การบริจาคทาน
  จำนวนคนเข้าชม  93173

การบริจาคทาน (ศอดาเกาะฮฺ) 


 
          การบริจาคทาน (ทำทานโดยสมัคใจ) ถือเป็นสุนนะฮฺอย่างหนึ่ง ซึ่งควรกระทำในทุกๆ สภาวะการณ์ และในช่วงเดือนรอมฎอนเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะทำทานสมัคใจ ซึ่งผลบุญของมันนั้นจะทวีคูณ ดังที่อัลลอฮฺ ได้ตรัสไว้ในอัลกุรอานซูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮ อายะฮฺที่ 261 ความว่า

 

“ อุปมาบรรดาผู้บริจาคทรัพย์ของพวกเขาในหนทางของอัลลอฮฺ นั้น ดังอุปมัยเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่งที่งอกขึ้นเป็นเจ็ดรวงซึ่งแต่ละรวงนั้นมีร้อยเมล็ด

และอัลลอฮฺ นั้นจะทรงเพิ่มพูนแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์นั้นผู้ทรงกว้างขวางผู้ทรงรอบรู้ ”

 

         และควรแจกจ่ายทานสมัคใจให้ทั่วถึง นอกจากนี้ ทานสมัคใจสามารถกระทำได้ในสภาวะที่กำลังเจ็บป่วย เดินทาง ที่มักกะฮ ที่มะดีนะฮฺ ในภาวะสงคราม ช่วงประกอบพิธีฮัจญ์ และในเวลาที่ประเสริฐ เช่น 10 วันแรกของเดือนแห่งการทำฮัจญ์  ในการบริจาคนั้นไม่ควรเปิดเผย และควรบริจาคในสิ่งที่ ดังที่อัลลอฮฺ ได้ตรัสไว้ในอัลกุรอานซูเราะฮฺ อาลิอิมรอน อายะฮฺที่ 92 ความว่า

 “ พวกเจ้าจะไม่ได้คุณธรรมเลย จนกว่าพวกเจ้าจะบริจาคจากสิ่งที่พวกเจ้าชอบ และสิ่งที่พวกเจ้าบริจาคไป แท้จริงอัลลอฮฺ ทรงรู้ในสิ่งนั้นดี ”

 

         สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นให้ปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่อยู่ภายใต้การคุ้มครอง โดยหากบริจาคจะทำให้เกิดความขัดสน ดังนั้น จึงไม่อนุญาตสำหรับบุคคลดังกล่าวให้ทำศอดาเกาะฮฺ

        การบริจาคทานสมัครใจไม่กำหนดรูปแบบ และปริมาณ ซึ่งสามารถทำได้แม้มีปริมาณเพียงเล็กน้อยก็ตาม ท่านเราะซูล ได้กล่าวว่า

 “ ผู้ใดในหมู่พวกท่านสามารถที่จะปกป้องไฟนรก เขาก็จงบริจาค แม้เพียงซีกหนึ่งของผลอินทผลัม

แล้วถ้าใครไม่มีก็จงพูดจาสุภาพเรียบร้อย(ก็ถือว่าเป็นการบริจาคทานแล้ว)

(บันทึกโดยอะฮหมัด และมุสลิม)

 

ประเภทของการบริจาคทาน (ศอดาเกาะฮฺ)

        การบริจาคนั้นมิได้เจาะจงชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นการเฉพาะ แต่โดยหลักทั่วไปแล้ว ความดีทุกอย่างนั้น ถือเป็นศอดาเกาะฮฺ ( การบริจาคทาน ) ท่านเราะซูล ได้กล่าวว่า

 “ ทุกๆชีวิตนั้นจะถูกบันทึกแก่เขาให้มีการบริจาคทานทุกวันที่ดวงอาทิตย์ยังขึ้นอยู่

จากดังกล่าวนั้น  การที่เขาให้ความเที่ยงธรรมในระหว่างคู่กรณี ก็ถือเป็นศอดาเกาะฮฺ

การยกของให้แก่เขาก็ถือเป็นศอดาเกาะฮฺ  การเอาสิ่งของอันตรายออกจากดินก็ถือเป็นศอดาเกาะฮฺ

คำพูดที่ดีก็ถือเป็นศอดาเกาะฮฺ ทุกก้าวที่เดินไปละหมาดก็ถือเป็นศอดาเกาะฮฺ ”

(บันทึกโดยอะหมัด และคนอื่นๆ )

 

คนที่มีสิทธิได้รับบริจาคมากที่สุดคือใคร ?

        คนที่มีสิทธิได้รับบริจาคมากที่สุดคือ ลูกๆของผู้บริจาค ครอบครัวของเขา ญาติที่ใกล้ชิดของเขา โดยที่บุคคลเหล่านี้มีความจำเป็นต่อสิ่งที่บริจาค เพื่อเป็นค่าครองชีพของเขา และคนที่อยู่ในการดูแลของเขา ท่านเราะซูล ได้กล่าวว่า

“ ถ้าปรากฏว่าคนหนึ่งในหมู่พวกท่านยากจน ก็จงเริ่มด้วยตัวของเขาก่อน ถ้ายังมีเหลือก็ให้แก่ลูกๆของเขา

 ถ้ายังมีเหลือก็ให้ญาติที่ใกล้ชิดของเขา หรือวงศ์ญาติที่ใกล้ชิด ถ้ายังมีเหลือก็ให้เอามายังที่นี้ ที่นั้น ”

 

นอกจากนี้ท่านเราะซูล ยังได้กล่าวว่า  “ เจ้าจงบริจาค ”

ชายคนหนึ่งกล่าวว่า “ ฉันมีหนึ่งเหรียญทอง ”

ท่านกล่าวว่า “ จงบริจาคเพื่อตัวเจ้าก่อน ”

เขากล่าวว่า “ ฉันมีอีกเหรียญทองหนึ่ง ”

ท่านกล่าวว่า “ จงบริจาคให้ภรรยาของเจ้า ”

เขากล่าวว่า “ ฉันมีอีกเหรียญทองหนึ่ง ”

ท่านกล่าวว่า “ จงบริจาคให้ลูกๆของท่าน ”

เขากล่าวว่า “ ฉันมีอีกเหรียญทองหนึ่ง ”

ท่านกล่าวว่า “ จงบริจาคให้คนรับใช้ของเจ้าก่อน ”

เขากล่าวว่า “ ฉันมีอีกเหรียญทองหนึ่ง ”

ท่านกล่าวว่า “ เจ้าจงพิจารณาดูก็แล้วกันว่าจะให้ใคร ”

   (บันทึกโดยอบูดาวูด อันนาซาอี และอัลฮากิม)

การทำให้การบริจาคไร้ผล ( เป็นโมฆะ )

          การบริจาคนั้นขึ้นอยู่กับเจตนาที่ทำเพื่ออัลลอฮฺ ซึ่งนับว่าเป็นความสำคัญมากเพราะการบริจาคที่สูญเปล่านั้นจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆเลย เช่น การบริจาคสิ่งที่หะรอม ( ต้องห้าม ) และภรรยาเอาทรัพย์สินสามีมาบริจาคโดยที่สามีไม่รู้ หรือไม่อนุญาต ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไร้ผล ดังที่อัลลอฮฺ ได้ตรัสไว้ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺ 264 ความว่า

“ บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่าให้บรรดาทานของพวกเจ้าไร้ผล ด้วยการลำเลิก และก่อความเดือดร้อน เช่น ผู้ที่บริจาคทรัพย์ของเขาเพื่ออวดผู้คน ”

 

การบริจาคทานให้แก่สัตว์

          อิสลามเป็นศาสนาที่แสดงออกถึงความเมตตาต่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ รวมทั้งสัตว์ท่านเราะซูล ได้กล่าวว่า

 “ขณะที่สุนัขตัวหนึ่งกำลังเดินวนเวียนอยู่รอบๆ สระความกระหายน้ำเกือบทำให้มันสิ้นชีวิต

แล้วบังเอิญหญิงชั่วคนหนึ่งจากวงค์วานบนีอิสรออีลได้เห็นมัน นางได้ถอดรองเท้าบู๊ตของนางแล้วเอาตักน้ำมาให้มันดื่ม

และนางก็ได้รับการอภัยโทษจากอัลลอฮฺ  เนื่องด้วยการกระทำอันนั้น ”

(บันทึกโดยบุคอรีย์ และมุสลิม )

จะเห็นได้ว่าการทำทานให้สัตว์สามารถลบล้างไฟนรก และได้เข้าสวรรค์

 

คัดลอกจาก   http://www.hilal.or.th/