การดึงเวลาของการละหมาดมารวมกัน
คำถาม
ผมมีความสงสัยว่า ทำไมเราจึงต้องทำการละหมาดแยกกันระหว่างเวลาช่วงกลางวันและกลางคืนด้วยครับ เนื่องจากผมทราบมาว่าท่านนบีได้เคยทำการละหมาดแยกกันตามเวลา แต่ท่านก็เคยดึงละหมาดมาทำการละหมาดรวมกัน และในวันอารอฟะนั้นเราก็ได้ถูกสั่งให้ทำการละหมาดรวมเวลากัน ส่วนในอัลกุรอ่านนั้นก็ได้กล่าวเอาไว้ว่า การละหมาดในหนึ่งวันนั้นจะมีอยู่ 3 ช่วงเวลาด้วยกันคือ ตอนเช้า ตอนบ่าย และตอนกลางคืน ผมจึงสงสัยว่า ทำไมเราจึงถูกใช้ให้ทำการละหมาดแยกเวลากันแทนที่จะเป็นการทำละหมาดให้ต่อเนื่องกันไปเลย
บรรดาการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์แด่พระองค์อัลลอฮ์
คำตอบ
ข้อสงสัยของคุณนั้นเป็นสิ่งที่อันตรายมาก เนื่องมาจากเป็นข้อสงสัยที่ขัดแย้งกับกฎชารีอะฮฺ ซึ่งการที่เราสงสัยต่อข้อกำหนดของอัลลอฮฺ เช่นทำไมเราจึงต้องทำการถือศีลอดเฉพาะในเดือนรอมฎอน ทำไมเราจึงไม่ทำการถือศีลอดแยกวันกันตลอดทั้งปี หรือทำไมเราจึงต้องประกอบพิธีฮัจญ์เฉพาะในเดือนที่พระองค์อัลลอฮฺ ได้ทรงกำหนดเอาไว้ ทำไมเราจึงไม่สามารถประกอบพิธีฮัจญ์ในเดือนอื่น ๆ ได้ด้วย เพื่อที่คนจะได้ไม่มาแออัดกัน ซึ่งคำถามหรือข้อสงสัยต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนบ่งบอกถึง ผู้ถามนั้นมีความรู้สึกที่ขัดแย้งต่อคำสั่งของพระองค์อัลลฮฺ เนื่องมาจากพระองค์อัลลอฺ ได้ตรัสเอาไว้ในซูเราะฮฺ อัน-นิซาอฺ ว่า
“แท้จริง การละหมาดนั้นเป็นบัญญัติที่ถูกกำหนดเวลาไว้แก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย”
(อัน-นิซาอฺ 4 : 103)
จากอายะฮฺ ของอัลกุรอ่านข้างต้นนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่การละหมาดนั้นจะต้องกระทำในเวลาที่ถูกกำหนดไว้ และเราวิงวอนขอความเมตตาจากพระองค์อัลลอฮฺ โปรดประทานทางนำและทรงทำให้หัวใจของท่านอยู่บนแนวทางอันเที่ยงตรงด้วยเทอญ
(จากท่าน Shaykh Sa’d al-Humayd)
อิสลามนั้นหมายถึงการยอมตนเชื่อฟังต่อพระองค์อัลลอฮฺ และไม่คัดค้านต่อคำสั่งของพระองค์ พระองค์อัลลอฮฺ ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัล-อะฮฺซาบ ว่า
“ไม่บังควรแก่ผู้ศรัทธาชายและผู้ศรัทธาหญิง เมื่ออัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ได้กำหนดกิจการใดแล้ว
สำหรับพวกเขาไม่มีทางเลือกในเรื่องของพวกเขา
และผู้ใดไม่เชื่อฟังอัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์แล้ว แน่นอนเขาได้หลงผิดอย่างชัดแจ้ง”
(ซูเราะฮฺอัล-อะฮฺซาบ 33 : 36)
และพระองค์อัลลอฮฺ ได้ทรงตรัสถึงเวลาของการละหมาดเอาไว้ว่า
“แท้จริง การละหมาดนั้นเป็นบัญญัติที่ถูกกำหนดเวลาไว้แก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย”
(อัน-นิซาอฺ 4 : 103)
แนวทางของพระองค์อัลลอฮฺ ในเรื่องของการละหมาดนั้น ได้ระบุเวลาเอาไว้แล้ว ซึ่งมีหลักฐานอยู่ในทั้งคัมภีร์อัลกุรอ่านและตามซุนนะฮฺของท่านนบี ที่ท่านนบีมุฮัมมัด ได้ปฏิบัติเป็นแบบอย่างเอาไว้ทั้งในรูปแบบของคำพูดและการกระทำ โดยที่ท่านมิได้ดึงการละหมาดมารวมกัน เว้นเสียแต่ว่าท่านอยู่ระหว่างการเดินทางหรือได้รับความยากลำบาก
และเราขอแนะนำท่านให้หลีกห่างจากการปฏิบัติตามแนวทางของผู้ที่กระทำบิดอะฮฺ ซึ่งพวกเขาได้กล่าวว่า เวลาของการละหมาดดุฮฺรินั้นควรนำมารวมกับการละหมาดอัสริ และเวลาของการละหมาดมักริบนั้นควรนำมารวมกับการละหมาดอีชาอฺ โดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในระหว่างการเดินทางหรือไม่มีเหตุผลที่จำเป็น ซึ่งท่านควรจะต้องระวังต่อบุคคลเหล่านี้ อย่าได้เข้าร่วมเชื่อฟังหรือปฏิบัติตามแนวทางของบุคคลดังกล่าว เพราะเขาเหล่านั้นจะนำท่านออกจากแนวทางที่ถูกต้องของศาสนา
และเราวิงวอนขอความเมตตาจากพระองค์อัลลอฮฺ โปรดประทานความช่วยเหลือให้คุณมีอีหม่านที่เข็มแข็งและได้รับทางนำด้วยเทอญ
ตอบคำถามโดย Sheikh Muhammed Salih Al-Munajjid
ที่มา http://www.islamqa.com/en/ref/11619
แปลโดย นูรุ้ลนิซาอ์