ขอนไม้...ร้องไห้
  จำนวนคนเข้าชม  5380

ขอนไม้...ร้องไห้

 

          ห้วงระยะเวลากว่า 14 ศตวรรษได้ก้าวผ่านพวกเราไป  นับว่าเป็นช่วงเวลาที่นานมากสำหรับความรู้สึกนึกคิดของปุถุชนทั่วไป  แต่หากว่าเป็นความรู้สึกที่แสดงถึงความรัก ความห่วงใย  ความคิดถึงคะนึงหาจะเป็นช่วงเวลาที่แสนธรรมดาไม่มีความรู้สึกว่ายาวนานแต่ประการใด  และสำหรับความรัก  ความโหยหวนเรียกหาของบรรดาผู้ศรัทธาที่มีต่อท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม  นับว่ายังคงมีอย่างเต็มเปี่ยมไม่ผุกร่อนหรือสูญหายไปตามการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา  เสียงเพรียกหาต่อจริยวัตร (สุนนะฮฺ) ของท่านยังคงมีอยู่อย่างหนักแน่น  เจตนารมณ์และอุดมการณ์ของท่านยังคงมีบรรดาผู้ศรัทธานำมาฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องจากยุคหนึ่งไปสู่อีกยุคหนึ่ง  ทุกครั้งที่นามของท่านถูกเอ่ยขึ้นผู้ศรัทธาต่างกล่าวสรรเสริญยกย่อง 

          ชีวประวัติอันยิ่งใหญ่ของท่านถูกนำมาศึกษาวิจัยอย่างเจาะลึกในทุกแง่มุมของการดำเนินชีวิต  จรรยามารยาทอันดีงามถูกนำมาปฏิบัติพร้อมทั้งเป็นคำสั่งสอนในการหล่อหลอมบุตรหลาน  ประวัติศาสตร์ในแต่ละช่วงตอนของท่านตั้งแต่ยังเยาว์เป็นเด็กกำพร้าอาศัยกับคุณลุงที่มีสภาพทางเศรษฐกิจไม่ดีต้องเลี้ยงแกะ  แพะ รับจ้างทั้งหมดล้วนเป็นฉากของการเรียนรู้ที่น่าประทับใจยิ่งนัก 

          ผลการสำรวจจากทั่วทุกมุมโลกพบว่าชื่อ  “มุฮัมมัด”  เป็นชื่อที่ถูกใช้เรียกมากที่สุด  เพราะอะไร?  ทำไม?  ไม่ใช่เพราะความดีงามที่เกินจะบรรยายได้กระนั้นหรือ!!  ถึงแม้ศัตรูอิสลามใช้ความพยายามที่จะลบล้าง  ขีดกาชื่อของท่านออกจากบริบทหรือทำเนียบ ”อัครอภิมหาบุรุษโลก”  แต่ความพยายามบวกกับการลงทุนอย่างมหาศาลชนิดไม่สามารถประมาณการได้ของพวกเขา  ถือว่าล้มเหลวไม่ประสบความสำเร็จ  ตามที่คาดหวังไว้  ศัตรูพยายามให้ร้ายป้ายสี  พยายามทำให้ชีวประวัติของท่านมัวหมอง  แต่ผลลัพธ์กลับไม่ใช่  มันยิ่งเพิ่มทำให้ผู้คนกลับมาสนใจถึงชีวประวัติของท่านและเรื่องราวอิสลามมากยิ่งขึ้น

 ท่านคือ..สามีที่แสนอบอุ่นของบรรดาภริยา

 ท่านคือ..ยอดบิดาที่แสนดีของบรรดาลูกหลาน

 ท่านคือ..สุดยอดแห่งผู้นำทั้งด้านกริยา ท่าทาง คำพูด การกระทำของบรรดาอัครสาวก

 ท่านคือ..อิมาม  แม่ทัพ  ผู้พิพากษา  พ่อค้า  คนเลี้ยงแพะ  คนเก็บฟืน ฯลฯ

 ท่านเป็นผู้ปฏิบัติตนที่ดี  มีอะมานะฮฺ  รักษาสัญญาต่อผู้ที่ปฏิสัมพันธ์ทุกผู้ทุกนามไม่ว่าจะมุสลิมหรือชนต่างศาสนิก

          ท่านคือ..ศาสนทูตท่านสุดท้ายแห่งมวลมนุษยชาติ  ถูกส่งมาเพื่อนำความดีงามและแผ่ความเมตตาให้แก่มวลมนุษย์ในสากลจักรวาลโดยไม่จำกัดเพศ  จำกัดวัย  ศาสนาหรือชาติพันธ์  หรือแม้แต่ขอนไม้

          อัลหะสัน อัลบัศรียฺ  ได้เล่าถึงตอของต้นอินทผลัมที่ท่านรอสูล ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม เคยใช้เป็นที่ยืนคุฏบะฮฺแล้วท่านก็ทิ้งไปใช้มินบัรฺแทน  โดยที่ตออินทผลัมนั้นถึงกับร้องไห้และมีเสียงได้ยินเหมือนอูฐที่กำลังถูกพรากลูก  จนกระทั่งทุกคนที่อยู่ในมัสยิดก็ได้ยินเสียงนั้น  ท่านรอสูล ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม  จึงได้วางมือของท่านบนตออินทผลัมนั้น  แล้วมันจึงหยุดร้องไห้” 

(รายงานโดยอัลบุคอรียฺ)

         ทุกครั้งที่อัลบัศรียฺเล่าเรื่องนี้เขาจะกล่าวว่า  “โอ้บรรดามุสลิมทั้งหลาย...ขอนไม้ยังร้องไห้กับท่านรอสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม  ด้วยความเพรียกหาที่จะได้พบเจอกับท่าน  และพวกท่านทั้งหลายย่อมมีความจำเป็นมากยิ่งกว่าที่จะต้องควรเพรียกหาเพื่อที่จะได้พบเจอกับท่านมากกว่าขอนไม้นั้นเสียอีก”

         ภาพของการแสดงออกถึงความคะนึงหา หวงแหนของบรรดาศอฮาบะฮฺ  บรรดาตาบิอีนที่มีต่อท่านรอสูลไม่ได้หยุดเพียงแค่การแสดงออกด้วยการมอบความรักและโหยหาต่อท่านรอสูล ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม เพียงเท่านั้น  แต่พวกเขายังปฏิบัติตามจริยวัตรของท่านในทุกอริยบทของการดำเนินชีวิต  เพื่อเป็นการทดแทนต่อสิ่งที่ขาดหายและสิ่งที่พวกเขาไม่ทันจะได้รับจากท่านรอสูล ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม

          หนึ่งจากตัวอย่างของบรรดาศอฮาบะฮฺ  คือท่านอบูบักรฺ  อัศศิดดีก เราะฏิยัลลอฮฺอันฮุ  ขณะที่ท่านป่วยหนักก่อนที่จะเสียชีวิตอันเนื่องจากความป่วยในครั้งนี้  ท่านได้ถามอาอิชะฮฺบุตรสาวว่า  ท่านรอสูล ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เสียชีวิตในวันไหน?  ท่านหญิงตอบว่า  ท่านรอสูลุลลอฮฺเสียชีวิตในวันเสาร์  ท่านอบูบักรฺกล่าวว่า  ฉันหวังว่าจะได้ปฏิบัติตามสุนนะฮฺของท่านรอสูลโดยการเสียชีวิตในวันเสาร์เช่นเดียวกับท่านรอสูล  และในที่สุดอัลลอฮฺได้กำหนดให้ท่านเสียชีวิตในวันดังกล่าว

           ซุบฮานัลลอฮฺ!!!  แม้กระทั่งการเสียชีวิตท่านยังปรารถนาให้ได้ปฏิบัติตามสุนนะฮฺ  (เรื่องเล่าความหมายโดยสรุปซึ่งผู้เขียนได้รับฟังจากคำบรรยายของเชคสะอัด อัลบุรัยกฺ)

          ส่วนตัวอย่างจากแกนนำของบรรดาตาบิอีนอย่างเช่น  อบูมุสลิม อัลเคาลานียฺ ได้กล่าวว่า

“บรรดาศอฮาบะฮฺของท่านรอสูล ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม  คิดหรือว่าพวกเขาเท่านั้นที่มีสิทธิในตัวท่านโดยไม่ยอมแบ่งปันให้พวกเราบ้าง? 

ขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า  พวกเราจะยื้อแย่งกับพวกเขา เพื่อ(ได้มีสิทธิใกล้ชิดกับ)ท่านรอสูล  กระทั่งให้พวกเขาได้รู้ว่ายังมีคนรุ่นหลังที่สมควรเรียกว่าเป็นเหล่าวีรบุรุษเช่นกัน”

         แล้วพวกเราล่ะ...อยู่ตรงไหนของประชาชาติมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม  จริยวัตรเพียงง่ายๆ  อีกมากมายที่พวกเราต่างเมินเฉย  บางอย่างเป็นสุนนะฮฺที่ถูกลืม...ไม่เป็นที่รู้จักในสังคม  เป็นจริยวัตรที่รอการฟื้นฟู...

          นับประสาอะไรกับขอนไม้อย่างตออินทผลัมที่ไม่ชีวิต ไร้ความรู้สึกนึกคิด!!!  แต่ยังร้องไห้เพรียกหาต่อท่านรอสูลุลลอฮฺ

แล้วพวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์อัลลอฮฺทรงให้สติปัญญา  ยังไม่คิดสำเหนียกอีกหรือ?? 

โปรดจงพิจารณา  ใคร่ครวญเถิด...

 

ด้วยเกียรติแห่งมิตรภาพ


  ยูซุฟ  อบูบักรฺ