
การทำอิบาดะฮ์ในอิสลาม
อ. อับดุลฆอนี บุญมาเลิศ
อัลอิบาดะฮ์ العبادة การทำอิบาดะฮ์ในศาสนาอิสลาม หมายถึง ชื่อที่ใช้เรียกทุกสิ่งที่อัลลอฮ์
ทรงโปรดปรานไม่ว่าจะเป็นคำพูดต่างๆหรือการกระทำทั้งปวงที่เปิดเผยหรือซ่อนเร้น
การทำอิบาดะฮ์ที่เปิดเผย เช่น การกล่าววาจาด้วยคำปฏิญาณตนทั้งสองประโยค การทำพิธีละหมาด การจ่ายซะกาต การทำพิธีฮัจญ์ การทำญิฮาดในหนทางของอัลลอฮ์
การบนบาน การเชือด การขอความช่วยเหลือ การช่วยเหลือกันในการทำความดี การห้ามปรามไม่ให้ทำชั่ว การสงเคราะห์คนขาดแคลน และอื่นๆ
การทำอิบาดะฮ์ในที่ลับ ซ่อนเร้น มองไม่เห็นได้แก่ ความยำเกรงต่ออัลลอฮ์
ความกลัวต่อการลงโทษของอัลลอฮ์
ความรักต่ออัลลอฮ์
ความหวังในอัลลอฮ์
การมอบหมายต่ออัลลอฮ์
การขอพึ่งพาอัลลอฮ์
ความรักเพื่ออัลลอฮ์
โกรธเพื่ออัลลอฮ์
และอื่นๆ
ฉะนั้นทุกสิ่งที่มนุษย์ทำไปเพื่อมอบให้อัลลอฮ์
ไม่ว่าจะเป็นการพูด การกระทำตามบทบัญญัติศาสนาทั้งมวล นับได้ว่าเป็นการทำอิบาดะฮ์ทั้งสิ้น
เงื่อนไขที่จะทำให้การทำงานนั้นถูกรับ
งานใดก็แล้วแต่ที่คนมุสลิมทำลงไปนั้นจะยังไม่ถูกรับนอกจากต้องครบสองเงือนไขคือ:
1. ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจพื่ออัลลอฮ์
ดังเช่นที่พระองค์ ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮ์ อัซซุมัร อายะฮ์ที่ 2-3 ความว่า :
"ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาต่อพระองค์
พึงทราบเถิดว่าการอิบาดะฮ์โดยบริสุทธิ์ใจนั้นเป็นของอัลลอฮ์องค์เดียว”
และท่านนบี
ได้กล่าวไว้ว่า
إِنَّمَا الأَعْمَالُ بِالنِّيَّاتِ ......“ แท้จริงกิจการงานต่างๆนั้นขึ้นอยู่กับเจตนารมย์…..”
(บันทึกโดยบุคคอรีย์และมุสลิม)
2. การกระทำตามหลักศาสนบัญญัติ
ดังที่ท่านนบี
ได้กล่าวว่า
مَنْ عَمِلَ عَمَلاً لَيْسَ عَلَيْهِ أَمْرُنَا فَهُوَ رَدٌّ “ใครที่ทำงานหนึ่งงานใด โดยที่มิได้มีคำสั่งของเรา การงานนั้นจะไม่ถูกตอบรับ”
(บันทึกโดยบุคอรีย์และมุสลิม)
ดังนั้นถ้าการกระทำที่ขาดความบริสุทธิ์ใจ งานนั้นจะไม่ถูกตอบรับ และถ้าไม่ตรงกับแนวทางของศาสนาก็จะไม่ถูกตอบรับเช่นเดียวกัน อัลลอฮ์
ได้ตรัสไว้ในซูเราะห์อัลกาฮ์ฟิ อายะห์ที่ 110 ความว่า
“ ดังนั้นผู้ใดหวังที่จะพบพระผู้เป็นเจ้าของเขา ก็ให้เขาประกอบการงานที่ดี
และอย่าตั้งผู้ใดเป็นภาคีในการเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขาเลย”
ชนิดของการทำอิบาดะฮ์
การทำอิบาดะฮฺนั้นมีหลากหลายชนิด ต่อไปนี้จะพูดถึงบางชนิดพร้อมหลักฐาน เช่น
การขอดุอาอ์ ( الدعاء ) อัดดุอาอ์
อัลลอฮ์
ตรัสไว้ในซูเราะฮ์ ฆอฟิร อายะห์ที่ 60 ความว่า
“และพระเจ้าของพวกเจ้าตรัสว่า : จงวิงวอนขอต่อข้า และข้าจะตอบรับแก่พวกเจ้า
ส่วนบรรดาผู้โอหังต่อการเคารพภักดีแก่ข้านั้น จะเข้านั้นจะเข้าไปอยู่ในนรกอย่างต่ำต้อย”
อัลลอฮ์
ได้ตรัสไว้อีกในซูเราะฮ อัลญิน อายะห์ที่ 18 ความว่า
“แท้จริงบรรดามัสยิดทั้งหลายนั้นสำหรับอัลลอฮฺ ดังนั้นพวกเจ้าอย่าได้ทำการอิบาดะฮฺกับผู้ใดคู่เคียงอัลลอฮฺ”
ท่านนบีมุฮัมมัด
ได้กล่าวว่า
(أَلدُّعَاءُ هُوَالعِبَادَةُ) رواه الترمذى “การขอดุอาอ์นั้นคือการทำอิบาดะฮ์”
ดังนั้นการขอดุอาอ์วิงวอนต่ออัลลอฮ์
อันเนื่องจากว่าการทำเช่นนั้นเป็นการทำอิบาดะฮ์ที่ดีที่สุด แล้วถ้าใครที่ไปทำการวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮ์
การขอจากผู้อื่นในสิ่งที่เขาไม่มีให้หรือเขาทำให้ไม่ได้ แน่นอนเขาได้ตกอยู่ในการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์
แล้ว
ดังที่อัลลอฮ์
ได้ทรงตรัสไว้ในซูเราะฮ์ อัลอะอ์กอฟ อายะห์ที่ 5-6 ความว่า
“และใครเล่าจะหลงทางมากไปกว่าผู้ที่วิงวอนขออื่นจากอัลลอฮ์ ซึ่งมันจะไม่ตอบรับ (การวิงวอนขอของ)เขา จนถึงวันกิยามะฮ์
และ เพิกเฉยต่อการวิงวอนของพวกเขา
และเมื่อมนุษย์ได้ถูกรวมให้มาชุมนุมกัน พวกมัน(เจว็ด)จะเป็นศัตรูกับพวกเขา และจะเป็นผู้ปฏิเสธการเคารพบูชาของพวกเขา”
และทรงตรัสไว้ในซูเราะฮ์ ฟาฏิร อายะห์ที่ 13-14 ความว่า
“และสิ่งที่พวกเจ้าวิงวอนขออื่นจากพระองค์นั้น พวกมันมิได้ครอบครองสิ่งใด แม้แต่เยื่อบางที่หุ้มเมล็ดในของอินทผลัม
หากพวกเจ้าวิงวอนขอพวกมัน พวกมันจะไม่ได้ยินการวิงวอนของพวกเจ้า ถึงแม้ว่าพวกมันได้ยิน พวกมันก็จะไม่ตอบรับพวกเจ้า
และในวันกิยามะฮ์ พวกมันจะปฏิเสธการตั้งภาคีของพวกเจ้า และไม่มีผู้ใด บอกแจ้งแก่เจ้าได้ นอกจากผู้ทรงรอบรู้ตระหนักยิ่ง”
การเกรงกลัวอัลลอฮฺ ( اَلخَوْفُ مِنَ اللهِ تَعَالىَ )
อัลลอฮ์
ได้ตรัสในซูเราะห์ อัรเราะฮ์มาน อายะฮ์ที่ 46 ความว่า
“และสำหรับผู้ที่ยำเกรงต่อการยืนหน้าพระพักตร์แห่งพระเจ้าของเขา(เขาจะได้)สวนสวรรค์สองแห่ง”
(สำหรับตนเองและสำหรับครอบครัวด้วย)
การกลัวเกรงที่เป็นอิบาดะห์นั้นกระทำด้วยความนอบน้อมถ่อมตัวและจงรักภักดี ดังนั้นใครที่กลัวเกรงอื่นจากอัลลอฮ์
ในรูปนี้ และมีความเชื่อมั่นว่าพวกมันมีความสามารถในสิ่งที่ไม่มีใครทำได้ เช่น เกรงกลัวว่าเขาจะทำให้เกิดความเจ็บป่วย ความยากจน การโดนสังหารด้วยความประสงค์ของเขาผู้นั้น เท่ากับว่าผู้ที่กลัวเช่นนั้นเขาได้ตั้งภาคี (ชีริก) ต่ออัลลอฮ์
แล้ว
อัลลอฮ์
ได้ตรัสถึงพวกมุชริกที่มีความเชื่อมั่นต่อเจว็ดของพวกเขาว่า ทำสิ่งดังกล่าวข้างต้นได้ใน ซูเราะห์อัซซุมัร อายะฮ์ที่ 36ความว่า
“....และพวกเขายังขมขู่เจ้าให้กลัวเจว็ดทั้งหลายอื่นจากพระองค์…”
การมุ่งหวัง ( اَلرَّجَاءُ )
اَلرَّجَاءُ อัรรอญาอ์ หมายถึง เขามีความปรารถนาหรือมุ่งหวังที่อยากจะได้คุณความดีความโปรดปรานจากอัลลอฮ์
เสมอ พร้อมทั้งการนอบน้อมถ่อมตัว และบริสุทธิ์ใจในเรื่องดังกล่าวนั้น อัลลอฮ์
ตรัสไว้ในซูเราะห์อัลกะฮ์ฟิอายะห์ที่ 110 ความว่า
“ดังนั้นผู้ใดที่หวังการพบพระเจ้าของเขาก็จงทำการงานที่ดี
และอย่าได้ตั้งผู้ใดเป็นการตั้งภาคีในการเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขาเลย”
ฉะนั้นใครที่ยังหวังจากสิ่งถูกสร้างในส่วนที่เขาไม่มีความสามารถ แน่นอนเขาได้ทำการตั้งภาคีแล้วกับอัลลอฮ์![]()
ความรัก ( اَلمَحَبَّةُ )
( اَلمَحَبَّةُ ) อัลมะอับบะห์ หมายถึง การให้ความรักที่มีต่ออัลลอฮ์
พร้อมกับความนอบน้อมถ่อมตนและให้ความยิ่งใหญ่ เทิดทูลและภักดี ดังนั้นใครที่ให้ความรักชอบอื่นจากอัลลอฮ์
เช่นเดียวกับที่ให้พระองค์ เขาได้ตั้งภาคีขึ้นแล้ว
อัลลอฮ์
ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮ์ อัลบะกอเราะฮ์ อายะฮ์ที่ 165 ความว่า :
“และในหมู่มนุษย์นั้น มีผู้ที่ยึดถือบรรดาภาคีอื่นจากอัลลอฮ์ ซึ่งพวกเขารักภาคีเหล่านั้นเช่นเดียวกับที่รักอัลลอฮ์
แต่บรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นผู้ที่รักอัลลอฮ์มากยิ่งกว่า…”
และแท้จริงแล้ว สิ่งที่ทำให้เกิดความรักในอัลลอฮ์
ขึ้นนั้นคือ การกระทำตามสิ่งใช้ต่างๆ ของพระองค์ และออกห่างจากสิ่งห้ามต่างๆของพระองค์
การมอบหมายต่ออัลลอฮ์
( اَلتَّوَكُّلْ )
( اَلتَّوَكُّلْ ) อัตตะวักกุล คือการมอบหมายต่ออัลลอฮ์
ด้วยหัวใจเต็มไปด้วยความแน่วแน่มั่นคงกับพระองค์ในการที่จะทำให้เกิดความสมหวังและปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากภัยอันตรายได้ พร้อมกับต้องกระทำในสิ่งที่ทางศาสนาอนุญาตให้กระทำได้
อัลลอฮ์
ทรงกล่าวไว้ใน ซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์ อายะฮ์ที่ 23 ความว่า
“และแด่อัลลอฮ์เท่านั้นพวกเจ้าจงมอบหมายเถิด หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา”
ฉะนั้นใครที่มอบหมายต่ออัลลอฮ์
อย่างแท้งจริงแล้ว พระองค์ก็จะเป็นที่พอเพียงสำหรับเขา และปกป้องคุ้มครองให้เขา ดังที่อัลลอฮ์
ตรัสไว้ในซูเราะฮ์อัฎฎอลาค อายะฮ์ที่ 3 ความว่า
“และใครที่มอบหมายต่ออัลลอฮ์ ดังนั้นพระองค์ก็ทรงเป็นที่พอเพียงแล้วสำหรับเขา”
ใครที่มอบหมายอื่นจากอัลลอฮ์
ทั้งๆที่เขาไม่มีความสามารถใดๆ แน่นอนเขาได้ตั้งภาคี (ชิริก) แล้ว ดังเช่น การมอบหมายกับคนที่ตายแล้วเพื่อให้ได้มาซึ่งปัจจัยยังชีพ หรือมีชัยชนะ หรือการมอบหมายกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่แต่เป็นส่วนที่เขาไม่สามารถเช่น การยกโทษจากบาปที่ได้กระทำไว้ หรืออื่นๆ