การเข้าไปมีส่วนร่วมในความคิดมนุษย์
ความสำเร็จของมหาบุรุษ(นะบีมุฮัมมัด) มิได้หยุดอยู่เพียงนั้น การที่จะค้นคว้าหาคุณค่าของท่านนะบีอย่างแท้จริง จึงต้องศึกษาสภาพทั่วไปของประวัติศาสตร์โลกทั้งหมดในขณะนั้น การที่จะมอบให้ผู้ไร้การศึกษาซึ่งอาศัยอยู่ในทะเลทรายแห่งอาระเบีย ผู้เกิดใน ยุคมืด (ญาฮิลียะฮ์) 1400 กว่าปีมาแล้ว ได้กลายเป็นผู้บุกเบิกแห่งยุคใหม่และเป็นผู้นำที่แท้จริงของมวลมนุษย์ ท่านนะบี ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำของกลุ่มชนที่นับถือท่านในฐานะ ผู้นำ เท่านั้น อีกทั้งยังเป็นผู้นำของกลุ่มชนที่ไม่เคยยกย่องท่าน และเป็นผู้นำของกลุ่มชนที่ประณามท่านอีกด้วย โดยพวกหลังนั้นไม่รู้ความจริงที่ว่า การนำของท่านได้ทรงอิทธิพลจนไม่สามารถสังเกตได้ ในความคิดเห็นและการกระทำของพวกเขา ตลอดจนได้เข้าครอบงำวิถีชีวิตจิตใจและความสมัยใหม่ด้วย 1
ท่านเป็นผู้ชักนำความคิดของมนุษย์ให้หันเหออกจากทางไสยศาสตร์ จากความลุ่มหลงในสิ่งที่เหนือธรรมชาติ สิ่งที่เหนือความเข้าใจและอยู่ไกลเหตุผลทั้งมวล และนำให้เข้าสู่การรักความจริง การปฏิบัติศาสนาให้เท่ากับชีวิตในทางโลก ซึ่งยึดถือแต่สิ่งเหนือธรรมชาติเป็นสิ่งมหัศจรรย์และขอให้สิ่งเหล่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงทางเรื่องศาสนา ท่านนะบีได้ก่อให้เกิดแรงกระตุ้นทางข้อพิสูจน์ที่มีเหตุผล ได้ช่วยให้มวลชนเกิดศรัทธาในบรรทัดฐานแห่งสัจธรรมท่านเป็นผู้เบิกดวงตาของกลุ่มชนผู้ซึ่งหลงงมงายจนกระทั่งมองลักษณะของพระผู้เป็นเจ้าในลักษณะที่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ท่านนะบีผู้ไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน ได้เป็นผู้นำมวลมนุษย์ไปยังทางแห่งความเข้าใจที่ถูกต้องและเข้าสู่เหตุผลอันลึกซึ้ง โดยอาศัยจากหลักสังเกตการณ์ ทดลอง และค้นคว้า ท่านเป็นผู้กำหนดขอบเขตและหน้าที่ของการมีสติ เหตุผลและความรู้สึก
ท่านเป็นผู้แสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวพันของคุณค่าทางรูปธรรมและนามธรรม ท่านเป็นผู้เชื่อมความศรัทธาเข้ากับความรู้และการกระทำ ท่านเป็นผู้สร้างสรรค์ความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ด้วยอำนาจของศรัทธาทางศาสนา และฟื้นฟูความรู้ทางศาสนา โดยอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์
ท่านนะบีมุฮัมมัด เป็นผู้ถอนรากแห่งการบูชารูปเคารพ บูชามนุษย์ และลัทธิการบูชาเจ้าหลายองค์จนหมดสิ้น เพื่อให้เกิดศรัทธาอันแข็งกล้าในความเป็นหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้า จนกระทั่งศาสนาซึ่งมีรากฐานในเรื่องไสยศาสตร์และการบูชารูปเคารพ ต้องหันกลับมาบูชาพระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียว ท่านเป็นผู้เปลี่ยนหลักความเชื่อถือและจิตใจคนสมัยนั้น
และสำหรับผู้ที่เชื่อว่าการแยกตัวออกจากสังคมและการบำเพ็ญทุกข์เท่านั้นที่สามารถจะสร้างความบริสุทธิ์ให้กับศีลธรรมและจิตใจได้ และหนีพ้นจากชีวิตทางโลก โดยไม่สนใจกับการเรียกร้องและทรมานร่างกายด้วยวิธีต่าง ๆ ท่านศาสดาได้แสดงให้เห็นถึงวิธีแห่งการพัฒนาจิตใจ การเป็นอิสระแห่งอารยธรรม การบรรลุถึงการหลุดพ้นและมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางโลกรอบ ๆ ตัวเอง โดยไม่ต้องละทิ้งจากความจริงแห่งการดำเนินวิถีชีวิต
ท่านนะบีมุฮัมมัด ได้ชี้แจงให้มนุษย์ตระหนักถึงคุณค่าและสภาพที่แท้จริง ผู้ซึ่งรับรู้แต่เพียงลักษณะของพระผู้เป็นเจ้าหรือพระบุตร ผู้นำทางศีลธรรมหรือผู้นำทางจิตใจ ได้บอกเล่าว่ามนุษย์ธรรมดานั้นย่อมไม่มีข้ออ้างที่จะเป็นตัวแทนของพระองค์ในโลกได้ ผู้ประกาศได้ชี้แจงให้เข้าใจว่าผู้ที่บูชามนุษย์อย่างผิดๆนั้น มิได้เป็นสิ่งใดมากไปกว่ามนุษย์ธรรมดาเลย ท่านศาสดาได้ย้ำว่าไม่มีผู้ใดที่จะอ้างได้ว่าเป็นผู้ที่มีความบริสุทธิ์ มีอำนาจ และเป็นเจ้าขุนมูลนายโดยกำเนิด และไม่มีผู้ใดที่เกิดมาพร้อมด้วยมลทิน หรือเป็นทาสติดอยู่ในตัว คำสั่งสอนของท่านนะบี ทำให้มนุษย์คิดได้ถึงความเป็นหนึ่งในมนุษย์ชาติ ความเท่าเทียมกัน ประชาธิปไตยและอิสระที่แท้จริงในโลก
เราจะได้พบผลที่ได้จากการเป็นผู้นำของบุรุษผู้ไร้การศึกษาปรากฏอย่างมากมายในแง่ของกฎต่างๆในการดำเนินชีวิตของโลกนี้ กฎแห่งการประพฤติดี อารยธรรมและวัฒนธรรม ความบริสุทธิ์แห่งความคิด สติปัญญาและการกระทำซึ่งปรากฏอยู่ในโลกทุกวันนี้มีต้นการกำเนิดมาจากท่านทั้งสิ้น กฏต่างๆได้ซึมซับเข้าไปในโครงสร้างของสังคมมนุษย์ และดำเนินต่อเนื่องมาจนปัจจุบันกฎเบื้องต้นของเศรษฐศาสตร์ได้นำมาซึ่งความเคลื่อนไหวของประวัติศาสตร์โลก และแสดงให้เห็นว่าจะอยู่ต่อไปจนถึงอนาคต กฎแห่งการปกครองได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในด้านความคิดเห็นทางการเมืองและทฤษฎีของโลก และยังดำรงอิทธิพลจนกระทั่งทุกวันนี้ กฎต่าง ๆ ที่เป็นพื้นฐานของกฎหมายและความยุติธรรม ซึ่งได้เป็นพยานแห่งความเป็นอัจฉริยะของท่านได้มีอิทธิพลอย่างมากมายต่อการบริหารในระบบยุติธรรม ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดทางกฎหมาย
บุรุษผู้ไร้การศึกษาผู้นี้เป็นคนแรกที่ได้วางรูปแบบของความสำคัญระหว่างประเทศอย่างจริงจัง ก่อตั้งกฎของสงครามและสันติภาพ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีใครที่คิดว่าจะมีหลักจรรยาธรรมในการสงคราม และกฎแห่งความสัมพันธ์ระหว่างชาติสามารถตั้งขึ้นได้บนพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ธรรมดานี่เอง
จากหนังสือ มาเข้าใจ อิสลาม กันเถิด
แปลและเรียบเรียง จินตนา
1. อาเธอร์ ลีโอนาร์ด ( Arthar Leonard ) กล่าวว่า ที่จริงแล้วอิสลามก็ได้สร้างงานชิ้นหนึ่งขึ้น ที่อิสลามได้ทิ้งรอยจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ รอยนั้นเป็นรอยที่ตราตรึงฝังแน่นเสียจนไม้มีสิ่งใดจะลบออกได้ และตราบใดที่โลกยังดำเนินต่อไปสิ่งนั้นจะเป็นที่ยอมรับทั้งหมด"
John Devenport นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำได้ให้ข้อคิดไว้ว่า ต้องเป็นที่ยอมรับกันว่า ความรู้ทั้งหมดไม่ว่าฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ ปรัชญาหรือคณิตศาสตร์ซึ่งได้เจริญขึ้นในยุโรปมาแต่ศตวรรษที่ 10 นั้นแต่ดั้งเดิมได้มาจากโรงเรียนอาหรับ และพวกสเปน ( Spanish ) สาราเซน ( Saracen ) อาจจะได้รับสมญาว่าเป็นบิดาแห่งปรัชญาของยุโรป ข้อความนี้ขัดโดย เอ. การีม ( A. Karim ) ในหนังสือเรื่อง Islams Contribution Of Science and Civilization
บัทแรนดฺ รุสเซล ( Bertrand Russell ) นักปรัชญาชาวอังกฤษเขียนว่า ความสำคัญอันยอดเยี่ยมของของตะวันออกมิใช่แต่เพียงกำลังทางทหารเท่านั้น วิทยาศาสตร์ ปรัชญา กวีนิพนธ์ และศิลปะตลอดจนวิทยาการทุกแขนง เฟื่องฟูขึ้นในสมัยนะบีมุฮัมมัด ในขณะที่ยุโรปกำลังจมลึกอยู่ในความป่าเถื่อนด้วยความดูถูกอันจะอภัยไม่ได้เลยชาวยุโรปเรียกยุคนี้ว่า ยุคมืด แต่ยุคมืดมีเฉพาะในยุโรปเท่านั้น มีแต่เฉพาะยุโรปที่เป็นคริสเตียนเท่านั้น สำหรับสเปนซึ่งได้รับอิทธิพลแบบของของนะบีมุฮัมมัด นั้นมีอารยธรรมที่สูงส่งที่เดียว ( จาก Pakistain Quarterly. Volr. IV. No.3 ย้ำของเรา )
นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงชื่อ Robert Briffault ได้กล่าวไว้ในหนังสือของเขาชื่อ The making of Humanity น่าทึ่งอย่างยิ่งทีเดียวว่าสำหรับชาวอาหรับ อารยธรรมยุโรปสมัยใหม่จะไม่สามารถอ้างได้ว่าลักษณะนั้นอยู่เหนือลักษณะวิวัฒนาการด้านต่าง ๆ ซึ่งเคยมีมาแต่ก่อน เพราะว่าจะมิใช่มีแต่เพียงลักษณะเดียวแห่งความเจริญของมนุษย์ซึ่งไม่สามารถค้นพบอิทธิพลของอิสลามก็ตาม แต่ก็ไม่มีที่ใดซึ่งจะแจ่มชัดและสำคัญไปกว่าการเริ่มต้นของอำนาจซึ่งเป็นส่วนสำคัญอันเด่นชัดและพลังของโลกสมัยใหม่ แหล่งสำคัญของชัยชนะทางวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและความคิดทางวิทยาศาสตร์ สิ่งที่เราเรียกว่าวิทยาศาสตร์ ได้บังเกิดขึ้นในยุโรปโดยผลจากข้อสงสัย วิธีการทดลอง, สังเกต วัด และวิวัฒนาการทางคณิตศาสตร์ ในรูปที่ชาวกรีกไม่เคยรู้จักมาแต่ก่อน ความคิดและวิธีการต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ชาวอาหรับนำมาเผยแผ่แก่ชาวยุโรป