อาหารมื้อสุดท้าย
  จำนวนคนเข้าชม  7902


การรับประทานอาหารมื้อสุดท้าย


     เมื่อมัดทายและมัรกุตได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระกระยาหารค่ำขององค์เจ้า  เขาทั้งสองไม่ได้ระบุในเรื่องดังกล่าวว่าเป็นคำสั่งใช้ของท่านมะซีฮฺให้เป็นการทำความภักดีทางศาสนาตลอดไปเมื่อกลับไปดูเรื่องนี้ในใบเบิลทั้งสอง  ท่านจะพบในสิ่งที่ได้อ้างถึง.

     แต่ทว่าท่านปอลส์ประสงค์ที่จะยึดเอาการทำความภักดีนี้ตลอดไป ท่านจึงได้เพิ่มประโยคที่ต่อเนื่องขึ้นว่า”พวกเจ้าจะทำให้มันเป็นการรำลึกถึงข้า”ในเรื่องราวนั้น ซึ่งเป็นสาสน์ฉบั้บแรกที่มีไปถึงชาวโกรนิษูส บทที่ ๑๑ โองการที่ ๒๔

     นี่คือความเป็นมาและข้อเท็จจริงของศาสนาคริสต์ เป็นข้อเท็จจริงที่ประจักษ์เห็นซึ่งมิได้มีความผูกพันธิ์ใดๆ กับท่านมะซีฮฺนอกจากการอ้างชื่อโดยปราศจากพื้นฐานทางศาสนาและประวัติศาสตร์ ในคัมภีร์ใบเบิลของชาวคริสต์ได้นำเอาตัวบทที่อ้างถึงการสืบเชื้อสายถึงท่านมะซีฮฺซึ่งขัดแย้งและปฏิเสธความเชื่อพื้นฐานและการสนับสนุนอันสำคัญยิ่งของศาสนาคริสต์

     มนุษย์ผู้มีสติปัญญาย่อมจะต้องหยิ่งในความมดเท็จและหนีจากความโง่เขลา หวังว่าท่านจะเป็นหนึ่งในบรรดาผู้มีสติปัญญาเหล่านั้นซึ่งได้ผละหนีจากข้อเท็จจริงอันขมขื่นและรับเอาความยากลำบาก  การถูกเหยียดหยาม เพื่อค้นหาสัจธรรมความจริง-หลักฐานข้อเท็จจริง และความปรารถนาที่จะบรรลุสู่ความสัจจริง

       ข้าพเจ้าขอกล่าวว่า ข้าพเจ้าไม่ได้ล่วงเกินพระคัมภีร์ของพวกท่าน เพราะมันก็มีสิ่งที่แสดงให้เห็นเป็นสัจจะ และชี้นำท่านสู่ความถูกต้อง  ท่านมิได้กล่าวในคำสวดของท่านหรอกหรือว่า 

“เพื่อความบริสุทธิ์ของชื่อท่าน ทูตสวรรค์ของท่านจะมา” (มัดทาย บทที่๖ โองการที่ ๙-๑๐ )  

ตราบจนปัจจุบันหรือที่ท่านได้รอคอยแล้วกล่าวว่า “ทูตสวรรค์ของท่านจะมาปรากฏ” ทูตสวรรค์นี้ยังไม่มาอีกหรือ? หากว่าเขาได้ถึงมาแล้วและได้บรรลุตามความประสงค์แล้ว ทำไมเล่าพวกท่านจึงได้ร้องขอด้วยถ้อยคำสวดมนต์เช่นนี้อีกต่อไป

        แท้ที่จริงทูตสวรรค์นั้นได้กำเนิดขึ้นแล้วและบรรลุถึงด้วยการมาของศาสดาผู้สื่อผู้ซึ่งท่านมะซีฮฺได้แจ้งข่าวดีไว้และได้เกิดขึ้นสมจริงแล้ว เขาจึงกล่าวว่า

"บารกอลีต ผู้ซึ่งบิดาของข้าจะได้ทรงส่งเขามาในช่วงปลายศตวรรษ เขาจะสอนบอกแก่เจ้าทุกอย่าง" ( โยฮานา บทที่ ๑๔ โองการที่ ๒๖ )

และท่านกล่าวว่า

"และเมื่อไรที่ บารกอลีต (ศัพท์ภาษากรีกแปลว่าผู้ได้รับการสรรเสริญ ตรงกับภาษาอาหรับว่าอะหมัดซึ่งเป็นชื่อหนึ่งของท่านศาสดามุฮัมมัด ผู้แปล) ผู้ซึ่งฉันจะส่งเขามายังท่านจากพระบิดาวิญญาณอันทรงธรรมจากผู้ซึ่งแยกออก เขาจะเป็นพยานให้แก่ฉัน" (โยฮานา บทที่ ๑๕ โองการที่ ๒๖)

 และใครเล่าทีเป็นผู้ยืนยันแก่สาสน์ของท่านมะซีฮฺโดยทำให้มันบริสุทธิ์จากสิ่งที่พวกยิวได้เสริมแต่งขึ้นนอกเหนือจากท่านศาสดามุฮัมมัด ?

         ท่านมะซีฮฺ ได้กล่าวด้วยว่า

"แท้จริงฉันมีเรื่องมากมาย ที่จะบอกแจ้งแก่ท่าน แต่พวกท่านไม่สามารถที่จะคาดคะเนได้ในขณะนี้ ส่วนเมื่อไรที่เขาคนนั้นวิญญาณอันบริสุทธ์ได้มาถึง เขาจะชี้นำท่านสู่สัจธรรมความเป็นจริงทั้งหลาย เพราะเขาจะไม่พูดด้วยตัวเอง แต่ทว่าทุกสิ่งที่ได้ยินเขาพูด เขาจะบอกให้ท่านทราบถึงเรื่องราวเหล่านี้ คนนั้นยกย่องสรรเสริญข้า เพราะเขานำมาจากข้าและบอกให้ท่านรู้" (โยฮานาบทที่ ๑๖ โองการที่ ๑๒ -๑๔)

           ฉะนั้นท่านศาสดามุฮัมมัด คือผู้ที่ท่านมะซีฮฺได้กล่าวชี้ถึง เขาคือผู้ที่ชี้แนะมนุษย์สู่สัจธรรมความจริงทั้งหลาย เพราะเขาก็ไม่ได้พูดด้วยตัวเขาเอง เนื่องจากเขาจะไม่พูดออกมาด้วยอารมณ์ แท้ที่จริงมันไม่ใช่อื่นใดนอกจากเป็นการดลใจจากพระผู้เป็นเจ้า

          ฉะนั้นมาซิมา ปฏิบัติตามบารกอลีตผู้ซึ่งท่านมะซิฮฺได้กล่าวชี้แนะไว้ และบารกอลีตคนนี้แหละที่ท่านศาสดามูซา(โมเสส) ได้บอกแจ้งข่าวดีไว้ เมื่อท่านได้กล่าวในบทเพลงสรรเสริญบทที่ ๑๘ โองการที่ ๑๘

"ศาสดาได้ถูกแต่งตั้งสำหรับพวกเขาจากในหมู่พี่น้องพวกของเขา เช่นเดียวกับท่าน ข้าได้ทำให้คำพูดของข้าอยู่ในปากของเขา ฉะนั้นเขาพูดออกมาทุกสิ่งทีข้าสั่งเขา"

           พี่น้องของเผ่าชนอิสรออีลคือเผ่าชนอิสมาอีล  และไม่มีศาสดาคนใดที่มาจากเผ่าชนอิสมาอีลนอกจากท่านศาสดามุฮัมมัด และท่านคือผู้ที่ท่านศาสดามูซา (โมเสส) ได้กล่าวถึงว่าเขาจะออกมาจาก เชิงเขา “ฟาราน” ดังที่ท่านได้กล่าวไว้ใน บทเพลงสรรเสริญบทที่๓๓ โองการที่ ๒

"พระเจ้ามาจากไซนาอฺและด้านตะวันออกสุดของแสงรัศมีที่เป็นประกายจากภูเขาฟาราน"

          คำว่าฟารานก็คือเมืองมักกะฮฺ  ชาวเมือง “ซาละอฺ” ได้ร่ายโคลงกลอนแสดงความปิติยินดีต่อการมาของเขา  ดังที่อัซอียาอ์ กล่าวในบทที่๔๒ โองการที่ ๑๑ ว่า

"ชาว  ซาละอฺจะร้องเป็นทำนองจากยอดเขาเพื่อป่าวประกาศ"

          ซาละอฺ คือภูเขาใน นครมะดีนะฮฺ สถานที่ซึ่งสาสน์แห่งท่านศาสดามุฮัมมัด ออกมาปรากฏและรูปปั้นได้ตกอยู่ใต้เท้าเขา ดูอัซอิยาอฺบทที่ ๔๒ โองการที่ ๑๗

"สาสน์ของเขาจะแผ่ไปทั่วทุกสารทิศบนแผ่นดิน บรรดามนุษย์ชาติจะปิติยินดีต่อเขา และบรรดามวลมนุษย์ชาติผู้ประสานจิตใจนับพันได้เกิดการศรัทธา ฉะนั้นท่านจงเป็นหนึ่งในบรรดาพวกเขาเหล่านั้น ได้รับชัยชนะของความสุขแห่งโลกนี้และปรโลก"

          จะเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ปฏิบัติตามเขาอย่างไร ? และเพื่อให้ท่านได้บรรลุถึงสิ่งที่บรรดาสาวกของเขาได้บรรลุ มันเป็นเรื่องง่ายหากท่านจริงจัง ท่านเพียงแต่ชำระล้างและทำความสะอาดเพื่อให้ร่องรอยอันไม่สถาพรได้หลุดออกไป แล้วจึงปฏิญานตนว่า

"ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และมุฮัมมัดเป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์"

         รับรู้ปฏิบัติตามอย่างสอดคล้องกับความหมายของมัน นั่นคือ การศรัทธาเชื่อมั่นว่าไม่มีผู้ใดที่จะให้การเคารพภักดีได้นอกจากอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺทรงเป็นเจ้าและผู้ทรงอภิบาลบริการกิจการอยู่อย่างเอกเทศ และมุฮัมมัด เป็นศาสดาผู้สื่อของพระองค์ ฉะนั้นเราจำต้องเชื่อฟังปฏิบัติตามในสิ่งที่ท่านสั่งใช้ ยืนยันในสิ่งที่ท่านนำมาบอกเล่า และออกห่างจากสิ่งที่ท่านได้ห้ามปราม และปฏิญานว่า

"ท่านอีซา (เยซูคริตส์) คือบ่าวและศาสดาของพระองค์และเป็นคำดำรัสของพระองค์ที่ได้ทรงมอบแก่พระนางมัรยัม (มาเรีย)เป็นวิญญาณจากพระองค์ "

สวรรค์และนรกนั้นมีจริง พระองค์คือผู้ทรงให้ผู้ตายฟื้นคืนชีพจากหลุมศพ เมื่อท่านได้บรรลุถึงขั้นนี้ ท่านก็จะเป็นผู้หนึ่งที่จะได้รับสวนสวรรค์เป็นมรดก พร้อมกับบรรดาศาสดา ผู้ทรงสัตย์ ผู้เสียชีวิตในหนทางของอัลลอฮฺ และในหมู่กัลยาญชน


          หากท่านประสงค์ที่จะได้แหล่งอ้างอิงซึ่งจะชี้นำท่านไปสู่ความจริงและทางที่เที่ยงตรง ขอมอบรายชื่อหนังสือบางเล่มที่บาทหลวงชาวคริตส์ที่ได้รับทางนำจากอัลลอฮฺได้เขียนขึ้น พวกเขาได้เขียนในหนังสือดังกล่าวนี้ถึงการโต้ตอบของชาวคริตส์ที่มีต่อศาสนาอิสลาม และสาเหตุที่ทำให้พวกเขาละทิ้งศาสนาคริสต์ พร้อมทั้งหลักฐานอันชัดแจ้งซึ่งชี้ชัดว่าอิสลาม คือ ศาสนาสุดท้าย ที่ยั่งยืน หนังสือเหล่านี้คือ

1.       ศาสนาและอาณาจักร โดย อลีบิน ริบบิล อัฏอบะรี

2. คำตักเตือนการศรัทธาและความอื้อฉาวตามแนวทางศริตส์ศาสนา โดยนัสรบินยะอฺยา อัลมุฏฏอบับ

3. มุฮัมมัดในใบเบิลเผยแพร่ทั้งภาษาอังกฤษและอาหรับ โดยสำนักงานศาลชะรีอะห์  ประเทศกาตาร์

4. ใบเบิลและไม้กางเขน ทั้งสองเล่ม โดย เดวิด เบนจามิน กัลดานี ซึ่งเข้ารับอิสลาม และเรียกชื่อใหม่ว่าอับดุลอะฮัด ดาวูด

5. มุฮัมมัดในเตารอฮฺ  ใบเบิลและ อัล กุรอาน

6.   การอภัยโทษทั้งสองระหว่างอิสลามและคริตส์ โดย อิบรอฮีม คอลีล อะหมัด ซึ่งเคยเป็นบาทหลวงคริตส์ ชื่อก่อนอิสลามของเขาคืออีรอฮีม ฟีลิบส์

7.        อัลลอฮ์ องค์เดียว หรือสามองค์

8.     มะซีฮ์ มนุษย์หรือพระเจ้า ทั้งสองเล่ม โดยมัจดี มัรญาน

9.        ความลับของอิสลาม โดย ฟูอาด อัล ฮาชิมี

10.      เสาโดมอันสว่างจ้าในความมืดสนิทของโลก โดย มุฮฺตะดี มุฮัมมัด ซะกียุดดีน

             นี่คือดวงดาวแห่งความศิริมงคลที่ได้เลือกสรรความจริงเหนือความเท็จ   ทางนำเหนือความลุ่มหลง ท่านคิดว่าท่านมีความรู้มากกว่าพวกเขากระนั้นหรือ? แล้วทำไมไม่ถามตัวท่านเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นต้องละทิ้งศาสนาของพวกเขา และประกาศการอพยพสู่ศาสนาอิสลาม? อะไรคือหลักฐานอันชัดแจ้งที่ทำให้พวกเขายืนหยัดเคียงข้างมัน และมันนำพวกเขาสู่ทางนำและแสงสว่าง

           
          ข้าพเจ้าจะบอกให้ท่านทราบว่ามัน  ใช่แต่เฉพาะกลุ่มหมู่นี้เท่านั้น ที่ได้ละทิ้งศาสนาของพวกเขา และประกาศการเข้ารับอิสลาม  แต่ทว่าพวกเขาคือผู้บนบานอุทิศที่จะดำเนินตามแบบฉบับของปราชญ์แห่งคริสต์ศาสนาที่ได้เข้ารับอิสลาม เขาจะกล่าวให้ท่านทราบถึงการขอแนะนำและการอุทิศ นอกจากเขาเหล่านี้ยังมีอีกมากมาย เช่นกลุ่มกองคาราวานศรัทธาที่เราพบเห็นอยู่ทุกวัน ได้มุ่งตรงสู่อิสลามและป่าวประกาศว่า

"ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่สมควรแก่การเคารพภักดีนอกจากอัลลอฮ์ และมุฮัมมัดเป็นศาสดาผู้สื่อของอัลลอฮฺ"

            สุดท้ายนี้คือ การวิงวอนของเรา มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์แด่อัลลอฮ์ พระองค์เดียวเท่านั้น

 

 

เรียบเรียงโดยดร.มุฮัมมัด บิน อับดุลลอฮฺ อัสสิฮีม

แปลโดย อบูยุซรอ อิสมาอีล อะหมัด

ที่มา :  Islam House