สิทธิของสตรีในสังคมอิสลาม
  จำนวนคนเข้าชม  7527

 

 

สิทธิของสตรีในสังคมอิสลาม

อับดุรเราะห์มาน อับดุลกะรีม อัช-ชีหะฮฺ


อิสลามได้บังคับใช้ให้กระทําความดีต่อสตรี  ท่านนะบีมุฮัมมัด   ได้กล่าวว่า

 “คนมุอ์มิน(ผู้ศรัทธา)กับมุอ์มินด้วยกัน เปรียบเสมือนสิ่งก่อสร้างที่แต่ละคนต่างเสริมสร้างความแข็งแรงซึ่งกันและกัน” 

แล้วท่านก็เอานิ้วมือทั้งสองข้างมาสอดเข้าหากัน  

 

         ♣ - สตรี ไม่ว่าจะเป็นในฐานะพี่น้องทางพ่อหรือทางแม่  หรือญาติใกล้ชิด  พวกเขาคือ เครือญาติที่อัลลอฮฺสั่งให้เชื่อมต่อความสัมพันธ์ระหว่างกัน  ไม่ควรตัดขาดกัน เพราะการตัดขาดกันในเรื่องนี้ถือว่า เป็นการเผชิญกับโทษมหันต์ซึ่งอัลลอฮฺตรัสว่า

(فَهَلْ عَسَيْتُمْ إِن تَوَلَّيْتُمْ أَن تُفْسِدُوا فِي الْأَرْضِ وَتُقَطِّعُوا أَرْحَامَكُمْ﴾ (محمد : 22 )

“ดังนั้น หวังกันว่า หากพวกเจ้าผินหลังให้(กับการอีมานแล้ว)พวกเจ้าก็จะก่อความเสียหายในแผ่นดินและตัดความสัมพันธ์ทางเครือญาติของพวกเจ้ากระนั้นหรือ?” 

ท่านนะบีมุฮัมมัด  กล่าวว่า “คนที่ตัดขาดทางเครือญาติจะไม่เข้าสวรรค์” 

 

การทําดีต่อเครือญาติจะได้รับผลบุญเป็นสองเท่า  ท่านนะบีมุฮัมมัด กล่าวว่า

 “การบริจาคทานให้กับคนยากไร้ได้ผลบุญแห่งการบริจาคทาน  ถ้าได้บริจาคแก่ญาติผู้ใกล้ชิดจะได้รับสองผลบุญ

คือ ผลบุญของการบริจาคทาน  และผลบุญของการเชื่อมมิตรไมตรีในหมู่เครือญาติ” 

 

           - ถ้านางเป็นเพื่อบ้านที่อยู่ใกล้ชิด  สําหรับนางคือสองสิทธิที่สมควรได้รับ  คือ สิทธิแห่งอิสลาม  และสิทธิแห่งเพื่อนบ้าน   อัลลอฮฺตรัสในคัมภีร์อัลกุรอานว่า

﴿وَاعْبُدُواْ اللهَ وَلاَ تُشْرِكُواْ بِهِ شَيْئاً وَبِالْوَالِدَيْنِ إِحْسَاناً وَبِذِي الْقُرْبَى وَالْيَتَامَى وَالْمَسَاكِينِ وَالْجَارِ ذِي الْقُرْبَى وَالْجَارِ الْجُنُبِ وَالصَّاحِبِ بِالجَنبِ﴾ (النساء : 36 )

“และจงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด และอย่าให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ และจงทำดีต่อผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง

และต่อผู้เป็นญาติที่ใกล้ชิด และเด็กกำพร้าและผู้ขัดสน และเพื่อนบ้านใกล้เคียงและเพื่อนที่ห่างไกล และเพื่อนเคียงข้าง”

 

          หน้าที่ของผู้ที่ใกล้ชิดนาง ในฐานะเพื่อนบ้าน คือต้องทําดีต่อนาง  หมั่นรักษาคํามั่นสัญญาต่อกัน  ส่งความช่วยเหลือในยามที่นางต้องการความช่วยเหลือ  ทั้งในด้านความจําเป็นในการดําเนินชีวิต หรือ เรื่องอื่นๆ ที่นางต้องการความช่วยเหลือ  ท่านนะบีมุฮัมมัด กล่าวว่า

“มลาอิกะฮฺญิบรีล(เทวทูตของอัลลอฮฺ)ได้สั่งเสียฉันอยู่เสมอเป็นเนืองนิจเพื่อให้ทำดีต่อเพื่อนบ้าน 

จนทำให้ฉันคิดเหมือนว่าเขาต้องการให้เพื่อนบ้านสามารถที่จะรับส่วนแบ่งของมรดกได้ด้วย” 

 

          นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคนที่จะต้องปกป้องเกียรติ  และตัวของนาง  ไม่ทําร้ายและกล่าวละเมิดด้วยวาจาที่ไม่สุภาพหรือการปฏิบัติต่อนางอย่างไม่ชอบธรรม  ท่านนะบีมุฮัมมัด  กล่าวว่า

 “วัลลอฮฺ ! (ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ) เขาคนนั้นไม่ศรัทธาพอ 

วัลลอฮฺ ! เขายังไม่ศรัทธาพอ 

วัลลอฮฺ ! เขายังไม่ศรัทธาพอ (ท่านได้สาบานกับนามของอัลลอฮฺสามครั้ง) 

 มีคนถามว่า ใครเล่าโอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ? 

ท่านตอบว่า “ผู้ซึ่งเพื่อนบ้านของเขาไม่ปลอดภัยจากความชั่วของเขา”   

 

          ♣ - เพื่อประกันสิทธิความชอบธรรมของนางในฐานะสตรีคนหนึ่ง   อิสลามจึงประกาศแก่มุสลิมทุกคนให้รับรู้ว่า  การทําดีต่อนางตลอดจนการช่วยเหลือนาง  คือสิ่งที่มุสลิมทุกคนควรแข่งกันทํา และเช่นนี้คือการงานที่ประเสริฐยิ่ง  ท่านนะบีมุฮัมมัด กล่าวว่า

 “ผู้ที่ออกตระเวนหาหญิงหม้ายและผู้ยากจน(เพื่อช่วยเหลือ) เปรียบเสมือนคนที่ออกต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺหรือคนที่หมั่นละหมาดกลางคืนและถือศีลอดกลางวัน”  

 

          เหล่าสาวกของท่านนะบีมุฮัมมัด  ได้ออกตระเวนอย่างสมํ่าเสมอเพื่อไต่ถามข่าวคราวความทุกข์สุขของเพื่อนบ้านของพวกเขา โดยเฉพาะผู้ยากไร้  และพวกเขาให้ความสําคัญต่อบรรดาสตรีเป็นพิเศษ รายงานโดยฏ็อลหะฮฺ  ซึ่งกล่าวว่า

           ท่านอุมัรฺ บิน อัลค็อฏฏอบ ได้ออกเดินจากบ้านในคํ่าคืนหนึ่ง ฉันจึงตามหลังเขาไปด้วย  ท่านได้เข้าบ้านหลังหนึ่งแล้วอีกบ้านหนึ่งถัดไป   เมื่อถึงรุ่งเช้าฉันได้เดินผ่านบ้านหลังนั้น ฉันเลยเข้าไปดู  ปรากฎว่ามีหญิงวัยชราตาบอดคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ 

ฉันถามนางว่า  ชายคนนั้นที่มาเมื่อวานเพื่อเหตุใด?

       นางตอบว่า เขาคือผู้ชายที่ได้สัญญากับฉันเมื่อวันก่อนที่ผ่านมาว่าต้องการช่วยเหลือในสิ่งที่ฉันต้องการ  สร้างบ้านให้ฉัน และขจัดสิ่งเลวร้ายทั้งปวงให้ออกห่างจากตัวฉัน

  ฏ็อลหะฮฺกล่าวแก่ตัวเอง ว่า  “ฉันกําลังเสาะหาความผิดของอุมัรฺอีกหรือ ?”

 

          ที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่การยกอ้างถึงสิทธิและหน้าที่ของสตรีอย่างกว้าง ๆ  เพราะนอกจากนี้ยังมีสิทธิและหน้าที่อื่นๆ อีกมากมายซึ่งแตกแขนงมาจากสิทธิและหน้าที่ดังกล่าว    กระนั้นที่กล่าวมาทั้งหมดก็ได้ทำให้ประจักษ์แก่เราแล้วถึงภาพลักษณ์อันดีงามของอิสลามที่มีต่อบรรดาสตรี

 




แปลโดย : อิบนุ ร็อมลี ยูนุส  /  Islam House