื่อหาทางขยายมูลค่าตลาดให้โตขึ้น ส่วนธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ควรเปิดสาขาในดูไบและบาห์เรน เพื่อความสะดวกแก่ผู้ส่งออกสินค้าไปยังตะวันออกกลางด้วย ตลอดจนทำให้สาขาดังกล่าวกลายเป็นศูนย์กลางสามารถกระจายสินค้าส่งออกไทยไปยังประเทศอาหรับรอบข้าง
เช่นเดียวกับการเร่งพัฒนาและยกระดับธนาคารไทยทั่วไป ให้สามารถแข่งขันกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์หรือธนาคารอิสลามจากตะวันออกกลางหรือกลุ่มประเทศมุสลิม เพื่อเปิดตลาดในตะวันออกกลาง หรือเปิดช่องทางให้นักธุรกิจและนักลงทุนจากตะวันออกกลางเข้ามาลงทุนกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยให้มากขึ้น ตลอดจนเน้นการให้บริการและขยายสินเชื่อที่ครอบคลุมทุกประเภทมากขึ้น เช่น ที่อยู่อาศัย รถยนต์ การเดินทาง การลงทุน และประกันอิสลามประเภทต่างๆ การเปิดกองทุนชาริอะฮ์ เพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนรวมเพื่ออนาคต หรือการลงทุนระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ ตลอดจนปรับปรุงกองทุนประเภทดังกล่าวจนสามารนำไปใช้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี หรือออกพันธบัตรอิสลามมิก (อิสลามมิกบอนด์)
รวมทั้งการสนับสนุนธนาคารอิสลามและตลาดหลักทรัพย์ เพื่อหาช่องทางเปิดตลาดหุ้นอิสลาม รวมทั้งการปรับดัชนีหุ้นชารีอะฮฺ (ตามหลักกฎมายอิสลาม) ให้สอดคล้องกับมาตรฐานโลก เพื่อกระตุ้นการแข่งขันกับแหล่งเงินทุนธุรกิจการเงินอิสลามอื่นๆ ตลอดจนเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยเฉพาะตลาดหุ้นอิสลาม ดูไบ และตลาดหุ้นชะรีอะฮฺในกรุงริยาด ซาอุดิอาระเบีย
และเพื่อสร้างฐานความแข็งแกร่งในธุรกิจอิสลาม ควรจัดสัมมนาทั้งเชิงวิชาการและปฏิบัติการ หรือฝึกอบรมเกี่ยวกับธุรกิจและธนาคารอิสลามอยู่เสมอ ตลอดจนจัดตั้งสถาบันที่ปรึกษาเกี่ยวกับการเงินการลงทุนและสถาบันศึกษาการเงินอิสลามนานาชาติขึ้นในประเทศไทย
อาหารหะลาลที่ผ่านมาตลาดผู้บริโภคอาหารหะลาลคิดเป็น 1 ใน 3 ของโลก และภาคใต้ของไทยมีศักยภาพที่เข้มแข็งเพียงพอและเป็นต้นทุนสำคัญ ดังนั้นภาครัฐควรจะสนับสนุนสินเชื่อเอสเอ็มอีด้านอุตสาหกรรมหะลาลให้มากขึ้น เช่น เสื้อผ้า อัญมณี อาหาร โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหะลาล หากประชาชนมุสลิมไทยระดับรากหญ้ามีแหล่งทุนและตอบรับนโยบาย ก็จะทำให้ประชาชนท้องถิ่นให้มีรายได้มากขึ้น ช่วยคลี่คลายปัญหาปากท้องชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบได้อีกทางหนึ่ง
ภาครัฐควรประสานงานกับกองทุนการเงินจากประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งมีทิศทางขยายการลงทุนเข้ามาในกลุ่มประเทศเอเชียใต้ และสนใจนำเงินจำนวนมากเข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมหะลาลแบบครบวงจร เช่น กลุ่มคูเวตไฟแนนซ์เฮาส์ และกลุ่มกองทุนเพื่อความมั่นคงแห่งชาติอาหรับ (SWF) รวมถึงอุตสาหกรรมอาหารทะเล โดยอาจร่วมทำอุตสาหกรรมประมงน่านน้ำและแปรรูปสัตว์น้ำในน่านน้ำตะวันออกกลางเพื่อตอบสนองการบริโภคอาหารทะเลของผู้บริโภคในตะวันออกกลางให้มากขึ้น
ประการสุดท้ายกระชับความสัมพันธ์และติดตามความก้าวหน้าของโครงการความร่วมมือด้านพลังงานต่าง ๆ เพื่อแสวงหาลู่ทางในการพัฒนาแหล่งน้ำมันและแหล่งก๊าซธรรมชาติในต่างประเทศ รวมทั้งการผลิตน้ำมันดิบที่ประเทศไทยสามารถผลิตได้และจะนำกลับมาใช้ในประเทศเพื่อบรรเทาสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง ส่งเสริมให้ ปตท. ปตท.สผ. และผู้ประกอบการไทยอื่น ๆ ที่สนใจลงทุนกิจการพลังงานร่วมกับประเทศในตะวันออกกลางผ่านกลไกทางการทูตและความสัมพันธ์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
** กลุ่มประเทศ Gulf Cooperation Council (GCC) ได้แก่ คูเวต การ์ตา บาห์เรน โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรต และซาอุดีอาระเบีย