เตาฮีดอัรรุบูบียะห์ توحيدالربوبية
อ. อับดุลฆอนี บุญมาเลิศ
ความหมายของเตาฮีดอัรรุบูบียะฮฺพร้อมหลักฐาน
เตาฮีดอัรรุบูบียะห์ คือการให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์ ในส่วนที่เป็นการสร้างของพระองค์ หมายความว่า มีความเชื่อมั่นว่าอัลลอฮ์ ทรงเป็นหนึ่งเดียวในการสร้าง ทรงมีอำนาจครอบครองและบริหารควบคุม ทรงประทานปัจจัยต่างๆ ทรงให้มีชีวิต ทรงให้ตาย และอื่นๆ พระองค์ตรัสไว้ในซูเราะฮ์ อัลอะฮ์รอฟ อายะห์ที่ 54 ความว่า
“พึงทราบเถิดว่า การสร้างและการบัญชางานนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ อัลลอฮ์ผู้ทรงเป็นเจ้า ครอบครองโลกทั้งหลาย ผู้ทรงมีศิริมงคลยิ่ง”
หลักการเตาฮีดอัรรุบูบียะฮ์เป็นธาตุแท้ดั้งเดิมอยู่ในตัวของมนุษย์
ผู้คนทั้งหลายมีธาตุแท้ในการยอมรับเรื่องการเตาฮีดอัรรุบูบียะฮ์ ดังที่อัลลอฮ์ ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮ์ อัรรูม อายะห์ที่ 30 ความว่า
" ดังนั้นเจ้าจงผินหน้าของเจ้าสู่ศาสนาอย่างเที่ยงตรง ซึ่งเป็นธาตุแท้ของอัลลอฮ์ ที่ได้ทรงสร้างมนุษย์อยู่บนธาตุแท้นั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดในการสร้างศาสนาอันเที่ยงตรง แต่ส่วนมากของมนุษย์นั้นไม่รู้”
โดยที่ไม่มีผู้ใดปฏิเสธหลักการเตาฮีดข้อนี้เลย นอกจากพวกที่ธาตุแท้ของพวกเขาได้หมดไป หรือเพี้ยนไปจากเดิม เช่นกลุ่มของพวกเบี่ยงเบนที่นับถือกาลเวลา พวกอัดดะฮ์รียูน (الدهريون) หรือพวกที่ไม่มีการนับถือศาสนาได้แก่ พวกคอมมิวนิส (الشيوعيون) หรือคนที่มีสภาพเช่นเดียวกันนั้น หรือพวกที่ยโสไม่ยอมรับความจริงดังเช่นฟาโรห์ (فرعون) ผู้โอหังและคนอื่นๆที่มีลักษณะเดียวกัน
หลักการเตาฮีดอัรรุบูบียะฮิยังมิได้ทำให้คนนั้นเป็นมุสลิม
หลักการเตาฮีดอัรรุบูบียะห์นั้นยังไม่เพียงพอในการที่จะเป็นคนมุสลิม นับถือศาสนาอิสลาม ด้วยเหตุนี้พวกมุชริกชาวอาหรับที่ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ได้ทำการสู้รบมาตลอด ทั้งที่พวกเขายอมรับเรื่องเตาฮีด อัรรุบูบียะฮ์ ดังที่พระองค์ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮ์ ลุกมาน อายะห์ที่ 25 ความว่า
“และแน่นอนถ้าเจ้าถามพวกเขาว่า ใครเป็นผู้สร้างบรรดาชั้นฟ้า และผืนแผ่นดิน ? พวกเขาจะตอบว่าอัลลอฮ์ .....”
และทรงตรัสไว้ในซูเราะฮ์ ยูนุส อายะห์ที่ 31 ความว่า
“จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ใครเป็นผู้ประทานปัจจัยยังชีพที่มาจากฟากฟ้าและแผ่นดินแก่พวกท่านหรือใครเป็นเจ้าของการได้ยิน และการมอง ใครเป็นผู้ให้มีชีวิตหลังจากการตาย และเป็นผู้ให้ตายหลังจากการมีชีวิต และใครเป็นผู้บริหารกิจการ แล้วพวกเขาจะกล่าวกันว่าอัลลอฮ์ ดังนั้นจงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) พวกท่านไม่ยำเกรงอีกหรือ”
ซึ่งพวกเขาได้ยอมรับว่าอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงสร้าง ทรงให้ปัจจัยยังชีพ ทรงให้มีชีวิต ทรงให้ตาย ทรงดำเนินกิจการต่างๆ พร้อมกันนี้ก็ยังมิได้ทำให้พวกเขาเข้าอยู่ในอิสลามเป็นมุสลิม ท่านร่อซูล ทำการสู้รบเพราะพวกเขามิทำให้การเคารพภักดีของพวกเขาบริสุทธิ์สำหรับพระองค์อัลลอฮ์เพียงผู้เดียว
หลักการเตาฮีดอัรรุบูบียะฮ์นั้นต้องควบกับหลักการเตาฮีดอัลอุลูฮฮียะฮ์
หมายความว่า ใครที่ยอมรับว่าอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงบังเกิด ผู้ทรงให้ปัจจัยยังชีพ ทรงดำเนินกิจการ ทรงอำนวยประโยชน์ ทรงทำให้เกิดสิ่งที่มีอันตราย ต้องควบคู่กับหลักการให้เอกภาพต่อพระองค์ ในการทำอิบาดะฮ์อย่างไม่มีภาคีใดๆ ใครที่ยอมรับในเรื่องเตาฮีดอัรรุบูบียะฮ์ คือยอมรับแต่ยังตั้งภาคีในการเคารพภักดีพระองค์ซึ่งเป็นเรื่องเตาฮีดอัลอุลูฮียะฮ์ เท่ากับว่าขัดแย้งกันเอง ยอมรับแต่กลับทำตรงกันข้าม
ด้วยเหตุนี้อัลลอฮ์ จึงได้คัดค้านคนที่มีสภาพดังกล่าว ดังที่พระองค์ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮ์อัลนัมล์ อายะห์ที่ 59-60 ความว่า
“จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) บรรดาการสรรเสริญนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ละความสันติจงมีแด่ปวงบ่าวของพระองค์ ผู้ซึ่งพระองค์ทรงคิดเลือกแล้วอัลลอฮ์ดีกว่าหรือว่าสิ่งที่พวกเขาตั้งเป็นภาคี (เจว็ด)
หรือผู้ใดเล่าที่สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทรงหลั่งน้ำจากฝากฟ้าแก่พวกเจ้าแล้ว และเราได้ให้สวนต่างๆงอกเงยอย่างสวยงาม พวกเจ้าก็ไม่สามารถที่จะทำให้ต้นไม้งอกเงยขึ้นมาได้ จะมีพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับอัลลอฮ์อีกหรือ เปล่าดอก พวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ตั้งภาคี”
ผลการศรัทธาที่ได้จากหลักเตาฮีดอัรรุบูบียะฮ์
แท้จริงการซักฟอกเรื่องหลักการเตาฮีดอัรรุบูบียะฮ์นั้นมีผลตามมามากมาย ที่ยิ่งใหญ่ต่อหลักอะกีดะฮ์ของคนมุสลิม เช่น
1. ทำให้รู้สึกถึงความสำคัญ ความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์ คือ การทำให้มีความเชื่อมั่นในการสร้างของพระองค์ทั้งหมด การครอบครองของพระองค์ การดำเนินงานของพระองค์ทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของพระองค์
2. หลักการเตาฮีดอัรรุบูบียะฮ์(การให้เอกภาพในด้านการสร้าง)เป็นพื้นฐานในการที่จะมีหลักเตาฮีดอัลอุลูฮียะฮ์ ซึ่งจะไม่มีความผิดพลาดได้เลย นอกจากผู้ที่มิได้ให้สิทธิของเตาฮีดอัลอุลูอียะฮ์จนครบถ้วน
3. ผลที่เกิดจากเตาฮีดอัรรุบูบียะฮ์นั้นมากมาย จากการเตาฮีดอัลอุลูฮียะฮ์ เช่น การตะวักกัล(มอบหมาย) ความเกรงกลัว ความมุ่งหวัง ความรัก ความอดทน และอื่นๆ
สิ่งตรงข้ามกับเตาฮีดอัรรุบูบียะฮ์
1. การปฏิเสธว่ามีอัลลอฮ์ เช่นพวกที่เบี่ยงเบน ได้แก่ พวกที่บูชากาลเวลา (الدهريون) พวกคอมมิวนิส (الشيوعيون)
2. การเชื่อมั่นว่ามีผู้สร้างอื่นจากอัลลอฮ์ เช่น พวกอัษษะนะวียะฮ์ (الثنوية) เป็นกลุ่มของพวกบูชาไฟ มะญูซีย์ ที่บอกว่า แสงกับความมืดนั้นเป็นที่มาของทุกสิ่ง
3. การเชื่อมั่นว่ามีผู้บริหารในโลกนี้อื่นนอกจากอัลลอฮ์ ไม่ว่าจะเป็นมลาอิกะฮ์ ญิน นบี หรือโต๊ะวะลีย์
4. การเชื่อมั่นว่ายังมีใครสักคนหนึ่งครอบครองปัจจัยยังชีพ หรือประโยชน์ และอันตรายอื่นจากอัลลอฮ์