อาชีพเศรษฐี
มโนราห์..เป็นศิลปวัฒนธรรมการแสดงเป็นที่แพร่หลายของชาวภาคใต้ โดยจะแยกผู้แสดงออกเป็นคณะๆ ลักษณะการแสดงจะมีจุดเด่นของแต่ละคณะแตกต่างกันไปตามความถนัดหรือความสามารถของหัวหน้าคณะ ซึ่งจะมีแสดงทั่วไปตามงานสาธารณะทั่วไปวันหนึ่งผมมีโอกาสนั่งคุยกับชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ซึ่งเติบโตมากับคณะของมโนราห์ ชนิดว่าตั้งแต่เป็นเด็กช่วยแบกกลอง เก็บของ กินนอน จนกระทั่งโตเป็นหนุ่มในโรงมโนราห์ เราพูดกันเรื่อยเปื่อยหลายเรื่องตั้งแต่ การเมือง การแตกแยกในสังคม การแบ่งสีแบ่งขั้ว การฟุ่มเฟือย การไหลตามกระแสนิยม คลั่งไคล้แฟชั่น หลงใหลในประเพณีวัฒนธรรมตะวันตก ของคนรุ่นใหม่อย่างน่าเป็นห่วง
เด็กยุคใหม่เติบโตมาท่ามกลางการไหลทะลักของโลกสมัยใหม่ที่นิยมความรีบด่วน ความหรูหรา ดูดีมีสไตล์ ชอบเลียนแบบ ฯลฯ
ร้านไก่ทอดฝรั่ง เคเอฟซี..มีคนหนุ่มสาวนั่งกินกันตรึม ราคาปีกหรือน่องอันหนึ่ง สามารถซื้อไก่ทอดในตลาดนัดได้ครึ่งตัว
ร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์..ถ้วยหนึ่งมีราคามากกว่า ไอศกรีมแท่ง หรือ น้ำแข็งบอก ถึงสิบเท่าตัว แต่ลูกค้ายังกินกันเต็มร้าน ต้องรอคิวจองที่นั่ง
ดังกิ้นโดนัท..ลูกหนึ่งราคา 20 กว่าบาท ถ้าจะซื้อปลาท่องโก๋หรือโดนัททั่วไปได้หลายตัวเลยทีเดียว
และยังมีอาหารฝรั่งฟาสท์ฟูดอีกหลายแบรนด์ รวมถึงห้างสรรพสินค้าต่างชาติอีกมากมาย ที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในสังคมบ้านเรา ซึ่งแต่ละชนิด ถ้าคิดแบบไตร่ตรองไม่รู้กินไปได้อย่างไร?? ต้องยอมรับว่าการทำมาเก็ตติ้ง รวมถึงการโฆษณาประชาสัมพันธ์ สามารถเจาะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ และโดนใจวัยมันส์
คนชนบท..คนบ้านนอก..อย่างบ้านผม หรือชนบททั่วไปของบ้านเมืองนี้ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน อย่างปฏิเสธหรือเลี่ยงเสียไม่ได้ น้ำพักน้ำแรงที่มาจากการกรีดยาง ออกทะเล ทำนา ทำสวน ฯลฯ รายได้ส่วนหนึ่งเราต้องไปแบ่งให้กับนายทุนต่างชาติ
คนไปซื้อไก่ทอดเคเอฟซี..กำไรส่วนหนึ่งถูกส่งไปให้มิสเตอร์เคน ชาวอเมริกัน
คนไปกินสเวนเซ่นส์..รายได้ส่วนหนึ่งถูกส่งไปให้เจ้าของซึ่งเป็นชาวยุโรป
คนที่ไปซื้อของจากห้างสรรพสินค้าไม่ว่า โลตัส คาร์ฟู บิ๊กซี หรือห้างอื่น..กำไรหลักๆ ล้วนเป็นของนายทุนต่างชาติแทบทั้งสิ้น ฝรั่งเศสบ้าง ออสเตรเลียบ้าง...
หลายคนกล่าวอ้างว่าที่ห้างสรรพสินค้า น้ำมันพืชราคาถูกกว่าลิตรละ 2 บาท ผงซักฟอกถูกกว่ากล่องละ 3 บาท ขอถามว่าค่าน้ำมันรถ หรือค่าโดยสารราคาเท่าไหร่?? เมื่อคิดแล้วซื้อที่ไหนถูกกว่ากัน!! นี่ยังไม่รวมสินค้าอุปโภค บริโภคทั่วไป ที่วางขายอย่างดาษดื่นในร้านโชว์ห่วย ที่แทรกตัวเข้ามาทุกแห่งหนตำบล แม้กระทั่งชุมชนที่รถไม่สามารถเข้าไปถึง แต่สินค้าจากต่างชาติยังไปถึง
แล้วยิ่งสินค้าบางประเภทที่เป็นของศัตรูอิสลาม หรือเป็นของยิวไซออนิสต์ หรือบางประเภทกำไรส่วนหนึ่งส่งไปมอบให้กองกำลังติดอาวุธของอิสราเอล
แล้วอิสราเอลเอาไปไหน?? เอาไปทำร้ายใคร??
นี่คือเรื่องที่คนในสังคมต้องร่วมกันพิจารณา...ใคร่ครวญ...
และยิ่งบรรดามุอฺมินผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺแล้วยิ่งต้องตระหนักกว่าใครอื่น
โปรดจงพิจารณาใคร่ครวญคำดำรัสของอัลลอฮฺ สูเราะฮฺอัลมาอิดะฮฺ โองการที่ 2 ความว่า
และพวกสูเจ้าอย่าได้ช่วยเหลือกันในเรื่องความผิดและการเป็นศัตรู
และในสูเราะฮฺอัลอิสรออฺ โองการที่ 27 ความว่า
"แท้จริงบรรดาผู้ที่ฟุ่มเฟือยเป็นกัลยาณมิตรของชัยฎอน และชัยฎอนนั้นเนรคุณต่อพระผู้อภิบาลของมัน
ผมยังไม่ลืมที่จะพูดถึงเรื่องที่เป็นคีย์เวิร์ดของเรา คือเรื่อง อาชีพเศรษฐี
ชายคนนั้นเล่าว่า...ตอนเด็กๆ สมัยที่เขาอยู่กับคณะมโนราห์ มีผู้ชายคนหนึ่งที่มีความถนัดในการรับบทเป็นมหาเศรษฐีอยู่เป็นอาชีพ เมื่อทางคณะต้องการนักแสดงที่เป็นกษัตริย์ คนร่ำรวย หรือมหาเศรษฐี หัวหน้าคณะหรือผู้กำกับการแสดงจะนึกถึงเขาเป็นคนแรก เขาแสดงได้ดีมาก ตีบทแตก ไม่มีใครเกิน นั่นแหล่ะคืออาชีพของเขา!!
แต่..ในโลกของความเป็นจริง เมื่อแสดงจบ เขาต้องกลับมานอนในเปลวจีน ไม่มีบ้านจะอยู่แม้กระทั่งสักเสาเดียว ในโลกการแสดงหรือโลกในละคร เขาคือมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวย หรือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่..เมื่อลงจากเวทีเมื่อไหร่ ลงจากบัลลังก์ที่ถูกประดับประดาด้วยสิ่งของเลอค่า มีชีวิตอยู่ในพระราชวังอย่างหรูหราพร้อมบรรดาบริวารคอยรับใช้ เขาต้องกลับมาสู่เปลวจีนซึ่งไม่มีแม้กระทั่งหม้อหุงข้าว ส่วนข้าวสารก็ไม่ต้องดิ้นรนไปถามถึง มันเป็นโลกที่แตกต่างกันสิ้นเชิงกับโลกบนโรงมโนราห์...
ในชีวิตแห่งความเป็นจริงของใครหลายคนช่างโหดร้าย..ทารุณ..ยิ่งกว่านวนิยายอีกหลายเท่านัก!!
มาวันนี้..วันที่เราต้องตระหนักมากกว่าวันที่ผ่านมา สิ่งใดที่เราพอจะหลีกห่างได้ เราต้องพยายามให้มากที่สุด เราไม่ได้ตำหนิ หรือว่าร้ายคนที่ซื้อของห้างฝรั่ง หรือกินอาหารฟาสท์ฟูดแต่อย่างใด เพราะแต่ละคนต่างมีเหตุผลที่แตกต่าง
แต่..บทความเพียงต้องการกระตุ้นเตือนต่อสามัญสำนึกในความรับผิดชอบ และเพื่อแนะนำให้เรามีความเคร่งครัดในหลักการให้มากที่สุดตามความสามารถที่จะกระทำได้
ส่วนหนึ่งจากพจนารจของท่านนะบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม บันทึกโดยอิมามอัลบุคอรียฺและอิมามมุสลิม ความว่า
ดังนั้นผู้ที่เกรงกลัวต่อความคลุมเครือก็เท่ากับเขาได้แสวงหาความบริสุทธิ์ให้แก่ศาสนาและเกียรติภูมิของเขา และผู้ใดที่ตกลงไปในสิ่งที่คลุมเครือก็เท่ากับเขาตกลงไปในสิ่งที่ต้องห้าม
โดย ยูซุฟ อบูบักร