การออกไปละหมาดที่มัสยิดสำหรับมุสลิมะฮ์
การอยู่ภายในบ้านและการละหมาดภายในบ้านนั้นเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดสำหรับพวกนาง เพื่อการปกปิด และเมื่อนางออกไปยังมัสญิดเพื่อการละหมาด ก็จำเป็นที่จะต้องระมัดระวังมารยาทต่างๆ ดังต่อไปนี้
ก. นางจะต้องเป็นผู้ที่ปกปิดด้วยเสื้อผ้า และหิญาบที่สมบูรณ์
อาอีซะฮ์ รอดิยัลลอฮุอันฮา ได้กล่าวไว้ว่า...
“พวกสตรีนั้นได้ละหมาดร่วมกับท่านรอซูล หลังจากนั้นพวกนางได้แยกย้ายไปโดยเอาผ้าของพวกนางมาพันตัว ไม่มีใครรู้จักอันเนื่องจากความมืดมิด”
นางจะต้องออกไปโดยไม่ใส่น้ำหอม เนื่องจากท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวาซัลลัมได้กล่าวไว้ว่า ....
“ท่านทั้งหลายอย่าได้ห้ามบรรดาบ่าวหญิงของอัลลอฮฺไม่ให้ไปยังมัสญิดของอัลลอฮฺ และจงให้พวกนางออกไปโดยไม่ใส่น้ำหอม ”
(อะฮฺหมัด และอบูดาวูดรายงาน)
มีรายงานจากท่านรอซูล ได้กล่าวไว้ว่า
“สตรีคนใดที่ใส่เครื่องหอม นางก็อย่ามาละหมาดอีซากับเรา”
(อะฮฺหมัด มุสิลม อบูดาวูด และนาซาอีรายงาน)
และมุสลิมได้เล่าจากไซนับภรรยาของอิบนิมัสอูดว่า .... “เมื่อคนหนึ่งคนใดมายังมัสญิด ก็อย่าให้นางได้ใส่เครื่องหอม”
อิมามเซากานีได้กล่าวไว้ใน ไนลุลเอาฏอร เล่มที่ 3 หน้าที่ 140-141 ว่า
“ในนั้นมีหลักฐานที่บ่งถึงว่าการออกไปยังมัสญิดของพวกผู้หญิงนั้น แท้จริงแล้วมันเป็นสิ่งที่ทำได้เมื่อไม่มีสิ่งที่ทำให้เกิดความปั่นป่วน และสิ่งที่ทำให้เกิดความปั่นป่วน เช่นพวกของหอมที่ติดตามมาด้วย และท่านได้กล่าวว่า ได้รับหะดีษต่างๆว่า การอนุญาติให้ผู้หญิงออกไปมัสญิดนั้น เมื่อไม่มีสิ่งที่นำไปสู่ความปั่นป่วน อันประกอบไปด้วยความหอม เครื่องประดับ หรือการตกแต่งใดๆ ”
ค. นางจะต้องไม่ออกไปโดยมีการตกแต่งด้วยเสื้อผ้า และเครื่องประดับ
อุมมุล มุมินีน อาอีซะอฺ รอดิยัลลอฮุอันฮา ได้กล่าวไว้ว่า....
“หากว่าท่านรอซูล ได้เห็นจากพวกผู้หญิง ซึ่งสิ่งที่เราได้เห็น แน่นอนที่สุดท่านจะห้ามพวกนางไปยังมัสญิดเหมือนกับที่ลูกหลานของอิสรออีลได้ห้ามพวกผู้หญิงของพวกเขา”
(บุคอรีและมุสลิม)
อิมามเซากานีได้กล่าวไว้ใน ในลุลเอาฏอรถึงคำกล่าวของอาอีซะฮ์ที่ว่า........( หากท่านได้เห็นสิ่งที่เราได้เห็น ) หมายถึงว่าความสวยงามของเสื้อผ้า น้ำหอม เครื่องตกแต่ง และการเปิดเผยและแท้ที่จริงผู้หญิงนั้นควรจะออกไปโดยสวมใส่เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และเสื้อคลุมต่างๆที่หนา
อิมามอิบนุลเญาซี รอฮิมาฮุลลอฮฺได้กล่าวไว้ในหนังสืออะฮฺกามมุน นิชาอฺ หน้าที่ 39
“สมควรสำหรับสตรีที่จะต้องระมัดระวังในการออกไปจากบ้านให้มากที่สุดเท่าที่สามารถกระทำได้ หากนางมีความปลอดภัยในตัวของนาง พวกผู้คนทั้งหลายก็ไม่ปลอดภัยจากนาง แล้วเมื่อนางมีความจำเป็นที่จะต้องออกไป นางก็ออกไปด้วยการอนุญาติจากสามี ในลักษณะที่ไม่หรูหรา เดินไปทางที่โล่งไม่เดินไปตามถนน และตลาดต่างๆ ที่มีความแออัด ต้องระมัดระวังการได้ยินเสียงของนาง และเดินไปตามริมทางจะไม่เดินตรงกลางของทาง
ฆ. เมื่อสตรีมีคนเดียว นางจะจัดแถวของพวกนางอยู่หลังของพวกผู้ชาย
เนื่องจากหะดีษของอะนัส รอดิยัลลอฮุอันฮุ ในขณะที่ท่านรอซูล พาพวกเขาละหมาด กล่าวว่า
“ ฉันและเด็กกำพร้าได้ยืนขึ้นอยู่ด้านหลังของท่านและหญิงแก่ได้ยืนขึ้นอยู่ด้านหลังของเรา ”
(นักรายงานทั้งห้ารายงาน ยกเว้นอิบนุมาญะฮฺ)
“ฉันและเด็กกำพร้าได้ละหมาดที่บ้านของเราอยู่ด้านหลัง ของท่านนบี และแม่ของอุมมุสุไลยมะฮ์อยู่ด้านหลังของเรา”
(บุคอรีย์ รายงาน)
และเมื่อมีพวกผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคน แท้จริงพวกนางนั้นจะยืนหนึ่งแถว หรือหลายแถวอยู่หลังพวกผู้ชาย เพราะว่าท่านนบี ได้จัดให้พวกผู้ชายอยู่หน้าพวกเด็กๆ พวกเด็กๆอยู่หลัง และพวกผู้หญิงจะอยู่ด้านหลังของพวกเด็กๆ (อะฮฺหมัดรายงาน)
มีรายงานจาก อบูฮุร็อยเราะฮฺ รอดิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า ท่านรอซูล ได้กล่าวไว้ว่า
“แถวที่ดีที่สุดของพวกผู้ชายนั้นคือแถวแรก และแถวที่ชั่วที่สุดของผู้ชายนั้นคือแถวหลัง
และแถวที่ดีที่สุดของพวกผู้หญิงนั้นคือแถวหลัง และแถวที่เลวที่สุดของพวกผู้หญิงนั้นคือแถวแรก”
(บรรดานักรายงานทั้งห้า ยกเว้นบุคอรีย์)
ในหะดีษทั้งสองนั้นก็มีสิ่งบ่งบอกว่าพวกสตรีนั้นจะจัดแถวอยู่ด้านหลังของพวกผู้ชาย และพวกนางจะไม่ละหมาดโดยแยกกัน เมื่อพวกนางได้ละหมาดอยู่ด้านหลังของพวกผู้ชาย จะเป็นละหมาดที่เป็นฟัรดู หรือละหมาดตะรอเวียหฺก็ตาม
จ. เมื่ออิมามลืมในละหมาดแท้จริงสตรีนั้นก็จะเตือนอิมามด้วยการเอาฝ่ามือของนางข้างหนึ่ง ตบบนฝ่ามืออีกข้างหนึ่ง
ท่านนบี ได้กล่าวไว้ว่า
“เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้นแก่ท่านทั้งหลายในละหมาด ก็ให้พวกผู้ชายกล่าวว่า ซุบฮานัลลอฮฺ และให้พวกผู้หญิงตบมือ”
(อะฮฺหมัดรายงาน)
สิ่งนี้เป็นการอนุญาติแก่พวกนางในการตบมือในละหมาดเมื่อมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้น ซึ่งได้แก่การหลงลืมของอิมาม ทั้งนี้เนื่องจากว่าเสียงของสตรีนั้นมีสิ่งที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนสำหรับพวกผู้ชายอยู่ นางจึงถูกใช้ให้ตบมือ และไม่ให้พูดจา
ง. เมื่ออิมามให้สลามพวกผู้หญิงจะรีบออกจากมัสญิด และจะเหลือพวกผู้ชายนั่งอยู่ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ทันผู้เลิกรากลับไปจากพวกนาง อุมมุสะลามะฮฺได้เล่าว่า
“ แท้จริงพวกผู้หญิงนั้นเมื่อพวกนางได้ให้สลามจากละหมาดฟัรฎู พวกนางจะลุกขึ้น
ท่านรอซูล และพวกที่ละหมาดจากพวกผู้ชายจะพักอยู่เท่าที่อัลลอฮ์ทรงประสงค์
และเมื่อรอซูล ลุกขึ้น พวกผู้ชายก็ลุกขึ้น ”
อัซซุรียฺกล่าวว่า “เราจะเห็นสิ่งดังกล่าว และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้รู้ดีที่สุด ว่าอันนั้นเพื่อให้พวกผู้หญิงได้ผ่านไปหมดก่อน”
(บุคอรีย์ รายงาน) โปรดดู อัซ-ซัรหุ้ลกะบีร อะลัลมุกเนี๊ยะอฺ เล่มที่ 1 หน้า 422
อิมามซากานี ได้กล่าวไว้ในไนลุลเอาฏอร เล่มที่ 2 หน้า 326 ว่าในหะดีษนั้นมีสุนัตให้อิมามได้ตรวจสภาพของบรรดามะมูม และการทำเผื่อไว้ในการหลีกเลี่ยง สิ่งที่จะนำไปสู่สิ่งที่ต้องห้าม และการหลีกเลี่ยงจุดต่างๆ ที่เป็นข้อครหา และไม่ชอบให้มีการปะปนกันระหว่างพวกผู้ชาย กับพวกผู้หญิงตามถนนหนทางต่างๆ ตลอดจนในบ้านเรือนต่างๆด้วย
อิมามนะวะวีได้กล่าวไว้ในอัลมัจมั๊วอฺ เล่มที่ 3 หน้าที่ 455 ว่า พวกผู้หญิงจะมีความแตกต่างจากพวกผู้ชายในการละหมาดญะมาอะฮ์ ในหลายสิ่งด้วยกัน
1. ไม่มีการย้ำเน้นแก่พวกนางเหมือนกับที่มีการย้ำเน้นแก่พวกผู้ชาย
2. อิมามของพวกนางนั้นจะอยู่ตรงกลางของพวกนาง
3. หากนางละหมาดคนเดียวนางจะยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายจะไม่ยืนข้างผู้ชาย ซึ่งตรงกันข้ามกับผู้ชาย
4. เมื่อพวกนางละหมาดเป็นแถวกับพวกผู้ชายแถวสุดท้ายของพวกนางนั้น เป็นแถวที่ดีกว่าแถวแรกของพวกนาง และการปะปนกันระหว่างพวกผู้ชายกับพวกผู้หญิงเป็นสิ่งที่ต้องห้าม (หะรอม)
ฉ . การออกไปละหมาดอีดของพวกผู้หญิง
รายงานจากอุมมุอะฏียะฮฺ รอดิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า
“ท่านรอซูล ได้สั่งเราให้นำพวกนางออกไปในละหมาดอีดิลฟิตรี่ และอีดิลอัฏฮาอันได้แก่
พวกสาวใช้ พวกผู้หญิงที่มีรอบเดือน และพวกเด็กสาว ส่วนพวกผู้หญิงที่มีรอบเดือน พวกนางนั้นจะไม่ละหมาด
และในอีกสำนวนหนึ่ง -จะออกห่างจากละหมาด- มาเข้าร่วมความดี และการวิงวอนของบรรดามุสลิม”
(นักรายงานทั้งห้ารายงาน)
อิมามซากานีได้กล่าวไว้ว่า
“และหะดีษนี้มีความหมายเดียวกันการกำหนดว่าการออกไปยังสถานที่ละหมาดในวันอีดทั้งสองของพวกผู้หญิงนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำโดยไม่มีการแยกแยะระหว่างสาวโสด หญิงหม้าย เด็กสาวหญิงชราผู้หญิงที่มีประจำเดือน และอื่นๆ ตราบใดที่นางไม่ได้เป็นผู้ที่มีอิดดะฮ์ หรือการออกไปของนางเป็นการสร้างความปั่นป่วน หรือนางมีอุปสรรค”
(กรุณาดู ในลุลเอาฏอร เล่มที่ 3 หน้าที่ 306)
ไซฺยคุลอิสลาม อิบนุไตยมียะฮฺ ได้กล่าวไว้ใน อัลมัจมั๊วอฺเล่มที่ 6 หน้าที่ 458-459 ว่า
“ท่านได้บอกบรรดาผู้ศรัทธาหญิงว่า การละหมาดของพวกนางภายในบ้านนั้นมันประเสริฐสำหรับพวกนางมากกว่าการละหมาดวันศุกร์ และละหมาดรวมกัน (ญะมาอะฮ์) นอกจากละหมาดอีดเท่านั้น เพราะว่าท่านนั้นได้ใช้ให้พวกนางออกไปและเข้าใจว่า อัลลอฮ์นั้นเป็นผู้รู้ดีที่สุด ว่ามันเกิดจากสาเหตุต่างๆ ต่อไปนี้
หนึ่ง. มันมีอยู่สองครั้งเท่านั้นในแต่ละปี มันจึงถูกรับซึ่งตรงกันข้ามกับการละหมาดวันศุกร์ และละหมาดรวมกัน
สอง. มันไม่มีสิ่งทดแทน ตรงกันข้ามกับการละหมาดวันศุกร์ และละหมาดรวมกัน เพราะว่าการละหมาดซุรี่ของนางภายในบ้านนั้นมันเป็นากรละหมาดวันศุกร์ของนาง
สาม. มันเป็นการออกไปในทะเลทราย เพื่อการรำลึกถึงอัลลอฮ์ ซึ่งมันก็มีความคล้ายคลึงกับการประกอบพิธีฮัจฐ์
ในแง่หนึ่ง และด้วยเหตุนี้อีดใหญ่ในฤดูกาลฮัจญ์นั้น เป็นการสอดคล้องกับบรรดาผู้ประกอบพิธีฮัจญ์”
บรรดานักวิชาการมัซฮับซาฟีอีได้กำหนดเงื่อนไขการออกไปละหมาดอีดของพวกผู้หญิง เฉพาะผู้หญิงที่ไม่มีความสวยงามอันเป็นที่ดึงดูด อิมามนะวะวี ได้กล่าวไว้ในมัจมั๊วอฺ เล่มที่ 5 หน้าที่ 13 ว่า
อิมามซาฟีอี และบรรดานักวิชาการมัซฮับของท่าน รอฮิมาฮุลลอฮฺได้กล่าวไว้ว่า
"ควรให้พวกผู้หญิงที่ไม่มีความสวยงามอันเป็นที่ดึงดูดออกไปละหมาดอีด ส่วนพวกผู้หญิงที่มีความสวยงามอันเป็นที่ดึงดูดนั้นก็ไม่เป็นที่ชอบให้พวกนางออกไป....จนกระทั่งท่านได้กล่าวว่า และเมื่อพวกนางออกไปก็ควรให้พวกนางออกไปโดยสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา ไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่ทำให้นางโดดเด่น ควรให้พวกนางชำระล้างร่างกายด้วยน้ำ ไม่เป็นที่ชอบให้พวกนางใช้น้ำหอม อันนี้เป็นข้อตัดสินของพวกหญิงชราที่ไม่ได้รับความสนใจจากพวกผู้ชาย และอื่นๆ
ส่วนเด็กสาว หญิงที่มีความสวยงาม และหญิงที่อยู่ในความสนใจของผู้ชายนั้นก็ไม่เป็นที่ชอบให้พวกนางออกไป เนื่องจากในการกระทำดังกล่าวนั้นมีความกลัวในเรื่องของความปั่นป่วน แล้วหากมีใครมากล่าวว่า อันนี้มันค้านกับหะดิษ ของอุมมุอะฏียะฮฺ ที่ได้กล่าวมา เราก็กล่าวว่ามันมีปรากฎอยู่ในซอเหี๊ยหฺบุคอรี และมุสลิม
จากอาอีซะฮฺ รอดิยัลลอฮุอันฮากล่าวว่า
“หากท่านรอซูล ได้รู้ถึงสิ่งที่พวกผู้หญิงได้อุตริขึ้น แน่นอนท่านจะต้องห้ามพวกนาง เหมือนกับที่สตรีของพวกอิสรอีลถูกห้ามอย่างแน่นอน”
และอีกอย่างหนึ่งความปั่นป่วน และสาเหตุแห่งความชั่วช้าในสมั้ยนี้นั้นมีมากมาย ซึ่งตรงกันข้ามกับสมัยก่อน และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้รู้ดีที่สุด”
ฉันกล่าวว่า ในสมัยของเรานั้นมันร้ายแรงยิ่งกว่า อิมามอิบนุลเญาซีย์ได้กล่าววในหนังสือ (อะฮฺกามมุนนิซาอฺ) หน้าที่ 38 ว่า
“ ฉันกล่าวว่าเราได้แจกแจงไปแล้วว่า การออกไปของพวกสตรีนั้นเป็นสิ่งที่อนุมัติ แต่ทว่าเมื่อมีการเกรงว่าความปั่นป่วนจะเกิดขึ้นกับนาง หรือจากตัวของพวกนาง การห้ามไม่ให้ออกไปนั้นเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด เพราะว่าพวกสตรีในยุคแรกไม่ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่พวกสตรีในสมัยนี้ได้เจริญเติบโตขึ้นมา และพวกผู้ชายก็เช่นเดียวกัน” (หมายถึงว่าพวกเขามีความเคร่งครัดมาก)
จากรายงานต่างๆ ที่ได้นำเสนอมานี้นั้น โอ้พี่น้องมุสลิมะฮ์ เอ๋ย เธอก็จะได้รู้ว่า การออกไปละหมาดอีดของเธอนั้น เป็นสิ่งที่ได้รับการอนุญาติโดยทางบัญญัติ ด้วยเงื่อนไขของการมีความเคร่งครัดอยู่ในกฏระเบียบ และการปกปิดร่างกายให้มิดชิด และเจตนาเพื่อใกล้ชิดอัลลอฮ์ และการมีส่วนร่วมกับบรรดามุสลิมในการวิงวอนของพวกเขาและทำให้เครื่องหมายของอิสลาม เป็นที่ประจักษ์ และจุดมุ่งหมายของการกระทำดังกล่าวนั้นไม่ใช่การนำเอาเครื่องตกแต่งมาแสดงและการทำให้เกิดความปั่นป่วน ดังนั้นเธอจงระวังในเรื่องดังกล่าว
จากหนังสือ"คำเตือนในเรื่องกฎต่างๆที่เกี่ยวข้องกับบรรดาหญิงผู้ศรัทธา"