การตีสตรี
  จำนวนคนเข้าชม  10971

 

 

 

การตีสตรี

 

อัลลอฮฺ ตรัสว่า 

“และบรรดาหญิงที่พวกเจ้าหวั่นเกรงในความดื้อดึงของนางนั้นก็จงกล่าวตักเตือนนางและทอดทิ้งนางไว้แต่ลำพังในที่นอน

และจงเฆี่ยนนางแต่ถ้านางเชื่อฟังพวกเจ้าแล้ว ก็จงอย่าหาทางเอาเรื่องแก่นาง”

[158]

          อิสลามได้ห้ามการตีสตรีและได้เตือนถึงเรื่องนี้ไว้อย่างมากนั่นก็เพราะสถานภาพของเธอโดยปกตินั้นอ่อนแอ ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ท่านศาสนทูต  กล่าวว่า

“เจ้าอย่าได้ทุบตีภรรยาของเจ้าเหมือนตีทาสแล้วหลังจากนั้นเจ้าก็ประเวณีกับนางในตอนกลางคืน” [159]

 

          ในขณะที่ห้ามตีนี้อิสลามอนุญาตให้ตีเล็กน้อย เพื่อเป็นการตักเตือนแต่มิใช่ให้เจ็บที่ร่างกายหรือผิวหนัง แต่มีเป้าหมายเพื่อให้นางสำนึกตน ซึ่งเป็นการตีในกรณีที่จำเป็นและเฉพาะเจาะจง และในกรณีที่ภรรยาฝ่าฝืนสามีคือ ไม่เชื่อฟังสามีโดยขาดเหตุผลที่ยอมรับได้

 มีรายงานจากอุมมุ กัลซูมลูกของ อบีบักรฺ  เธอกล่าวว่า[160] :

บรรดาชายถูกห้ามไม่ให้ตีบรรดาหญิงที่เป็นภรรยาของพวกเขา หลังจากนั้นพวกเขาต่างไปฟ้องร้องต่อท่านศาสนทูต  ท่านจึงอนุญาตให้ตีพวกนางได้

  

แล้วท่านกล่าวว่า :ผู้หญิงหลายคนต่างมาร้องเรียนกับครอบครัวของมุฮัมมัด พวกนางทั้งหมดถูกตีทั้งนั้น 

 ยะฮฺยากล่าวว่า : ฉันคิดว่าอัลกอซีมเคยกล่าวว่า : หลังจากนั้นพวกเขาได้ถูกกล่าวว่า :และคนที่ประเสริฐสุดในบรรดาพวกเขาจะไม่ตีบรรดาภรรยาของพวกเขา

 

          ในโองการข้างต้นอัลลอฮฺ ได้อธิบายอย่างชัดเจนถึงแนวทางแก้ปัญหาการฝ่าฝืนของภรรยาที่มีต่อสามี และบางครั้งวิธีเเก้ปัญหาว่านี้อาจจะสร้างความเจ็บปวดบ้างแต่มนุษย์ก็ย่อมรับมันได้เพื่อเป็นแนวทางในการเเก้ปัญหาที่เกิดผลตามความคาดหมาย


วิธีนี้มี 3 ขั้นตอนด้วยกัน :

     ขั้นที่ 1 :  ขั้นตักเตือน ว่ากล่าว ให้คำเตือนถึงโทษที่อัลลอฮฺได้บอกไว้ และบอกกล่าวถึงสิทธิของสามีและความจำเป็นที่เธอต้องเชื่อฟังสามีและนี้เป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ความนุ่มนวลและความรักในการใช้คำพูด
หากวิธีนี้ไม่เป็นผล จึงต้องใช้

     ขั้นที่ 2: ขั้นแยกที่นอน คือ ไม่นอนไม่ร่วมประเวณีกับเธอ และไม่พูดคุยกับเธอในขั้นนี้ต้องใช้ความนุ่มนวลร่วมกับความเด็ดขาด
หากวิธีนี้ยังไม่ได้ผล จึงต้องใช้

    ขั้นที่ 3 : ขั้นตี คือ เป็นการตีที่ไม่สร้างบาดแผล กระดูกไม่แตกหัก และไม่เกิดรอยฟกช้ำและหลีกห่างจากการตีที่ใบหน้า เพราะสาเหตุการตีก็เพื่อตักเตือนเท่านั้นไม่ใช่การทรมาน และเป็นการบอกให้รู้ว่าการกระทำของเธอนั้นเป็นที่ไม่พึงปรารถนาเพราะศาสนทูตอัลลอฮฺได้กล่าวแก่ชายคนหนึ่งที่ได้ถามท่านเกี่ยวกับสิทธิของภรรยาที่มีต่อสามีว่า

  

 “ สามีต้องให้เธอได้กินเมื่อสามีได้กิน สามีต้องให้เธอได้นุ่งห่มเมื่อสามีนุ่งห่ม หลังจากนั้นก็อย่าได้ตีที่ใบหน้าของเธอ

และอย่าได้ทำความไม่ดีกับเธอและจะไม่แยกที่นอนนอกจากภายในบ้านเท่านั้น[161]”

          อิสลามได้วางข้อกำหนดในการตีนี้เป็นการตีที่ไม่ใช่เพื่อการข่มขวัญ ข่มเหงรังแกหรือเป็นการเหยียดหยามศักดิ์ศรีเธอ หรือเป็นการตีเพื่อทรมาน เป็นต้น

          มีรายงานจากอิบนุอับบาสได้อธิบายการตีที่ว่านี้คือการตีด้วยไม้แปรงฟันหรือสิ่งที่คล้าย ๆ กัน .[162]สำหรับการตีเพื่อการทรมานนั้นอิสลามได้ห้ามการตีลักษณะนี้ ท่านศาสนทูต กล่าวว่า

  

“จงยำเกรงต่ออัลลอฮฺในเรื่องภรรยาเพราะท่านได้รับเธอเป็นภรรยาด้วยอาณัติแห่งอัลลอฮฺ และอวัยวะสงวนของเธอได้เป็นที่อนุมัติแก่เจ้า

 ด้วยถ้อยคำแห่งอัลลอฮฺและสิทธิของเจ้าที่มีต่อเธอนั้นคือจะไม่ร่วมประเวณีในที่นอนของเจ้าใครคนใดที่เจ้าไม่พึงพอใจ

หากเธอทำเช่นนั้น เจ้าจงตีนางโดยการตีที่ไม่สร้างบาดแผลและสิทธิของเธอที่มีต่อเจ้านั้นคือของกินของใช้ที่ดี ๆ ทั้งหลาย”


 

ขั้นนี้ (ขั้นตี) เป็นขั้นตอนที่มีผลต่อสตรี 2 กลุ่มอย่างที่นักวิชาการจิตวิทยาได้ยืนยันไว้

          กลุ่มที่ 1 : กลุ่มสตรีที่อยากตั้งตัวเป็นผู้คุมสามี พวกนางเหล่านี้ช่างมีความสุขและสนุกสนานดีถ้าเมื่อไหร่พวกนางได้คุมสามีของพวกนางให้เป็นไปตามใจชอบ พวกนางจะควบคุมพวกเขาให้อยู่ภายใต้อิทธิพลและคําสั่งของพวกนาง

          กลุ่มที่ 2 : กลุ่มสตรีที่มีลักษณะนอบน้อมถ่อมตนและพวกนางมีความสุขและสนุกสนานในแง่หนึ่งเมื่อไหร่ที่พวกนางถูกตีหรือถูกสั่งสอนอย่างทารุณ ท่าน G-A Hodfield หนึ่งในบรรดานักวิชาการจิตวิทยาชาวยุโรปกล่าวในหนังสือของเขาเรื่องจิตวิทยาและจรรยา ว่า :

          อารมณ์ที่นอบน้อมและยอมจํานนเพิ่มขึ้นสูงในบางครั้ง จะพบว่า เจ้าของอารมณ์นี้จะมีความสุขมากเมื่อมีคนมีอํานาจเหนือเขา ยอมรับความเจ็บปวดด้วยปิติยินดีความรู้สึกเช่นนี้พบมากในบรรดาสตรีแม้นว่าพวกนางไม่รู้ตัว ด้วยเหตุนี้เองพวกนางเป็นที่รู้จักว่าเป็นกลุ่มคนที่ทนกับความเจ็บปวดมากกว่าบรรดาชาย และภรรยาดังที่ว่านี้คือบุคคลที่พึงชอบสามีของเธอทุกครั้งที่สามีเธอตีนางหรือรุนแรงกับนาง และไม่มีอะไรที่จะทําให้สตรีเสียใจมากกว่าการที่เธอมีสามีผู้อ่อนโยนตลอดเวลา ไม่มีความรู้สึกใด ๆ แม้จะถูกท้าทายด้วยวิธีไหนก็ตาม

 

          การตีนั้นจะใช้ในขั้นสุดท้ายในการสั่งสอนระเบียบวินัย อิสลามไม่อนุญาตให้ใช้มันนอกจากในกรณีที่ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะตักเตือน และแยกที่นอนแล้วเท่านั้น การตีเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการอบรมสั่งสอนระเบียบวินัย อย่างเช่น พ่อตีลูกครูตีนักเรียนเพื่อจุดประสงค์สั่งสอนระเบียบวินัยเท่านั้นเอง หลังจากนั้นอัลลอฮฺได้แจ้งตอนท้ายของโองการในการสั่งสอนนั้นจะจบลงด้วยการเชื่อฟังจากภรรยา

อัลลอฮฺ กล่าวว่า “ถ้าหากนางเชื่อฟังพวกเจ้าแล้วก็จงอย่าหาทางเอาเรื่องแก่นาง”

 

          และนี่ชี้ให้เห็นว่าในขั้นตอนการแก้ปัญหาโดยเจตนาการตีนั้นเพื่อเป็นการสั่งสอนที่อิสลามได้ตั้งจุดประสงค์เอาไว้จากการเบื้องหลังของการปกปักรักษาความเป็นครอบครัวจากการแตกสลาย ถูกยุบ เสียลูกและได้รับความรู้สึกที่ไม่ดีในจิตใจของพวกเขาอย่างเช่นผลที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ที่เกิดจากการหย่า

 

 

www.musliminside.org/