ผู้สร้างประวัติศาสตร์
  จำนวนคนเข้าชม  9679

 

 

ผู้สร้างประวัติศาสตร์

 

               ในประวัติศาสตร์โลกนั้น  ความประเสริฐของบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ นะบีมุฮัมมัด  ได้พุ่งขึ้นสูงสุดเหนือบรรดาบุรุษทั้งมวลในทุกยุคทุกสมัย    ถ้านำมาเปรียบเทียบกับท่านนะบี  แล้วบุรุษเหล่านั้นจะดูเหมือนเป็นคนแคระไปในทันที  ไม่มีใครเลยในจำนวนพวกเขา  ที่จะมีอัจฉริยะในด้านการสร้างความประทับใจอันลึกซึ้งได้มากกว่าหนึ่งหรือสองด้านของชีวิตมนุษย์  บางทีก็ชี้แจงแต่ในทางทฤษฎีและความคิดเห็นแต่ขาดการปฏิบัติ  บางกลุ่มก็สามารถปฏิบัติแต่ขาดความรู้  คนมีชื่อเสียงแต่ก็เป็นเพียงรัฐบุรุษ  บางพวกมีความสามารถทางยุทธศาสตร์และยุทธวิธีการรบ  บ้างก็มุ่งอยู่กับแง่ใดแง่หนึ่งของชีวิตทางสังคมจนกระทั่งมองข้ามแง่อื่น ๆ ไปจนหมดสิ้น  บ้างก็อุทิศชีวิตและกำลังไปในทางธรรมและความบริสุทธิ์ทางจิต  แต่ละเลยทางเศรษฐศาสตร์และทางการเมือง  ละเลยศีลธรรมและการศึกษาทางด้านจิตใจและปัญญา  จะกล่าวคือเราได้พบวีรบุรุษผู้ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและชำนาญในแง่ใดแง่หนึ่งของชีวิดเท่านั้น

               ความชำนาญและความเชี่ยวชาญของท่านนบีมูฮัมมัด  เป็นตัวอย่างแห่งความดีเลิศทั้งมวลที่รวมกันอยู่ เป็นหนึ่งในนักปรัชญาและศาสดาพยากรณ์  และยังเป็นตัวอย่างแห่งคำสอนอีกด้วย  ท่านนะบี  เป็นรัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่  เป็นอัจฉริยะทางการทหาร  เป็นนักกฎหมาย เป็นครูทางศีลธรรมจรรยา  เป็นแสงสว่างแห่งปัญญาและจิตใจ  พร้อมทั้งเป็นผู้นำทางศาสนา  สายตาของท่านมองทะลุในทุก ๆ ด้านของชีวิตและไม่มีสิ่งใดที่แตะต้องแล้วมิได้ทำให้ดีขึ้น  คำสั่งและข้อบัญญัติได้ครอบคลุมทั้งกฎความเกี่ยวพันระหว่างชาติไปจนถึงภารกิจประจำวัน  เช่น  การกิน  การดื่ม  และการทำความสะอาดร่างกาย  บนพื้นฐานของทฤษฎี ท่านได้สร้างอารยธรรมและวัฒนธรรม  และทำให้เกิดดุลยภาพอันสมบูรณ์ในการขัดแย้งกันระหว่างปัญหาชีวิตจนกระทั่งไม่สามารถที่จะพบแม้แต่รอยเล็กที่สุดของการผิดพลาดความไม่เหมาะสมและความไม่สมบูรณ์  จะมีใครบ้างที่สามารถมีความสมบูรณ์ไปหมดทุกด้านแห่งบุคลิกได้เช่นนี้

               ส่วนใหญ่บุคคลที่มีชื่อเสียงของโลกนั้นเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมรอบตัว  แต่สำหรับกรณีของท่านศาสดา สิ่งแวดล้อมไม่มีส่วนต่อบุคลิกของท่านเลย  และไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่า  ท่านได้ถือกำเนิดมาพร้อมกับกฏระเบียบต่าง ๆ ในอาระเบีย อาระเบียขณะนั้นได้รอคอยการปรากฏตัวของบุคคลที่จะเชื่อมชนเผ่ากระหายสงครามทั้งหลายเข้าเป็นชาติเดียวกัน  และวางพื้นฐานของเศรษฐกิจอันเป็นปึกแผ่น และความอยู่ดีกินดี 

               ในแง่ปรัชญาทางประวัติศาสตร์ของ  Hegel’s  Philosophy of  history หรือเรื่องราวทางประวัติศาสตร์วัตถุนิยมมาร์ก (Marx’s historical Materialism)  ได้กล่าวว่า เวลาและสิ่งแวดล้อมได้เรียกร้องการปรากฏตัวของผู้นำ ที่จะสร้างชาติและตั้งจักรวรรดิขึ้นได้  แต่ทว่าทั้งทางปรัชญาของ  Hegelian และของ Marxian ให้คำอธิบายไม่ได้ว่า  เหตุใดสิ่งแวดล้อมที่ตกต่ำในยุคอาระเบียจึงสามารถสร้างวีรบุรุษ  ให้มีหน้าที่สั่งสอนศีลธรรมที่สมบูรณ์  ทำความบริสุทธิ์ให้แก่มวลมนุษย์ทุกกลุ่ม ตั้งแต่พวกที่ต่ำที่สุด  และชำระล้างคติทางไสยศาสตร์ในระยะแห่งความโง่เขลาและความมืดมิด  บุรุษซึ่งมองไกลเกินกว่าเขตจำกัดของเชื้อชาติ ได้วางรากฐานของศีลธรรม  จิตใจและโครงสร้างทางการเมืองเพื่อประโยชน์แก่โลก  มิใช่เพื่อประเทศของตนเอง  ผู้ซึ่งลงมือทำกิจการต่างๆเองมิใช่แต่เพียงการอ้างทางทฤษฎี  ทั้งทางด้านพลเรือน  การเมืองความสัมพันธ์ระหว่างนานาชาติ ทางศีลธรรม  เป็นผู้สร้างศักยภาพและผสมกลมกลืนความสัมพันธ์ระหว่างชีวิตทางโลกและการพัฒนาทางจิตใจ จนกระทั่งปัจจุบัน หน้าที่นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นงานชิ้นเอกแห่งสติปัญญา  จะมีใครบ้างที่สามารถเรียกบุรุษผู้นี้ว่า  เป็นผลพวงที่เกิดจากความมืดมิดและโง่เขลา  ซึ่งแผ่กระจายอยู่ทั่วอาระเบียในยุคนั้น

               ท่านนะบี  ไม่ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม  ท่านเป็นผู้ที่อยู่เหนือขอบเขตของเวลาและสถานที่  สายตาของท่านมองทะลุอุปสรรคทั้งทางโลกและทางวัตถุ  มองข้ามพ้นศตวรรษพร้อมทั้งเข้าใจถึงการกระทำทั้งหมดของมนุษยชาติ  ท่านไม่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเพียงผู้นำที่ดีในสมัยของท่านเท่านั้น  ท่านนะบี  เป็นผู้นำที่พิเศษและหาที่เปรียบมิได้ของมนุษย์ชาติ  เป็นผู้ซึ่งไปพร้อมกับเวลา  เป็นผู้ซึ่งทันสมัยอยู่เสมอราวกับว่าท่านยังอยู่ในประวัติศาสตร์ของแต่ละสมัย  คำสอนของท่านทันสมัยอยู่ตลอดเวลาราวกับเช้าวันพรุ่งนี้
              

          สมญานาม “ผู้สร้างประวัติศาสตร์”  เป็นเพียงผลพวงแห่งประวัติศาสตร์เท่านั้น ในประวัติศาสตร์มนุษย์  ท่านศาสดาเป็นตัวอย่างของ “ผู้สร้างประวัติศาสตร์” ที่แท้จริง คนเราเมื่อพิจารณาชีวิตและสิ่งแวดล้อมของผู้นำที่ยิ่งใหญ่แล้วจะพบว่า  พลังแห่งการปฏิบัติได้มารวมกัน เพื่อคอยโอกาสที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง และพลังเหล่านั้นได้ดำเนินไปในทิศทางใดทางหนึ่งโดยเฉพาะ  จะคอยก็แต่เพียงโอกาสที่จะระเบิดออกมา  และเวทีได้ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว  แต่ท่ามกลาง “ผู้สร้างประวัติศาสตร์” และนักปฏิวัติทุกยุคทุกสมัยท่านศาสดา เป็นบุคคลเดียวที่ต้องหาทางและวิธีรวบรวมเครื่องมือเพื่อการปฏิวัติ  เป็นผู้ฝึกฝนและปั้นให้เป็นกลุ่มชนชนิดที่ท่านต้องการ  เพื่อเป้าประสงค์และจุดมุ่งหมาย ท่านได้สร้างความประทับใจ  อันมิเสื่อมคลายบนจิตใจของสาวกนับเป็นพัน ๆ คน ด้วยบุคลิกอันแข็งแกร่ง  และฝึกชนเหล่านั้นให้เป็นไปตามจุดประสงค์ที่แน่วแน่  ซึ่งท่านะบีได้แสดงความเฉลียวฉลาดได้อย่างปราดเปรื่อง

  

 

จากหนังสือ “มาเข้าใจ ‘อิสลาม’ กันเถิด”

แปลและเรียบเรียง  “จินตนา”