ความประเสริฐของบรรดาสหายท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ความประเสริฐของเศาะหาบะฮฺ
1. อัลลอฮฺ ได้ตรัสความว่า
“บรรดาบรรพชนรุ่นแรกในหมู่ผู้อพยพ (ชาวมุฮาญีรีนจากมักกะฮฺ) และในหมู่ผู้ให้ความช่วยเหลือ (ชาวอันศอรฺจากมะดีนะฮฺ)
และบรรดาผู้ดำเนินตามพวกเขาด้วยการทำดีนั้น
อัลลอฮฺทรงพอพระทัยในพวกเขา และพวกเขาก็พอใจในพระองค์ด้วย
และพระองค์ทรงเตรียมไว้ให้พวกเขาแล้ว ซึ่งบรรดาสวนสวรรค์ที่มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านอยู่เบื้องล่าง
พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล นั่นคือชัยชนะอันใหญ่หลวง”
(อัต-เตาบะฮฺ : 100 )
2. จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«لا تَسُبُّوا أَصْحَابِي، لا تَسُبُّوا أَصْحَابِي، فَوَالَّذِي نَفْسِي بِيَدِهِ، لَوْ أَنَّ أَحَدَكُمْ أَنْفَقَ مِثْلَ أُحُدٍ ذهباً مَا أَدْرَكَ مُدَّ أَحَدِهِـمْ وَلا نَصِيفَهُ».
“พวกท่านอย่าด่าว่า บรรดาสหายของฉัน , พวกท่านอย่าด่าว่า บรรดาสหายของฉัน, ขอสาบานด้วยผู้ซึ่งชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
หากคนใดในหมู่พวกท่านบริจาคทองคำเท่ากับภูเขาอุหุด ก็ไม่เท่ากับหนึ่งมุดด์(การตวงโดยใช้สองมือตัก)ของคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเขา และแม้แต่เพียงครึ่งมุดด์(ก็ไม่เท่า)”
(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ : 3673 และมุสลิม : 2540)
ความประเสริฐของวงศ์วานท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
1. จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า
خَرَجَ النَّبِيُّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ غَدَاةً وَعَلَيْهِ مِرْطٌ مُرَحَّلٌ مِنْ شَعْرٍ أَسْوَدَ فَجَاءَ الْحَسَنُ بْنُ عَلِيٍّ فَأَدْخَلَهُ ثُمَّ جَاءَ الْحُسَيْنُ فَدَخَلَ مَعَهُ ثُمَّ جَاءَتْ فَاطِمَةُ فَأَدْخَلَهَا ثُمَّ جَاءَ عَلِيٌّ فَأَدْخَلَهُ ثُمَّ قَالَ:
“ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมได้ออกมาในตอนเช้าวันหนึ่ง บนตัวท่านมีผ้าห่มสีดำปักลายด้วยเส้นขนสีดำ เมื่อหะซันบุตรของอะลีมาถึงท่านก็ให้เข้าไปอยู่ในผ้าห่ม หลังจากนั้นหุเสนมาถึงก็เข้าไปอยู่ด้วย จากนั้นฟาฏิมะฮฺได้มาถึง ท่านก็ได้ให้เข้าไปอยู่ด้วย เมื่ออะลีย์มาถึงท่านก็ให้เข้าไปอยู่ในผ้าห่มกับท่านด้วย
แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า อันที่จริง อัลลอฮฺทรงประสงค์ที่จะขจัดความโสมมออกจากพวกเจ้า โอ้ อะฮฺลุลบัยตฺ (ครอบครัวของนบี) และทรงประสงค์ที่จะชำระพวกเจ้าให้สะอาดบริสุทธิ์”
(บันทึกโดยมุสลิม :2424)
2. จากอับดุรเราะหฺมาน บิน อบู ลัยลา กล่าวว่า กะอับ บิน อุจญ์เราะฮฺ ได้พบกับฉัน แล้วเขากล่าวว่า จะเอาไหมฉันจะมอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้กับท่าน แท้จริงท่านนบีได้ออกมาพบพวกเราและพวกเราถามท่านว่า โอ้ท่านเราะซูลของอัลลอฮฺ พวกเรารู้แล้วถึงการกล่าวสลามแด่ท่านแต่ทว่าพวกเราไม่รู้ถึงการกล่าวเศาะละวาตแด่ท่าน ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า พวกท่านจงกล่าวว่า
«اللهم صَلِّ عَلَـى مُحَمَّدٍ وَعَلَـى آلِ مُحَمَّدٍ كَمَا صَلَّيْتَ عَلَـى آلِ إِبْرَاهِيمَ إِنَّكَ حَمِيدٌ مَجِيدٌ، اللهم بَارِكْ عَلَـى مُحَمَّدٍ وَعَلَـى آلِ مُحَمَّدٍ كَمَا بَارَكْتَ عَلَـى آلِ إِبْرَاهِيمَ إِنَّكَ حَمِيدٌ مَجِيدٌ». متفق عليه
“โอ้อัลลอฮฺ ! ขอได้โปรดประทานพรแก่มุฮัมหมัด และวงศ์วานของมุฮัมหมัด เช่นเดียวกับที่ได้ทรงประทานพรแก่อิบรอฮีมและวงศ์วานของอิบรอฮีมมาแล้ว แน่แท้พระองค์เป็นผู้ทรงได้รับการสรรเสริญยิ่งและทรงไว้ซึ่งเกียรติอันสูงศักดิ์
โอ้อัลลอฮฺ ! ขอได้โปรดประทานความสิริมงคลแด่มุฮัมหมัดและวงศ์วานของมุฮัมหมัด เช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ประทานความศิริมงคลแก่อิบรอฮีมและวงศ์วานของอิบรอฮีมมาแล้ว แน่แท้พระองค์เป็นผู้ทรงได้รับการสรรเสริญยิ่งและทรงไว้ซึ่งเกียรติอันสูงศักดิ์”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ : 6357 และมุสลิม : 406)
3. จากท่านสะอัด กล่าวว่า
أَمَرَ مُعَاوِيَةُ بْنُ أَبِي سُفْيَانَ سَعْدًا، فَقَالَ: مَا مَنَعَكَ أَنْ تَسُبَّ أَبَا التُّرَابِ؟ فَقَالَ: أَمَّا مَا ذَكَرْتُ ثَلَاثًا قَالَهُنَّ لَهُ رَسُولُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فَلَنْ أَسُبَّهُ، لَأَنْ تَكُونَ لِي وَاحِدَةٌ مِنْهُنَّ أَحَبُّ إِلَيَّ مِنْ حُمْرِ النَّعَمِ، سَمِعْتُ رَسُولَ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ لَهُ خَلَّفَهُ فِي بَعْضِ مَغَازِيهِ، فَقَالَ لَهُ عَلِيٌّ: يَا رَسُولَ اللهِ خَلَّفْتَنِي مَعَ النِّسَاءِ وَالصِّبْيَانِ، فَقَالَ لَهُ رَسُولُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ: «أَمَا تَرْضَى أَنْ تَكُونَ مِنِّي بِمَنْزِلَةِ هَارُونَ مِنْ مُوسَى، إِلَّا أَنَّهُ لَا نُبُوَّةَ بَعْدِي»، وَسَمِعْتُهُ يَقُولُ يَوْمَ خَيْبَرَ: «لَأُعْطِيَنَّ الرَّايَةَ رَجُلًا يُحِبُّ اللهَ وَرَسُولَهُ، وَيُحِبُّهُ اللهُ وَرَسُولُهُ» قَالَ: فَتَطَاوَلْنَا لَهَا، فَقَالَ: «ادْعُوا لِي عَلِيًّا» فَأُتِيَ بِهِ أَرْمَدَ فَبَصَقَ فِي عَيْنِهِ، وَدَفَعَ الرَّايَةَ إِلَيْهِ، فَفَتَحَ اللهُ عَلَيْهِ، وَلَمَّا نَزَلَتْ هَذِهِ الْآيَةُ ﭽ ﯩ ﯪ ﯫ ﯬ ﯭﭼ دَعَا رَسُولُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَلِيًّا وَفَاطِمَةَ وَحَسَنًا وَحُسَيْنًا فَقَالَ: «اللهم هَؤُلَاءِ أَهْلِي».
“ท่านมุอาวิยะฮฺ บิน อบู สุฟยาน ได้สั่งท่านสะอัดเรื่องหนึ่ง ท่านสะอัด กล่าวว่า เหตุใดที่ทำให้ท่านไม่กล้าด่าท่านอบู ตุรอบ (ฉายาของท่านอะลีย์ บิน อบู ฏอลิบ)
ท่านตอบว่า แท้จริงฉันได้นึกถึงคำกล่าวของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม สามประการ ที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวถึงตัวเขา หากฉันมีคุณลักษณะเช่นเขาสักหนึ่งประการก็จะเป็นการดียิ่งกว่าฉันได้รับอูฐสีแดงเสียอีก
ฉันเคยได้ยินท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เคยแต่งตั้งเขาให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนในภาวะสงครามครั้งหนึ่ง แล้วอะลีย์กล่าวว่า โอ้ท่านเราะซูลุลลอฮฺ ท่านจะทิ้งฉันไว้กับพวกผู้หญิงและเด็ก ๆ หรือ ?
ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า : “ท่านไม่พอใจหรือกับการที่ท่านกับฉันมีสถานะเป็นเหมือนฮารูนกับมูซา เพียงแต่ว่ามันจะไม่มีนบีอีกหลังจากฉัน”
และฉันได้ยินท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวถึงเขาตอนทำสงครามค็อยบัรฺว่า “พรุ่งนี้ฉันจะมอบธงรบให้กับผู้ที่รักอัลลอฮฺและเราะซูลของพระองค์ อัลลอฮฺและเราะซูลของพระองค์ก็รักเขา”
แล้วพวกเราก็ต่างตั้งหน้าตั้งตาเพื่อจะได้รับมอบหมายให้ถือธงนั้น(ตั้งหน้าตั้งตาคอยดูว่าชายที่ท่านบีจะมอบธงให้นั้นคือใคร)
แล้วท่านนบีกล่าวว่า “พวกท่านจงเรียกอะลีย์มาหาฉัน” แล้วท่านอะลีย์ก็ได้ถูกนำตัวมาพบท่านนบี
ท่านได้เสกเป่า(ที่ตาของอะลีย์ที่กำลังเจ็บ) แล้วท่านได้มอบธงให้แก่อะลีย์ จนกระทั่งอัลลอฮฺได้ให้ป้อมเมืองค็อยบัรฺถูกพิชิตด้วยมือของเขาและครั้นเมื่ออายะฮฺนี้ได้ถูกประทานลงมา...
“ก็จงกล่าวเถิดว่า ท่านทั้งหลายจงมาเถิด จงเรียกลูกๆ ของเรา และลูกๆ ของพวกท่าน”
ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็ได้เรียกท่านอะลีย์ ฟาฏิมะฮฺ หะซันและหุเสนมาหา แล้วท่านได้กล่าวว่า โอ้ อัลลอฮฺ พวกเขาเหล่านี้คือ ครอบครัวของฉัน”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ : 3706 และมุสลิม : 2404)
4. จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า
أَقْبَلَتْ فَاطِمَةُ تَمْشِي كَأَنَّ مِشْيَتَهَا مَشْيُ النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فَقَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ: «مَرْحَبًا بِابْنَتِي»، ثُمَّ أَجْلَسَهَا عَنْ يَمِينِهِ أَوْ عَنْ شِمَالِهِ، ثُمَّ أَسَرَّ إِلَيْهَا حَدِيثًا فَبَكَتْ، فَقُلْتُ لَهَا: لِمَ تَبْكِينَ؟، ثُمَّ أَسَرَّ إِلَيْهَا حَدِيثًا فَضَحِكَتْ، فَقُلْتُ : مَا رَأَيْتُ كَالْيَوْمِ فَرَحًا أَقْرَبَ مِنْ حُزْنٍ، فَسَأَلْتُهَا عَمَّا قَالَ، فَقَالَتْ: مَا كُنْتُ لِأُفْشِيَ سِرَّ رَسُولِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، حَتَّى قُبِضَ النَّبِيُّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَسَأَلْتُهَا، فَقَالَتْ: أَسَرَّ إِلَيَّ إِنَّ جِبْرِيلَ كَانَ يُعَارِضُنِي الْقُرْآنَ كُلَّ سَنَةٍ مَرَّةً، وَإِنَّهُ عَارَضَنِي الْعَامَ مَرَّتَيْنِ، وَلَا أُرَاهُ إِلَّا حَضَرَ أَجَلِي، وَإِنَّكِ أَوَّلُ أَهْلِ بَيْتِي لَحَاقًا بِي، فَبَكَيْتُ، فَقَالَ أَمَا تَرْضَيْنَ أَنْ تَكُونِي سَيِّدَةَ نِسَاءِ أَهْلِ الْجَنَّةِ، أَوْ نِسَاءِ الْمُؤْمِنِينَ؟، فَضَحِكْتُ لِذَلِكَ.
“ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺเดินมุ่งหน้ามาท่าทางการเดินของนางไม่ผิดจากท่าทางการเดินของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวต้อนรับนางว่า “ยินดีต้อนรับ ลูกสาวของฉัน”
จากนั้นท่านให้นางนั่งลงอยู่ทางขวามือของท่านหรือทางซ้ายมือ แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้คุยด้วยเสียงค่อยอยู่กับนาง
ต่อมาปรากฏว่านางร้องไห้ แล้วฉันจึงกล่าวแก่นางว่า ทำไมเธอถึงร้องไห้?
จากนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้คุยด้วยเสียงค่อยกับนางอีก ต่อมาปรากฏว่านางหัวเราะ
ฉันกล่าวว่า ฉันไม่เคยเห็นนางมีอาการทั้งเศร้าโศกและปลื้มปิติดังเช่นวันนี้เลย ฉันจึงถามนางว่า ท่านนบีได้กล่าวอะไรบ้างแก่นาง?
นางตอบว่า ฉันจะไม่เปิดเผยความลับของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
จนกระทั่งเมื่อท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม สิ้นชีวิต ฉันจึงถามต่อในสิ่งที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้บอกแก่นาง
นางบอกว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้บอกแก่ฉันว่า
“ปกติแล้วในทุกปีญิบรีลจะลงมาทวนอัลกุรอานกับฉันปีละหนึ่งครั้ง แต่ในปีนี้ญิบรีลลงมาทวนถึงสองครั้งซึ่งไม่มีเหตุใดนอกจากฉันคิดว่าฉันใกล้สิ้นชีวิตแล้ว และเธอเป็นผู้แรกจากสมาชิกในครอบครัวของฉันที่จะติดตามฉันไป” ดังนั้นฉันจึงร้องไห้
แล้วท่านก็กล่าวว่า “เธอไม่พอใจหรือที่เธอจะได้เป็นผู้นำบรรดาสตรีในสวนสวรรค์ หรือผู้นำบรรดาสตรีของผู้ศรัทธา” ฉันจึงหัวเราะเพราะเหตุดังกล่าว
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ : 3623 และมุสลิม : 2450)
ความประเสริฐของชาวมุฮาญิรีน(มุสลิมที่อพยพมาจากเมืองมักกะฮฺ) และชาวอันศอรฺ (ชาวเมืองมะดีนะฮฺที่คอยช่วยเหลือชาวมุฮาญิรีน)
1. อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
“(สิ่งที่ยึดมาได้จากพวกยะฮูด) เป็นของบรรดาผู้อพยพที่ขัดสน ซึ่งถูกขับไล่ออกจากบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาและทอดทิ้งทรัพย์สินของพวกเขาเพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ และความยินดีของพระองค์
และช่วยเหลืออัลลอฮฺและเราะซูลของพระองค์ ชนเหล่านั้นพวกเขาคือผู้สัตย์จริง และบรรดาผู้ที่ได้ตั้งหลักแหล่งอยู่ที่นครมะดีนะฮฺ (ชาวอันศอรฺ) และพวกเขาศรัทธาก่อนหน้าการอพยพของพวกเขา (ชาวมุฮาญิรีน)
พวกเขารักใคร่ผู้ที่อพยพมายังพวกเขา และจะไม่พบความต้องการหรือความอิจฉาอยู่ในทรวงอกของพวกเขาในสิ่งที่ได้ถูกประทานให้ และได้เสียสละให้สิทธิผู้อื่นก่อนตัวของพวกเขาเอง ถึงแม้ว่าพวกเขายังมีความต้องการอยู่มากก็ตาม
และผู้ใดที่ได้รับการปกป้องจากความตระหนี่ที่อยู่ในตัวของเขา ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ”
(อัลหัชรฺ : 8 – 9 )
2. และอัลลอฮฺได้ตรัสอีกว่า
ความว่า “และบรรดาผู้ที่ศรัทธาและอพยพ และต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ และบรรดาผู้ที่ให้ที่พักอาศัย และความช่วยเหลือนั้น ชนเหล่านี้แหละ พวกเขาคือผู้ศรัทธาโดยแท้จริง ซึ่งพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษ และเครื่องยังชีพอันมากมาย”
(อัลอันฟาล : 74)
3. ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«لَوْلا الهِجْرَةُ لَكُنْتُ امْرَءاً مِنَ الأْنصَارِ، وَلَوْ سَلَكَ النَّاسُ وَادِياً وَسَلَكَتِ الأَنْصَارُ وَادِياً أَوْ شِعْباً لَسَلَكْتُ وَادِي الأَنْصَارِ أَوْ شِعْبَ الأَنْصَارِ». متفق عليه
“หากไม่มีการอพยพ แน่นอนฉันอาจจะเป็นคนหนึ่งในหมู่ชาวอันศอรฺ หากว่าผู้คนมุ่งที่จะไปที่หุบเขาหนึ่ง แต่ชาวอันศอรฺมุ่งไปที่อีกหุบเขาหนึ่ง แน่นอนฉันก็จะมุ่งตรงไปที่หุบเขาของชาวอันศอรฺ”
(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ : 7244 และมุสลิม : 1059)
ความประเสริฐของบรรดาเคาะลีฟะฮฺผู้ทรงธรรม
1. จากท่านอบู มูซา เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า
أَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ دَخَلَ حَائِطًا، وَأَمَرَنِي بِحِفْظِ بَابِ الْحَائِطِ، فَجَاءَ رَجُلٌ يَسْتَأْذِنُ، فَقَالَ : «ائْذَنْ لَهُ وَبَشِّرْهُ بِالْجَنَّةِ»، فَإِذَا أَبُو بَكْرٍ، ثُمَّ جَاءَ آخَرُ يَسْتَأْذِنُ، فَقَالَ: «ائْذَنْ لَهُ وَبَشِّرْهُ بِالْجَنَّةِ»، فَإِذَا عُمَرُ ، ثُمَّ جَاءَ آخَرُ يَسْتَأْذِنُ، فَسَكَتَ هُنَيْهَةً، ثُمَّ قَالَ : «ائْذَنْ لَهُ، وَبَشِّرْهُ بِالْجَنَّةِ عَلَى بَلْوَى سَتُصِيبُهُ» فَإِذَا عُثْمَانُ بْنُ عَفَّانَ. متفق عليه
“แท้จริงท่านนบีได้เข้ายังกำแพงสวนแห่งหนึ่งแล้วท่านได้สั่งให้ฉันเฝ้าประตูกำแพงนั้น ต่อมามีชายคนหนึ่งขออนุญาตเข้าพบท่าน
ท่านนบีจึงกล่าวว่า “จงอนุญาตให้เขาเข้ามาและจงแจ้งข่าวดีว่าเขาจะได้รับสวนสวรรค์”
(เมื่อเปิดประตู)ปรากฏว่าเป็นท่านอบู บักรฺ จากนั้นมีชายอีกคนขออนุญาตเข้าพบท่าน
ท่านนบีจึงกล่าวว่า “จงอนุญาตให้เขาเข้ามาและจงแจ้งข่าวดีว่าเขาจะได้รับสวนสวรรค์”
(เมื่อเปิดประตู)ปรากฏว่าเป็นท่านอุมัรฺ ต่อมามีชายอีกคนขออนุญาตเข้าพบท่าน
ท่านนบีนิ่งอยู่สักครู่แล้วกล่าวว่า “จงอนุญาตให้เขาเข้ามาและจงแจ้งข่าวดีว่าเขาจะได้รับสวนสวรรค์ในสิ่งที่เขาจะถูกทดสอบ”
(เมื่อเปิดประตู)ปรากฏว่าเป็นท่าน อุษมาน บิน อัฟฟาน
(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ : 3695 และมุสลิม : 2403)
2. จากท่านสะอัด บิน อบู วักก็อศ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า
خَلَّفَ رَسُولُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَلِيَّ بْنَ أَبِي طَالِبٍ فِي غَزْوَةِ تَبُوكَ، فَقَالَ: يَا رَسُولَ اللهِ تُخَلِّفُنِي فِي النِّسَاءِ وَالصِّبْيَانِ ِ؟ ، فَقَالَ: «أَمَا تَرْضَى أَنْ تَكُونَ مِنِّي بِمَنْزِلَةِ هَارُونَ مِنْ مُوسَى، غَيْرَ أَنَّهُ لَا نَبِيَّ بَعْدِي» متفق عليه
“ท่านเราะซูลเคยแต่งตั้งอะลีย์ บิน อบี ฏอลิบ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนในช่วงสงครามตะบูก
ท่านอะลีย์ก็ได้กล่าวว่า : โอ้ท่านเราะซูลุลลอฮฺ ท่านจะทิ้งฉันไว้กับพวกผู้หญิงและเด็ก ๆ กระนั้นหรือ ?
ท่านเราะซูลกล่าวว่า : ท่านไม่พอใจหรือ กับการที่ท่านกับฉันมีสถานะเป็นเหมือนฮารูนกับมูซา เพียงแต่ว่า มันจะไม่มีนบีอีกหลังจากฉัน”
(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ : 4416 และมุสลิม : 2404)
3. และจากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ แท้จริงท่านเราะซูลได้ยืนบนหะรออ์(หินดำที่เกิดจากลาวาภูเขาไฟ) พร้อมกับอบู บักรฺ, อุมัร, อุษมาน และฏ็อลหะฮฺ บิน อัซ-ซุบัยรฺ แต่แล้วก้อนหินเกิดสั่นไหวท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«اهْدَأْ، فَمَا عَلَيْكَ إلَّا نَبِيٌّ أوْ صِدِّيقٌ أوْ شَهِيدٌ». أخرجه مسلم
“เจ้าจงสงบเถิดไม่ใครอื่นใดที่อยู่บนเจ้านอกจากนบี ศิดดีก (ผู้มีสัจจะ) และชะฮีด”
(บันทึกโดยมุสลิม : 2417)
มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม อัตตุวัยญิรีย์
แปลโดย : อันวา สะอุ / Islam House