อาชีพเศรษฐี
  จำนวนคนเข้าชม  5509

อาชีพเศรษฐี


          มโนราห์..เป็นศิลปวัฒนธรรมการแสดงเป็นที่แพร่หลายของชาวภาคใต้ โดยจะแยกผู้แสดงออกเป็นคณะๆ ลักษณะการแสดงจะมีจุดเด่นของแต่ละคณะแตกต่างกันไปตามความถนัดหรือความสามารถของหัวหน้าคณะ  ซึ่งจะมีแสดงทั่วไปตามงานสาธารณะทั่วไป 

      วันหนึ่งผมมีโอกาสนั่งคุยกับชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง  ซึ่งเติบโตมากับคณะของมโนราห์  ชนิดว่าตั้งแต่เป็นเด็กช่วยแบกกลอง  เก็บของ  กินนอน  จนกระทั่งโตเป็นหนุ่มในโรงมโนราห์   เราพูดกันเรื่อยเปื่อยหลายเรื่องตั้งแต่  การเมือง  การแตกแยกในสังคม  การแบ่งสีแบ่งขั้ว  การฟุ่มเฟือย  การไหลตามกระแสนิยม  คลั่งไคล้แฟชั่น  หลงใหลในประเพณีวัฒนธรรมตะวันตก  ของคนรุ่นใหม่อย่างน่าเป็นห่วง

           เด็กยุคใหม่เติบโตมาท่ามกลางการไหลทะลักของโลกสมัยใหม่ที่นิยมความรีบด่วน  ความหรูหรา  ดูดีมีสไตล์  ชอบเลียนแบบ  ฯลฯ

          ร้านไก่ทอดฝรั่ง เคเอฟซี..มีคนหนุ่มสาวนั่งกินกันตรึม  ราคาปีกหรือน่องอันหนึ่ง สามารถซื้อไก่ทอดในตลาดนัดได้ครึ่งตัว

          ร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์..ถ้วยหนึ่งมีราคามากกว่า  “ไอศกรีมแท่ง” หรือ “น้ำแข็งบอก”  ถึงสิบเท่าตัว  แต่ลูกค้ายังกินกันเต็มร้าน  ต้องรอคิวจองที่นั่ง

          ดังกิ้นโดนัท..ลูกหนึ่งราคา 20 กว่าบาท  ถ้าจะซื้อปลาท่องโก๋หรือโดนัททั่วไปได้หลายตัวเลยทีเดียว

          และยังมีอาหารฝรั่งฟาสท์ฟูดอีกหลายแบรนด์  รวมถึงห้างสรรพสินค้าต่างชาติอีกมากมาย  ที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในสังคมบ้านเรา  ซึ่งแต่ละชนิด  ถ้าคิดแบบไตร่ตรองไม่รู้กินไปได้อย่างไร?? ต้องยอมรับว่าการทำมาเก็ตติ้ง  รวมถึงการโฆษณาประชาสัมพันธ์  สามารถเจาะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่  และโดนใจวัยมันส์

คนชนบท..คนบ้านนอก..อย่างบ้านผม  หรือชนบททั่วไปของบ้านเมืองนี้ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน  อย่างปฏิเสธหรือเลี่ยงเสียไม่ได้  น้ำพักน้ำแรงที่มาจากการกรีดยาง  ออกทะเล  ทำนา  ทำสวน  ฯลฯ  รายได้ส่วนหนึ่งเราต้องไปแบ่งให้กับนายทุนต่างชาติ

คนไปซื้อไก่ทอดเคเอฟซี..กำไรส่วนหนึ่งถูกส่งไปให้มิสเตอร์เคน  ชาวอเมริกัน

คนไปกินสเวนเซ่นส์..รายได้ส่วนหนึ่งถูกส่งไปให้เจ้าของซึ่งเป็นชาวยุโรป

          คนที่ไปซื้อของจากห้างสรรพสินค้าไม่ว่า  โลตัส  คาร์ฟู  บิ๊กซี  หรือห้างอื่น..กำไรหลักๆ ล้วนเป็นของนายทุนต่างชาติแทบทั้งสิ้น  ฝรั่งเศสบ้าง  ออสเตรเลียบ้าง...

           หลายคนกล่าวอ้างว่าที่ห้างสรรพสินค้า  น้ำมันพืชราคาถูกกว่าลิตรละ 2 บาท  ผงซักฟอกถูกกว่ากล่องละ 3 บาท  ขอถามว่าค่าน้ำมันรถ  หรือค่าโดยสารราคาเท่าไหร่??  เมื่อคิดแล้วซื้อที่ไหนถูกกว่ากัน!! นี่ยังไม่รวมสินค้าอุปโภค  บริโภคทั่วไป  ที่วางขายอย่างดาษดื่นในร้านโชว์ห่วย  ที่แทรกตัวเข้ามาทุกแห่งหนตำบล  แม้กระทั่งชุมชนที่รถไม่สามารถเข้าไปถึง  แต่สินค้าจากต่างชาติยังไปถึง

 แล้วยิ่งสินค้าบางประเภทที่เป็นของศัตรูอิสลาม  หรือเป็นของยิวไซออนิสต์  หรือบางประเภทกำไรส่วนหนึ่งส่งไปมอบให้กองกำลังติดอาวุธของอิสราเอล

 แล้วอิสราเอลเอาไปไหน??  เอาไปทำร้ายใคร??

 นี่คือเรื่องที่คนในสังคมต้องร่วมกันพิจารณา...ใคร่ครวญ...

และยิ่งบรรดามุอฺมินผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺแล้วยิ่งต้องตระหนักกว่าใครอื่น

          โปรดจงพิจารณาใคร่ครวญคำดำรัสของอัลลอฮฺ  สูเราะฮฺอัลมาอิดะฮฺ โองการที่ 2  ความว่า 

“และพวกสูเจ้าอย่าได้ช่วยเหลือกันในเรื่องความผิดและการเป็นศัตรู” 

และในสูเราะฮฺอัลอิสรออฺ โองการที่ 27  ความว่า 

"แท้จริงบรรดาผู้ที่ฟุ่มเฟือยเป็นกัลยาณมิตรของชัยฎอน  และชัยฎอนนั้นเนรคุณต่อพระผู้อภิบาลของมัน””

          ผมยังไม่ลืมที่จะพูดถึงเรื่องที่เป็นคีย์เวิร์ดของเรา  คือเรื่อง  “อาชีพเศรษฐี”

          ชายคนนั้นเล่าว่า...ตอนเด็กๆ สมัยที่เขาอยู่กับคณะมโนราห์  มีผู้ชายคนหนึ่งที่มีความถนัดในการรับบทเป็นมหาเศรษฐีอยู่เป็นอาชีพ  เมื่อทางคณะต้องการนักแสดงที่เป็นกษัตริย์  คนร่ำรวย  หรือมหาเศรษฐี  หัวหน้าคณะหรือผู้กำกับการแสดงจะนึกถึงเขาเป็นคนแรก  เขาแสดงได้ดีมาก  ตีบทแตก  ไม่มีใครเกิน  นั่นแหล่ะคืออาชีพของเขา!!

แต่..ในโลกของความเป็นจริง  เมื่อแสดงจบ  เขาต้องกลับมานอนในเปลวจีน  ไม่มีบ้านจะอยู่แม้กระทั่งสักเสาเดียว  ในโลกการแสดงหรือโลกในละคร  เขาคือมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวย  หรือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่  แต่..เมื่อลงจากเวทีเมื่อไหร่  ลงจากบัลลังก์ที่ถูกประดับประดาด้วยสิ่งของเลอค่า  มีชีวิตอยู่ในพระราชวังอย่างหรูหราพร้อมบรรดาบริวารคอยรับใช้  เขาต้องกลับมาสู่เปลวจีนซึ่งไม่มีแม้กระทั่งหม้อหุงข้าว  ส่วนข้าวสารก็ไม่ต้องดิ้นรนไปถามถึง  มันเป็นโลกที่แตกต่างกันสิ้นเชิงกับโลกบนโรงมโนราห์...

          ในชีวิตแห่งความเป็นจริงของใครหลายคนช่างโหดร้าย..ทารุณ..ยิ่งกว่านวนิยายอีกหลายเท่านัก!!  

มาวันนี้..วันที่เราต้องตระหนักมากกว่าวันที่ผ่านมา สิ่งใดที่เราพอจะหลีกห่างได้  เราต้องพยายามให้มากที่สุด เราไม่ได้ตำหนิ  หรือว่าร้ายคนที่ซื้อของห้างฝรั่ง  หรือกินอาหารฟาสท์ฟูดแต่อย่างใด  เพราะแต่ละคนต่างมีเหตุผลที่แตกต่าง 

แต่..บทความเพียงต้องการกระตุ้นเตือนต่อสามัญสำนึกในความรับผิดชอบ  และเพื่อแนะนำให้เรามีความเคร่งครัดในหลักการให้มากที่สุดตามความสามารถที่จะกระทำได้  

ส่วนหนึ่งจากพจนารจของท่านนะบีมุฮัมมัด  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม  บันทึกโดยอิมามอัลบุคอรียฺและอิมามมุสลิม  ความว่า 

“ดังนั้นผู้ที่เกรงกลัวต่อความคลุมเครือก็เท่ากับเขาได้แสวงหาความบริสุทธิ์ให้แก่ศาสนาและเกียรติภูมิของเขา  และผู้ใดที่ตกลงไปในสิ่งที่คลุมเครือก็เท่ากับเขาตกลงไปในสิ่งที่ต้องห้าม” 


โดย ยูซุฟ  อบูบักร