การเข้าไปมีส่วนร่วมในความคิดมนุษย์
  จำนวนคนเข้าชม  7725

การเข้าไปมีส่วนร่วมในความคิดมนุษย์


          ความสำเร็จของมหาบุรุษ(นะบีมุฮัมมัด) มิได้หยุดอยู่เพียงนั้น  การที่จะค้นคว้าหาคุณค่าของท่านนะบีอย่างแท้จริง  จึงต้องศึกษาสภาพทั่วไปของประวัติศาสตร์โลกทั้งหมดในขณะนั้น  การที่จะมอบให้ผู้ไร้การศึกษาซึ่งอาศัยอยู่ในทะเลทรายแห่งอาระเบีย  ผู้เกิดใน “ยุคมืด” (ญาฮิลียะฮ์)   1400 กว่าปีมาแล้ว  ได้กลายเป็นผู้บุกเบิกแห่งยุคใหม่และเป็นผู้นำที่แท้จริงของมวลมนุษย์  ท่านนะบี ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำของกลุ่มชนที่นับถือท่านในฐานะ “ผู้นำ” เท่านั้น อีกทั้งยังเป็นผู้นำของกลุ่มชนที่ไม่เคยยกย่องท่าน และเป็นผู้นำของกลุ่มชนที่ประณามท่านอีกด้วย  โดยพวกหลังนั้นไม่รู้ความจริงที่ว่า การนำของท่านได้ทรงอิทธิพลจนไม่สามารถสังเกตได้ ในความคิดเห็นและการกระทำของพวกเขา  ตลอดจนได้เข้าครอบงำวิถีชีวิตจิตใจและความสมัยใหม่ด้วย “1”
 
           ท่านเป็นผู้ชักนำความคิดของมนุษย์ให้หันเหออกจากทางไสยศาสตร์  จากความลุ่มหลงในสิ่งที่เหนือธรรมชาติ  สิ่งที่เหนือความเข้าใจและอยู่ไกลเหตุผลทั้งมวล  และนำให้เข้าสู่การรักความจริง  การปฏิบัติศาสนาให้เท่ากับชีวิตในทางโลก ซึ่งยึดถือแต่สิ่งเหนือธรรมชาติเป็นสิ่งมหัศจรรย์และขอให้สิ่งเหล่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงทางเรื่องศาสนา  ท่านนะบีได้ก่อให้เกิดแรงกระตุ้นทางข้อพิสูจน์ที่มีเหตุผล  ได้ช่วยให้มวลชนเกิดศรัทธาในบรรทัดฐานแห่งสัจธรรม 

ท่านเป็นผู้เบิกดวงตาของกลุ่มชนผู้ซึ่งหลงงมงายจนกระทั่งมองลักษณะของพระผู้เป็นเจ้าในลักษณะที่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ  ท่านนะบีผู้ไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน  ได้เป็นผู้นำมวลมนุษย์ไปยังทางแห่งความเข้าใจที่ถูกต้องและเข้าสู่เหตุผลอันลึกซึ้ง  โดยอาศัยจากหลักสังเกตการณ์  ทดลอง  และค้นคว้า  ท่านเป็นผู้กำหนดขอบเขตและหน้าที่ของการมีสติ  เหตุผลและความรู้สึก 

ท่านเป็นผู้แสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวพันของคุณค่าทางรูปธรรมและนามธรรม  ท่านเป็นผู้เชื่อมความศรัทธาเข้ากับความรู้และการกระทำ  ท่านเป็นผู้สร้างสรรค์ความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ด้วยอำนาจของศรัทธาทางศาสนา  และฟื้นฟูความรู้ทางศาสนา  โดยอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์

               ท่านนะบีมุฮัมมัด เป็นผู้ถอนรากแห่งการบูชารูปเคารพ  บูชามนุษย์  และลัทธิการบูชาเจ้าหลายองค์จนหมดสิ้น  เพื่อให้เกิดศรัทธาอันแข็งกล้าในความเป็นหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้า  จนกระทั่งศาสนาซึ่งมีรากฐานในเรื่องไสยศาสตร์และการบูชารูปเคารพ ต้องหันกลับมาบูชาพระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียว  ท่านเป็นผู้เปลี่ยนหลักความเชื่อถือและจิตใจคนสมัยนั้น 

และสำหรับผู้ที่เชื่อว่าการแยกตัวออกจากสังคมและการบำเพ็ญทุกข์เท่านั้นที่สามารถจะสร้างความบริสุทธิ์ให้กับศีลธรรมและจิตใจได้  และหนีพ้นจากชีวิตทางโลก โดยไม่สนใจกับการเรียกร้องและทรมานร่างกายด้วยวิธีต่าง ๆ  ท่านศาสดาได้แสดงให้เห็นถึงวิธีแห่งการพัฒนาจิตใจ  การเป็นอิสระแห่งอารยธรรม  การบรรลุถึงการหลุดพ้นและมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางโลกรอบ ๆ ตัวเอง โดยไม่ต้องละทิ้งจากความจริงแห่งการดำเนินวิถีชีวิต
           
           ท่านนะบีมุฮัมมัด ได้ชี้แจงให้มนุษย์ตระหนักถึงคุณค่าและสภาพที่แท้จริง ผู้ซึ่งรับรู้แต่เพียงลักษณะของพระผู้เป็นเจ้าหรือพระบุตร   ผู้นำทางศีลธรรมหรือผู้นำทางจิตใจ ได้บอกเล่าว่ามนุษย์ธรรมดานั้นย่อมไม่มีข้ออ้างที่จะเป็นตัวแทนของพระองค์ในโลกได้  ผู้ประกาศได้ชี้แจงให้เข้าใจว่าผู้ที่บูชามนุษย์อย่างผิดๆนั้น มิได้เป็นสิ่งใดมากไปกว่ามนุษย์ธรรมดาเลย  ท่านศาสดาได้ย้ำว่าไม่มีผู้ใดที่จะอ้างได้ว่าเป็นผู้ที่มีความบริสุทธิ์  มีอำนาจ  และเป็นเจ้าขุนมูลนายโดยกำเนิด  และไม่มีผู้ใดที่เกิดมาพร้อมด้วยมลทิน  หรือเป็นทาสติดอยู่ในตัว  คำสั่งสอนของท่านนะบี ทำให้มนุษย์คิดได้ถึงความเป็นหนึ่งในมนุษย์ชาติ  ความเท่าเทียมกัน ประชาธิปไตยและอิสระที่แท้จริงในโลก
        
     เราจะได้พบผลที่ได้จากการเป็นผู้นำของบุรุษผู้ไร้การศึกษาปรากฏอย่างมากมายในแง่ของกฎต่างๆในการดำเนินชีวิตของโลกนี้    กฎแห่งการประพฤติดี  อารยธรรมและวัฒนธรรม  ความบริสุทธิ์แห่งความคิด  สติปัญญาและการกระทำซึ่งปรากฏอยู่ในโลกทุกวันนี้มีต้นการกำเนิดมาจากท่านทั้งสิ้น  กฏต่างๆได้ซึมซับเข้าไปในโครงสร้างของสังคมมนุษย์ และดำเนินต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน 

กฎเบื้องต้นของเศรษฐศาสตร์ได้นำมาซึ่งความเคลื่อนไหวของประวัติศาสตร์โลก  และแสดงให้เห็นว่าจะอยู่ต่อไปจนถึงอนาคต  กฎแห่งการปกครองได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในด้านความคิดเห็นทางการเมืองและทฤษฎีของโลก  และยังดำรงอิทธิพลจนกระทั่งทุกวันนี้  กฎต่าง ๆ ที่เป็นพื้นฐานของกฎหมายและความยุติธรรม  ซึ่งได้เป็นพยานแห่งความเป็นอัจฉริยะของท่านได้มีอิทธิพลอย่างมากมายต่อการบริหารในระบบยุติธรรม ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดทางกฎหมาย

         บุรุษผู้ไร้การศึกษาผู้นี้เป็นคนแรกที่ได้วางรูปแบบของความสำคัญระหว่างประเทศอย่างจริงจัง  ก่อตั้งกฎของสงครามและสันติภาพ  ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีใครที่คิดว่าจะมีหลักจรรยาธรรมในการสงคราม  และกฎแห่งความสัมพันธ์ระหว่างชาติสามารถตั้งขึ้นได้บนพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ธรรมดานี่เอง

 

 

จากหนังสือ “มาเข้าใจ ‘อิสลาม’ กันเถิด”

แปลและเรียบเรียง  “จินตนา”



1. อาเธอร์  ลีโอนาร์ด  ( Arthar  Leonard )  กล่าวว่า “ ที่จริงแล้วอิสลามก็ได้สร้างงานชิ้นหนึ่งขึ้น  ที่อิสลามได้ทิ้งรอยจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์  รอยนั้นเป็นรอยที่ตราตรึงฝังแน่นเสียจนไม้มีสิ่งใดจะลบออกได้  และตราบใดที่โลกยังดำเนินต่อไปสิ่งนั้นจะเป็นที่ยอมรับทั้งหมด"
 
              John  Devenport  นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำได้ให้ข้อคิดไว้ว่า “ ต้องเป็นที่ยอมรับกันว่า  ความรู้ทั้งหมดไม่ว่าฟิสิกส์  ดาราศาสตร์  ปรัชญาหรือคณิตศาสตร์ซึ่งได้เจริญขึ้นในยุโรปมาแต่ศตวรรษที่ 10  นั้นแต่ดั้งเดิมได้มาจากโรงเรียนอาหรับ  และพวกสเปน ( Spanish ) สาราเซน  (  Saracen )  อาจจะได้รับสมญาว่าเป็นบิดาแห่งปรัชญาของยุโรป”  ข้อความนี้ขัดโดย  เอ. การีม ( A. Karim ) ในหนังสือเรื่อง  Islam’s Contribution Of Science and Civilization
 
         บัทแรนดฺ  รุสเซล  ( Bertrand  Russell )  นักปรัชญาชาวอังกฤษเขียนว่า  “ความสำคัญอันยอดเยี่ยมของของตะวันออกมิใช่แต่เพียงกำลังทางทหารเท่านั้น  วิทยาศาสตร์  ปรัชญา  กวีนิพนธ์  และศิลปะตลอดจนวิทยาการทุกแขนง  เฟื่องฟูขึ้นในสมัยนะบีมุฮัมมัด ในขณะที่ยุโรปกำลังจมลึกอยู่ในความป่าเถื่อนด้วยความดูถูกอันจะอภัยไม่ได้เลยชาวยุโรปเรียกยุคนี้ว่า “ ยุคมืด”  แต่ยุคมืดมีเฉพาะในยุโรปเท่านั้น  มีแต่เฉพาะยุโรปที่เป็นคริสเตียนเท่านั้น  สำหรับสเปนซึ่งได้รับอิทธิพลแบบของของนะบีมุฮัมมัด นั้นมีอารยธรรมที่สูงส่งที่เดียว”  ( จาก  Pakistain  Quarterly. Volr. IV. No.3 ย้ำของเรา )
    
            นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงชื่อ  Robert  Briffault  ได้กล่าวไว้ในหนังสือของเขาชื่อ The making of Humanity 
“ น่าทึ่งอย่างยิ่งทีเดียวว่าสำหรับชาวอาหรับ  อารยธรรมยุโรปสมัยใหม่จะไม่สามารถอ้างได้ว่าลักษณะนั้นอยู่เหนือลักษณะวิวัฒนาการด้านต่าง ๆ ซึ่งเคยมีมาแต่ก่อน  เพราะว่าจะมิใช่มีแต่เพียงลักษณะเดียวแห่งความเจริญของมนุษย์ซึ่งไม่สามารถค้นพบอิทธิพลของอิสลามก็ตาม  แต่ก็ไม่มีที่ใดซึ่งจะแจ่มชัดและสำคัญไปกว่าการเริ่มต้นของอำนาจซึ่งเป็นส่วนสำคัญอันเด่นชัดและพลังของโลกสมัยใหม่  แหล่งสำคัญของชัยชนะทางวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและความคิดทางวิทยาศาสตร์  สิ่งที่เราเรียกว่าวิทยาศาสตร์  ได้บังเกิดขึ้นในยุโรปโดยผลจากข้อสงสัย วิธีการทดลอง,  สังเกต  วัด  และวิวัฒนาการทางคณิตศาสตร์  ในรูปที่ชาวกรีกไม่เคยรู้จักมาแต่ก่อน  ความคิดและวิธีการต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ชาวอาหรับนำมาเผยแผ่แก่ชาวยุโรป”